จากกรณีเพจเฟซบุ๊ก “อยากดังเดี๋ยวจัดให้ รีเทริน์ part 3” ได้โพสต์คลิปวิดีโอความยาว 1.11 นาที เป็นภาพรถแท็กซี่กำลังขับรถพุ่งชน จยย.จนล้มคว่ำ ฝ่ายชายที่ขี่ จยย.พยายามเข้าไปห้ามแต่อีกฝ่ายยังขับรถชนซ้ำ โดยไม่สนใจฝ่ายหญิงที่ซ้อน จยย.ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด จนฝ่ายหญิงต้องกลิ่งตัวหลบรถ แม้จะมีการพยายามดึงตัวคนขับรถแท็กซี่ที่ก่อเหตุออกมา แต่ฝ่ายแท็กซี่ได้ขับรถหนีไปแล้ว โดยโพสต์ข้อความระบุว่า “…แท็กซี่จงใจขับชนเหมือนจะเหยียบซ้ำ เป็นสิ่งที่ไม่ควรทำอย่างยิ่ง อันตรายถึงชีวิต มีปัญหาก็ควรจะคุยด้วยดี ทำเช่นนี้ไม่สมควรค่ะ แค่บีบแตรไปหนึ่งครั้งครับพี่ เขาก็ลดกระจกมาด่าบีบหาพ่..มรึงเหรอ ผมก็บอกดีๆ ว่าจอดไม่ได้แค่นั้น พอผมขึ้นคร่อมมอไซค์เขาก็ขับมาชนเลยตามคลิปครับพี่ เหตุเกิดที่ปากซอยกิ่งแก้ว 37 วันอาทิตย์ที่ 20 ตอนบ่าย 4 โมงเย็น บาดเจ็บ 1 มีแผลที่หัวเข่าทั้งสองข้าง ครับพี่….”
เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 31 มี.ค. นายสมพร เยาวสังข์ อายุ 46 ปี พร้อมด้วย น.ส.จันทร์ธิมา ออนรอด อายุ 45 ปี สองสามีภรรยาได้เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.ฐานธิษณ์ แดนราศี สารวัตรสอบสวน สภ.บางแก้ว เจ้าของคดีเพื่อสอบถามถึงความคืบหน้า หลังจากถูก นายชาญชัย อังศุวรพฤกษ์ คนขับรถแท็กซี่ขับรถพุ่งชน ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการตกลงเจรจาค่าเสียหายเป็นเงิน 20,000 บาท แต่นายชาญชัย ขอแบ่งจ่ายซึ่งจ่ายมาแล้ว 5,000 บาทแรก พอนัดเจรจาในครั้งที่สอง นายชาญชัย ไม่ยอมเดินทางมา และไม่สามารถติดต่อได้ จึงได้เดินทางเข้ามาสอบถามถึงความคืบหน้าของคดี ซึ่งเจ้าหน้าที่พนักงานสอบสวนได้ส่งหนังสือไปเชิญตัวแล้ว

ภายหลัง นายสมพร เปิดเผยว่า ตนกำลังกลับจากซื้อของที่ตลาดแถวบ้าน พอขี่ จยย.มาถึงปากซอยกิ่งแก้ว 37 พบรถแท็กซี่คันดังกล่าวจอดอยู่บริเวณหน้าปากซอย ลักษณะจอดกีดขวางจนขี่เข้าซอยไม่ได้ ตนเองจึงบีบแตรไป 1 ครั้ง เพื่อขอให้เลื่อนรถ ปรากฏว่าโชเฟอร์แท็กซี่จเปิดกระจกมาด่าว่า “…บีบแตรหาพ่อมึงหรือ…” ตนจึงลงจากรถไปบอกโชเฟอร์รถแท็กซี่ ว่าบริเวณนี้จอดไม่ได้ คนอื่นจะเข้าออกนั้นลำบาก ขณะที่แฟนตนไม่อยากมีเรื่องพยายามรั้งตนไว้ จังหวะนั้นตนกำลังขึ้น จยย. ปรากฏว่าฝ่ายแท็กซี่กลับพุ่งชนจน จยย.ล้มตามคลิป และยังมีการชนซ้ำอีกด้วย ก่อนจะหลบหนีไป เหตุเกิดวันที่ 20 มี.ค. ตนเข้าแจ้งความ จนตำรวจติดตามตัวโชเฟอร์ที่ก่อเหตุได้แล้ว มีการตกลงจ่ายค่าเสียหาย ซึ่งอีกฝ่ายยังจ่ายไม่ครบ ไม่ยอมมาตามนัด และติดต่อไม่ได้อีกด้วย

ด้าน พ.ต.อ.มงคล อ่อนแก้ว ผกก.สภ.บางแก้ว สมุทรปราการ เปิดเผยว่า คดีนี้ทั้งสองฝ่ายเคยเจรจากันแล้วรอบหนึ่ง แต่ไม่เป็นไปตามนัด ทำให้ผู้เสียหายออกมายืนยันว่า จะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด ซึ่งทางพนักงานสอบสวนก็อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานและออกหมายเรียกฝ่ายแท็กซี่มาสอบปากคำ หากออกหมายเรียกไม่มาพบ ก็จะขออนุมัติหมายจับต่อไป ในส่วนว่าเข้าข่ายพยามฆ่าได้หรือไม่ ขณะนี้ยังไม่ฟันธงข้อหาดังกล่าว เพราะต้องสอบปากคำทั้งสองฝ่ายรวมถึงตรวจพยานหลักฐานต่าง ๆ หากเข้าข่ายความผิดพยายามฆ่าก็จะแจ้งข้อหาเพิ่มเติมภายหลัง.
