เมื่อวันที่ 8 เม.ย. ที่บริเวณด่านสะพาน 2 อ.แม่สาย จ.เชียงราย พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รองผบ.ตร.และ ผอ.ศอ.ปส.ตร. มอบหมายให้ พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผบช.ปส. พล.ต.ต.บรรพต มุ่งขอบกลางผบก.ปส.3 และตำรวจ บช.ปส. ไปรับตัวนายธวัชชัย อ้อมชมภู หรือ บังลาย ผู้ต้องหาคดียาเสพติดคนสำคัญที่ทางการไทยต้องการตัว จากเจ้าหน้าที่ตัวแทนหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้องของประเทศเมียนมา หลังถูกจับได้ในพื้นที่ประเทศเมียนมา ก่อนจะคุมตัวมาส่งมอบให้กับตำรวจ บช.ปส.

พล.ต.อ.รอย เปิดเผยว่า นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยธ. มีนโยบายให้กวาดล้างจับกุมขบวนการค้ายาเสพติดรายสำคัญและให้ประสานกับประเทศเพื่อนบ้าน ในการส่งตัวผู้ต้องหายาเสพติดรายสำคัญมาดำเนินคดีในประเทศไทย จึงได้สั่งการให้ พล.ต.ท.สรายุทธ สงสนโภคัย ผบช.ปส. ประสานงานแลกเปลี่ยนข้อมูลหมายจับนักค้ายาเสพติดรายสำคัญกับประเทศเมียนมา และ สปป.ลาว หากพบตัวขอให้มีการส่งตัวมาดำเนินคดี

ด้าน พล.ต.ท.สรายุทธ กล่าวว่า นายธวัชชัย หรือบังลาย เป็นผู้ค้ายาเสพติดรายใหญ่ที่ถูก บช.ปส. ออกหมายจับไว้ 2 คดี เป็นผู้ต้องหาที่ ศอ.ปส.ตร. มีข้อมูลและขึ้นบัญชีไว้ ตนได้สั่งการให้ติดตามจับกุมมาโดยตลอด การดำเนินการในครั้งนี้ เป็นส่วนหนึ่งของความร่วมมือในการปราบปรามยาเสพติดของประเทศไทย เมียนมา และ สปป.ลาว สำหรับขั้นตอนเมื่อรับตัวมาแล้ว จะนำตัวมาดำเนินคดีที่ บช.ปส. จากนั้นจะต้องสอบสวนขยายผลเพื่อดำเนินคดีกับเครือข่ายยาเสพติดนี้ทั้งหมด และจะดำเนินมาตรการยึดทรัพย์ผู้เกี่ยวข้องในเครือข่ายนี้ทุกรายต่อไป

สำหรับ นายธวัชชัย หรือ บังลาย ถือเป็นเป็นผู้ต้องหาคดียาเสพติดรายสำคัญ ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ บช.ปส. ต้องการตัวเป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นนักค้ายาเสพติดรายใหญ่ จัดอยู่ในระดับสั่งการ มีเครือข่ายจำนวนมากในพื้นที่ภาคใต้ ที่ผ่านมามีส่วนเกี่ยวข้องกับยาเสพติดจำนวนมาก ที่ลักลอบนำเข้ามาจากประเทศเมียนมา เข้ามากระจายในพื้นที่จ.พัทลุง และอีกหลายจังหวัดในพื้นที่ภาคใต้ รวมถึงยังมีพฤติการณ์คอยจัดหาทีมลำเลียงยาเสพติดลอตใหญ่ๆให้กับกลุ่มเจ้าของยาเสพติดกลุ่มอื่นจากประเทศเมียนมา ผ่านเข้ามาในพื้นที่ประเทศไทยเพื่อลำเลียงส่งต่อไปยังประเทศที่สาม ซึ่งตัวของนายธวัชชัย จะเคลื่อนไหวอยู่ใน จ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา เป็นหลัก

นอกจากนี้ นายธวัชชัย หรือ บังลาย ยังถือเป็นตัวการสำคัญที่คอยให้การช่วยเหลือ น.ส.ปรียานุช หรือ เปรี้ยว โนนวังชัย อายุ 22 ปี กับพวก ผู้ต้องหาคดีร่วมกันฆ่าหั่นศพ น.ส.วริศรา กลิ่นจุ้ย หรือ แอ๋ม อายุ 22 ปี ในพื้นที่ อ.เขาสวนกวาง จ.ขอนแก่น ที่กลายเป็นข่าวดังครึกโครมเมื่อปี 2560 ขณะหนีไปหลบซ่อนตัวในพื้นที่ จ.ท่าขี้เหล็ก ก่อน น.ส.ปรียานุช และพวกจะถูกทางการเมียนมา จับกุมตัวส่งกลับไทยในเวลาต่อมา

หลังเหตุการณ์ดังกล่าวทางการไทยได้ประสานความร่วมมือกับทางการเมียนมา ให้ช่วยกดดันกวาดล้างจับกุมกลุ่มผู้มีอิทธิพล หรือ กลุ่มผู้ต้องหาเครือข่ายยาเสพติดที่หลบซ่อนตัวอยู่ในประเทศอย่างต่อเนื่อง ก่อนที่ต้นปี 2563 ทางเมียนมาสามารถจับกุมตัวนายธวัชชัย ได้สำเร็จเป็นครั้งแรก พร้อมกับส่งตัวกลับมายังประเทศไทย แต่เนื่องจากขณะนั้นนายธวัชชัย มีเพียงหมายจับศาลจังหวัดปทุมธานี ข้อหา เป็นผู้ขับขี่รถเสพยาเสพติดให้โทษ ติดตัวเพียงแค่คดีเดียว จึงถูกตัดสินจำคุกเพียงแค่ 14 วัน เมื่อออกมาแล้วได้ย้อนกลับไปหลบซ่อนตัว เคลื่อนไหวเรื่องการค้ายาเสพติดในพื้นที่ จ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา อีกครั้ง

ต่อมา ช่วงเดือน ต.ค.63 ตำรวจ บช.ปส. ได้จับกุมผู้ต้องหาคดียาเสพติด จำนวน 2 คดี แบ่งเป็นตำรวจ บก.ปส. 4 จับกุมผู้ต้องหา 2 คน พร้อมยาบ้า 1 ล้านเม็ด และ ตำรวจ บก.ปส.3 จับกุมผู้ต้องหาจำนวน 6 คนพร้อมเฮโรอีน จำนวน 1,000 แท่ง น้ำหนักประมาณ 400 กก. พร้อมขยายผลต่อเนื่องจนทราบว่าผู้อยู่เบื้องหลังยาเสพติดลอตใหญ่ทั้ง 2 คดีดังกล่าวคือ นายธวัชชัย หรือ บังลาย จึงรวบรวมพยานหลักฐานขออำนาจศาลอาญาออกหมายจับ 2 คดี ในข้อหา ร่วมกันมียาเสพติดและสมคบ และร่วมกันมียาเสพติด, สมคบและฟอกเงิน พร้อมกับขยายผลกวาดล้างจับกุมเครือข่ายที่ยังอยู่ในประเทศไทย ได้จำนวนหลายราย ยึดทรัพย์สินที่ได้มาจากการกระทำความผิดมูลค่ากว่า 100 ล้านบาท ก่อนประสานทางการประเทศเมียนมา ช่วยร่วมกดดันทำให้สามารถตามจับกุมตัว นายธวัชชัย ได้อีกครั้ง.