เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 7 เม.ย. ที่กองบังคับการสืบสวนสอบสวน ตำรวจภูธรภาค 1 นายเดชา กิตติวิทยานันท์ ทนายความคดีแตงโม พร้อมด้วยนางภนิดา ศิระยุทธโยธิน มารดานักแสดงสาวแตงโม-นิดา ได้ร่วมกันเดินทางมาเข้าพบพนักงานสอบสวน ให้ปากคำเพิ่มเติม กรณีตำรวจอาจแจ้งข้อหาเพิ่มเติมกับคนบนเรือสปีดโบ๊ต และเตรียมฟ้องหมิ่นประมาทกับคนที่มาต่อว่าหยาบคายต่อนางภนิดา ศิระยุทธโยธิน ในแอพพลิเคชั่นร้องเพลง WeSing

นายเดชา เปิดเผยว่า วันนี้พนักงานสอบสวนได้เรียกนางภนิดา เข้ามาให้ปากคำเพิ่มเติม เพื่อนำไปประกอบสำนวนว่า ตำรวจจะมีการแจ้งข้อหาทำลายพยานหลักฐานเพิ่มเติมกับกระติกหรือไม่ เนื่องจากพนักงานสอบสวนพบว่า จากการตรวจสอบอุปกรณ์สื่อสารของทั้ง 5 คน พบมีการลบรูปภาพ และทำลายข้อมูลอื่นๆ อีกหลายรายการออกไป ทำให้การดำเนินคดีหรือเอาผิดบุคคลอื่นๆ บนเรือหายไป โดยพนักงานสอบสวนจะนำข้อมูลการสอบปากคำของนางภนิดาในวันนี้ไปประกอบในสำนวน หากมีการแจ้งข้อหาการทำลายพยานหลักฐาน ซึ่งอาจมีความเป็นไปได้ ที่ทุกคนบนเรือจะถูกดำเนินคดีในข้อหาทำลายพยานหลักฐาน เนื่องจากทั้งหมดมีส่วนรู้เห็นกับเหตุการณ์ โดยเฉพาะใครก็ตามที่ยังไม่ถูกแจ้งข้อหานี้

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า การตั้งข้อหากระติกฐานทำลายพยานหลักฐานนั้นช้าไปหรือไม่ นายเดชา ระบุว่า ทุกอย่างขึ้นอยู่กับดุลพินิจของพนักงานสอบสวน อย่าลืมว่าการจะแจ้งข้อหาดังกล่าวได้ ต้องรอผลการพิสูจน์จากกองพิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) เสียก่อน รวมถึงจะต้องดูว่าพนักงานสอบสวนได้รับผลตรวจจาก พฐ.มาตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้วหลักฐานที่บุคคลบนเรือได้ทำลายไป มีความเกี่ยวข้องสำคัญอย่างไรในทางคดี ซึ่งก็จะเป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวน รวมถึงทราบมาว่าผลดังกล่าวเพิ่งออกมา

ด้านนางภนิดา กล่าวว่า วันนี้ตนยังไม่ทราบรายละเอียด แต่มาติดตามความคืบหน้าทางคดี และได้มอบหมายให้นายเดชาเป็นผู้ดำเนินการ ตนดีใจที่คดีมีความคืบหน้า และยังเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม รวมถึงไม่กังวลเรื่องคดี ส่วนเรื่องผ้าขาวของ ส.ส.เต้ ที่มีการเผยแพร่นั้น ตนขอยืนยันว่าไม่ใช่ผ้าของแตงโมแน่นอน เพราะผ้าของแตงโมจะมีขนาดใหญ่ แต่ผ้าที่มานำมาโชว์นั้นมันมีขนาดเล็ก จึงขอให้ ส.ส.เต้ พิจารณาเอาเอง รวมถึงขอฝากคนที่มาเกี่ยวพันในเรื่องคดี ถ้าเกี่ยวพันเฉยๆ ก็สามารถทำไปได้เลย แต่ถ้ามาแซะ หรือใช้คำหยาบต่อว่าตน แบบนี้ตนโกรธและจะดำเนินคดี

นายเดชา กล่าวว่า ส่วนเรื่องคนมาเกาะกระแส ตนไม่ได้ซีเรียส อยากทำก็ทำ ถ้าทำแล้วเป็นประโยชน์ต่อคดีแตงโม ส่วนกรณีของบังเเจ๊ค ตนมองว่าบุคคลดังกล่าวได้สร้างความสับสนให้กับสังคม เพราะเขานำผ้าผืนที่อ้างว่าเป็นของแตงโมเอามาโชว์ จริงๆ แล้วบังแจ๊คได้โทรฯ มาหาตน แต่ตนได้คุยแค่ 4-5 คำ ว่า ตนไม่ว่างกำลังแต่งตัว เตรียมไปโรงพัก แต่หลังจากนั้นก็พบว่า เขาได้ดูดเสียงของตนไปทำคลิปตัดต่อ แต่ไม่ใช่หน้าตน เป็นเพียงปล่อยเสียงออกไป ทั้งๆ ที่พูดกับตนแค่ 4 คำ ก็เอาไปสร้างเรื่องได้

สำหรับเรื่องการฟ้องหมิ่นประมาทเกรียนคีย์บอร์ด ตนจะดำเนินคดีเฉพาะกับคนที่มาต่อว่าอย่างหยาบคายทางข้อความในแอพพลิเคชั่น WeSing โดยพบว่ามี 2 ราย ที่รู้ตัวว่าตนจะฟ้อง ก็ได้ส่งข้อความเข้ามาขอโทษตนว่าไม่ได้ตั้งใจ แต่ตนไม่ได้ตอบ โดยทั้ง 2 คน เป็นเพียงคนธรรมดา

นอกจากนี้ ตนก็ได้คุยกับนายปอ-ตนุภัทร และนายโรเบิร์ต-ไพบูลย์ สั้นๆ เท่านั้น โดยนายปอได้สารภาพเหมือนเดิม แจ้งกับตนเหมือนที่เคยแจ้งกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่เขายังยืนยันว่าจะดูแลเเละเยียวยาเหมือนเดิม แต่รายละเอียดยังไม่ได้คุยกัน ทั้งนี้ ตนก็ยังรู้สึกดีกับทั้งปอและโรเบิร์ตอยู่