เมื่อวันที่ 30 มี.ค. นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีต ส.ส. และหัวหน้าพรรครักษ์ประเทศไทย โพสต์ข้อความเฟซบุ๊กส่วนตัว “ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์” ระบุว่า “เริ่มแล้ว! เทศกาลเลือกผู้ว่าฯ กทม. ป้ายหาเสียงเริ่มทยอยออก คนที่ว่า “ยังไม่ได้ตัดสินใจ เดี๋ยวบอก” เพิ่งลาออกไปไม่กี่วัน ดันป้ายพรึบพรับมาก่อนใคร คือ อดีตผู้ว่าฯ อัศวิน ที่ตอนแรกๆ คนกรุงเทพฯ คิดว่าไม่ลง ที่ไหนได้ พร้อมเสียยิ่งกว่าพร้อม แถมมีทีม ส.ก. ครบทุกเขตมากันแบบเป็นทีม ต่อไปผมขอทำตัวเป็นนักวิเคราะห์ว่า ใครจะเป็นผู้ว่าฯ กทม.ทำตัวเป็นนักวิเคราะห์ว่า ใครจะเป็นผู้ว่าฯ กทม. ทั้งกลยุทธ์ นโยบาย ภาพลักษณ์ การตลาด

เอากันตรงๆ ตามสไตล์ ตอนนี้แค่ขั้นรำปี่รำกลอง โพลเชื่อไม่ได้ เพราะขนาดทุกโพลล์บอกชนะ แต่วันสุดท้ายคนกรุงเทพฯ เปลี่ยนใจเอาดื้อๆ ผมลงสมัครผู้ว่าฯ กทม. 2 ครั้งเมื่อปี พ.ศ. 2547 และ พ.ศ. 2551 ได้คะแนนเป็นอันดับ 3 คะแนนมากกว่า 330,000 ทั้งสองครั้ง ย่อมรู้ใจคนกรุงเทพฯ ไม่น้อย ลงครั้งแรก หาได้มีประสบการณ์การเมืองใดๆ แต่กลยุทธ์ทุกครั้ง เรียกคะแนนได้มากกว่านักการเมืองมืออาชีพมากมาย ผมเรียกว่า “การตลาดนำการเมือง Political Marketing Approach”

ครั้งนี้ขอวิเคราะห์สั้นๆ ว่า “อัศวินจะเป็นม้ามืด” ชัชชาติ อย่าไปคิดนอนใจเชื่อโพลให้มาก เพราะการเลือกตั้ง กทม. ครั้งนี้ เหมือนเลือก 2 ใบ มีทั้งผู้สมัคร “มาเดี่ยว มาพร้อมทีม และมาแบบอีแอบ แฝงคะแนนพรรค ทำตัวเหมือน “เกลียดปลาไหล แต่ซดน้ำแกงโฮกๆ” ไม่ออกตัวว่าอยู่พรรคไหน แต่ก็อาศัยใบบุญฮั้วกันลับหลัง อย่างนี้คนแถวเยาวราชบ้านผมเรียกว่า “ไม่แน่จริง” “หลอกคนกรุงเทพฯ ตั้งแต่ไก่โห่”

อย่าไปเชื่อภาพสวยๆ พูดจาเก่ง แสดงวิสัยทัศน์เยี่ยม นโยบายสวยหรู ทำเป็นเดินชี้ขยะ คลองเหม็น ทางเท้าชำรุด ใส่รองเท้ายางลุยน้ำท่วม เดินวัดอากาศ วิเคราะห์ปัญหาเป็นฉากๆ ในจอโปรเจคเตอร์ แต่พอเป็นผู้ว่าฯ จริง ดันใบ้รับประทาน ทำงานไม่เป็น จะทำก็ “บ่จี๊” ไม่มีเงิน ไม่มีปัญญาหาเงิน เพราะยังรู้จัก กทม. น้อยไป ว่างบมากจริง แต่หมดไปกับเงินเดือนของบรรดาข้าราชการหลายหมื่นคน เหลือเงินอยู่จิ๊บจ๊อย หากรัฐบาลไม่ให้เงินมา ก็เหมือนคนขับรถเบนซ์ แต่ไม่มีปัญญาผ่อน

คิดแต่นโยบายใช้เงิน ไม่คิดหาเงิน ตอนต่อไปวิเคราะห์เจาะลึก ทั้งปัญหา กทม. ป้ายหาเสียง และการฝอยของผู้สมัครตัวท็อปว่า “อย่าดีแต่พูด” รับประกันมันถึงใจพระเดชพระคุณแน่นอน อ้ายคนไม่พูด แต่ทำงานเก่งก็มี ของพรรค์นี้ในอดีตมีให้เห็นมามากแล้ว การเมือง อย่าไปเชื่อในสิ่งที่เห็น อย่าไปฟังในสิ่งที่ได้ยิน อะไรที่เป็นข่าวลือ มักเป็นข่าวจริงเสมอ”..