เมื่อวันที่ 15 เม.ย. ที่ สน.ลุมพินี นายธนัตถ์ ธนากิจอำนวย หรือ ไฮโซลูกนัท พร้อมนางสาวหทัยรัตน์ วิทยภูมิ หรือ แอนนา ภรรยา เข้าพบตำรวจเพื่อให้ปากคำเพิ่มเติม หลังวานนี้นางสาวหทัยรัตน์ เข้าแจ้งความดำเนินคดีรองหัวหน้าพรรคการเมืองที่ข่มขืนกระทำชำเรา

นายธนัตถ์ กล่าวว่า ตำรวจแจ้งให้ภรรยาตนมาให้ปากคำเพิ่มเติม โดยยังไม่ทราบว่ามีรายละเอียดอย่างไร แต่เรื่องหลักฐานที่จะนำมาใช้ประกอบนั้นเป็นรายละเอียดที่มอบให้นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม ไปแล้ว อย่างไรก็ตามเชื่อว่าพฤติกรรมของนักการเมืองคนนี้ถือเป็นอาการทางจิตแน่นอน เพราะเคยมีข่าวของบุคคลนี้เกิดขึ้นที่ประเทศอังกฤษเมื่อ 19 ปีก่อน และตนยังได้หลักฐานแชตการพูดคุยระหว่างเหยื่อกับผู้ก่อเหตุ เมื่อปี 2561 ซึ่งตอนนั้นเหยื่อมีอายุแค่ 17 ปีเท่านั้น แต่ผู้ก่อเหตุบอกว่าจะกลับไปเจอที่กรุงเทพฯ พร้อมชวนไปเที่ยวกลางคืน เชื่อว่าเหยื่อบางรายไม่พร้อมออกมาเปิดเผยเรื่องราวนี้ ตนก็อยากให้เขาได้ออกมาพูด ยืนยันว่าเราพร้อมจะปกป้องทุกเสียงทุกคนและต่อสู้คดีนี้ให้ถึงที่สุด เพราะทุกคนรับรู้ แต่ไม่เคยมีเหยื่อออกมาต่อสู้เลยตลอด 19 ปี จนมีเหยื่อรายเดียวที่เปิดหน้าออกมา ก็มีคนอื่นๆ ตามออกมาอีก

เมียไฮโซดังตกเป็นเหยื่อ! โร่แจ้งจับนักการเมืองฉาวลวงข่มขืน

ส่วนความมั่นใจในหลักฐานที่มีหรือไม่นั้น นายธนัตถ์ ตอบว่า หลักฐานต้องชัดขนาดไหนจึงจะพอใจ หากใช้เหตุผลและตัดอคติทางการเมืองไปนั้น จะเห็นว่าเหยื่อทุกคนให้การตรงกันทั้งหมด ทั้งพฤติการณ์การเชิญชวนทำธุรกิจ และสถานที่เช่นร้านอาหารและคอนโดฯ ที่พัก

ส่วนจะมีการยื่นเรื่องให้ตรวจสอบจริยธรรมของผู้บริหารพรรคหรือไม่นั้น นายธนัตถ์ กล่าวว่า พรรคต้นสังกัดยังไม่แสดงท่าทีแสดงความเสียใจต่อเหยื่อเลย มองว่าการลาออกจากตำแหน่งรองหัวหน้าพรรคนั้น ไม่ได้มีค่ากับใครเลย รู้สึกรับไม่ได้ และไม่แปลกใจที่นักการเมืองให้ท้ายกันในเรื่องผิดๆ จากกรณีมีแชตหลุดอ้างเป็นแชตของพรรคการเมืองนั้นเช่นกัน

ด้านนางสาวหทัยรัตน์ กล่าวว่า หลังออกมาแจ้งความก็มีเหยื่ออีก 2 คน ติดต่อเข้ามาหา โดยบอกว่าถูกนักการเมืองคนนี้กระทำในลักษณะที่คล้ายกันกับตนเอง ซึ่งหนึ่งในนี้เคยเกิดเหตุขึ้นที่ต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม ไม่กังวลว่าเรื่องที่เกิดขึ้นจะส่งผลกระทบอะไรกับตน คนที่ควรกังวลควรเป็นคนกระทำมากกว่า ซึ่งนับแต่เกิดเรื่องก็ไม่มีการติดต่อเข้ามาจากฝ่ายผู้ก่อเหตุเลย เขากระทำโดยไม่รู้สึกผิดชอบชั่วดีมาแล้วหลายครั้ง ผู้เสียหายถูกข่มขืนลวนลาม ยืนยันว่านี่ไม่ใช่เรื่องการเมือง แต่เป็นเรื่องของสังคม ทุกคนรู้ความจริงแต่ทำอะไรไม่ได้ ตอนตนทราบข่าวแต่แรกก็รู้สึกไม่แปลกใจ แต่พอเห็นท่าทางที่ผู้ก่อเหตุออกมาปฏิเสธ ตนก็รู้สึกโกรธมาก เพราะสิ่งที่เหยื่อออกมาพูดนั้นเป็นความจริงทั้งหมด มองว่าหากปล่อยคนนี้หลบหนีไปได้ คงไม่อาจฝากความหวังกับกระบวนการยุติธรรมได้แล้ว

ส่วนสิ่งที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบต่อการทำงานทางการเมืองในฐานะผู้สมัคร ส.ก.หรือไม่ นางสาวหทัยรัตน์ ตอบว่า ตอนนี้ออกไปทำงานไม่ได้เหมือนเดิมเพราะรู้สึกมีผลกระทบต่อจิตใจ การที่ตนออกมาพูดมันทำให้มีภาพจำกลับมา แต่ต้องออกมาพูดเพื่อเป็นกระบอกเสียงของประชาชน