เมื่อวันที่ 15 เม.ย. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร./ผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ผอ.ศปอส.ตร.) หรือ PCT: Police Cyber Taskforce พล.ต.อ.ปรีชา เจริญสหายานนท์ ที่ปรึกษาพิเศษ ตร. พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.ภ.8/หน.ชุดปฏิบัติการที่ 1 PCT พล.ต.ต.นภันต์วุฒิ เลี่ยมสงวน ผบก.สส.ภ.8/หน.ชุดปฏิบัติการที่ 3 PCT ร่วมแถลงผลการระดมกวาดล้างเครือข่ายเฟซบุ๊กชื่อ “หนุ่ม” ลักลอบจำหน่ายอาวุธปืนทางออนไลน์ เข้าทลายเป้าหมาย 77 จุด จับกุมผู้ต้องหา 34 ราย ยึดอาวุธปืน แท่นกลึง เครื่องกระสุนอีกจำนวนมาก

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวว่า ปฏิบัติการครั้งนี้สืบเนื่องจาก พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. สั่งการให้ศูนย์PCT และ บช.น., ภ.1-9 ระดมกวาดล้างอาชญากรรมทุกประเภท ในห้วงเทศกาลสงกรานต์ ตามนโยบายรัฐบาล โดยเฉพาะอาชญากรรมทางออนไลน์ ที่สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนอย่างมากในขณะนี้ ทั้งนี้ชุดปฏิบัติการ PCT ร่วมกับ บก.สส.ภ.8 สืบสวนทราบว่า มีการซื้อขายอาวุธปืนผ่านกลุ่มไลน์ชื่อว่า “GUN FOR LOVE” มีสมาชิก 400 กว่าคน โดยแอดมินใช้ชื่อ “หนุ่ม”​ เป็นพ่อค้าคนกลาง สั่งสินค้ามาขายต่อให้เพื่อนสมาชิก โดยมีการรีวิวสินค้า เป็นอาวุธปืน ลำกล้อง เครื่องกระสุนชนิดต่างๆ มีทั้งของที่ได้รับอนุญาตและไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียน หากสมาชิกสนใจจะต้องโอนเงินผ่านบัญชีและแอดมินจะสั่งให้คนขายส่งสินค้าไปให้สมาชิกโดยตรงทางไปรษณีย์ จากการตรวจสอบพบว่ามีการส่งสินค้าแล้วทั่วประเทศ หวั่นนำไปก่อเหตุในห้วงเทศกาลสงกรานต์

พล.ต.ต.นภันต์วุฒิ กล่าวว่า ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นกลุ่มบุคคลทั่วไปที่อยากมีปืนไว้ในครอบครอง ยังไม่ถึงขนาดเป็นกลุ่มมิจฉาชีพ เจ้าหน้าที่ได้ไปทำการตรวจค้น ยึดอาวุธปืนแล้วดำเนินคดี ผลจากการตรวจค้นยังไม่พบว่ามีหมายจับอยู่แล้ว หรือบุคคลที่มีประวัติทางด้านการใช้ปืนที่รุนแรง การส่งของให้ลูกค้าส่วนใหญ่ส่งทางไปรษณีย์ ได้สั่งกำชับไปยังฝ่ายสืบสวนท้องที่ให้ประสานกับบริษัทขนส่งให้ช่วยสังเกตระมัดระวังและให้แจ้งมาที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ

รอง ผบ.ตร. กล่าวอีกว่า ได้รายงานเรื่องนี้ให้ ผบ.ตร. และสั่งการไปยัง พล.ต.ท.อำพล บัวรับพร ผบช.ภ.8 เพื่อขออนุมัติศาลออกหมายจับจำนวน 2 หมาย และหมายค้นอีก 77 หมาย ในพื้นที่ 51 จังหวัด และประสานไปยังศูนย์ PCT บช.น., ภ.1-9, และ บช.ก. เพื่อขยายผลจับกุมทั้งผู้ขาย ผู้ซื้อ และผู้ที่เกี่ยวข้องในคดีนี้ทั้งหมด

ต่อมาวันที่ 12 เม.ย.65 ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ พล.ต.ต.สันติ ชัยนิรามัย รอง ผบช.ก. พล.ต.ต.นภันต์วุฒิ หัวหน้าชุดปฏิบัติการที่ 1,2,3 PCT (ตามลำดับ) ร่วมกับกำลังตำรวจ PCT น., ภ.1-9 เปิดปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้นพร้อมกันทั่วประเทศ

ที่ อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี พ.ต.อ.ธัชพงศ์ วงศ์พัฒนานิวาศ ผกก.สืบสวน 2 บก.สส.ภ.8 นำกำลังเข้าจับกุม นายสถิตคุณ เพ็ชรกิ่ง หรือ “หนุ่ม” (ชื่อปรากฏตามเฟซบุ๊ก) อายุ 21 ปี ได้ที่บ้านเลขที่ 74/25 หมู่บ้านจอมเกล้า พร้อมของกลางอาวุธปืนขนาด 9 มม. จำนวน 1 กระบอก ชุดลูกเลื่อนและชุดลั่นไก สำหรับปืนยาวขนาด .22LR จำนวน 1 ชุด แมกกาซีน และเครื่องกระสุนอีกจำนวนมาก พร้อมสมุดบัญชี 7 เล่ม และกล่องพัสดุที่ใช้สำหรับจัดส่งให้ลูกค้าอีก 7 กล่อง ซึ่งนายสถิตคุณ ยอมรับว่า เป็นแอดมินที่ใช้ชื่อว่า “หนุ่ม” จริง โดยตนเคยเรียนช่าง และประกอบอาชีพขายนก ส่วนตัวเป็นคนรักและชอบอาวุธปืนมาก เริ่มจากสั่งอาวุธมาทดลองใช้และสะสมก่อน ต่อมาเริ่มลงรูปในกลุ่มไลน์และเฟซบุ๊กจึงมีคนสนใจเข้ามาติดต่อซื้อ และเป็นที่มาของการตั้งกลุ่ม Gun for love โดยจะได้รับส่วนต่างจากการขายครั้งละ 1,000-2,000 บาท

ที่ อ.ทุ่งเสลี่ยม จ.สุโขทัย พ.ต.อ.ปทักข์ ขวัญนา ผกก.4 บก.ป. นำกำลังเข้าจับกุม นายสิทธิศักดิ์ (สงวนนามสกุล)​ พร้อมแท่นกลึง 1 แท่น และอุปกรณ์ทำปืน เช่น เครื่องเจียโลหะ อีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งนายสิทธิศักดิ์ จะรับคำสั่งจาก “หนุ่ม” ให้ประกอบปืนส่งขาย หรือบางครั้งก็ขายเฉพาะชิ้นส่วนปืน ยอมรับว่าทำมาแล้ว 60-70 ครั้ง สามารถทำรายได้กว่า 300,000 บาท

นอกจากนี้ยังสามารถจับกุม น.ส.โสภาวดี (สงวนนามสกุล ) อายุ 46 ปี ตามหมายจับ ซึ่งทำหน้าที่เปิดบัญชีให้นายสถิตคุณ รับโอนเงินจากลูกค้า ซึ่งผลการปฏิบัติของ ศูนย์ PCT ตร., บช.น., ภ.1-9 และ บช.ก. (กก.4 บก.ป) ครั้งนี้สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ทั้งสิ้น 34 ราย ยึดอาวุธปืนสั้น 17 กระบอก ปืนยาว 41 กระบอก กระสุนปืน 6,421 นัดอุปกรณ์ปืน 9 ชิ้น นอกจากนี้ยังพบยาบ้า 200 เม็ด ยาไอซ์ 0.92 กรัม และกัญชาอีก 3,627 กรัม นำผู้ต้องหาและของกลางทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีในข้อหา “ร่วมกันมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียน และร่วมกันจำหน่ายอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียน”

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมตรี มีความห่วงใยพี่น้องประชาชน หวั่นตกเป็นเหยื่ออาชญากรรมทางออนไลน์ โดยเฉพาะในห้วงเทศกาลสงกรานต์ 65 นี้ กำชับให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เร่งระดมกวาดล้างจับกุมอย่างจริงจัง ซึ่งจากสถิติคดีทางออนไลน์ที่เกิดขึ้นนับตั้งแต่เปิดศูนย์รับแจ้งความออนไลน์ (1 มี.ค.65) ถึงปัจจุบัน พบว่ามีผู้เสียหายแจ้งความแล้ว 13,015 ราย แบ่งเป็น 1.ความผิดเกี่ยวกับการซื้อสินค้าที่ไม่ได้รับสินค้า 4,271 คดี 2.หลอกทำภารกิจ (เช่น ให้รีวิวสินค้า, กดไลค์ Tiktok, กดไลค์สินค้า) 1,443 คดี 3.หลอกให้กู้เงิน 1,356 คดี 4.ทำให้รักแล้วหลอกลงทุน (Hybrid scam) 1,123 คดี 5.Call center 1,109 คดี 6.แชร์ลูกโซ่ 510 คดี 7.หลอกยืมเงิน 468 คดี 8.ซื้อสินค้าแต่ได้ไม่ตรงปก 189 คดี และ 9.หลอกลวงรูปแบบอื่นๆ อีก 1,688 คดี

อย่างไรก็ตาม ขอฝากเตือนพี่น้องประชาชนว่า อย่าหลงเป็นเหยื่อโอนเงินให้ใครง่ายๆ หากพบเบาะแส สามารถแจ้งได้ที่สายด่วน บช.สอท. 1441 หรือ ศูนย์ PCT 08-1866-3000 ตลอด 24 ชั่วโมง หรือผู้เสียหายสามารถแจ้งความผ่านระบบออนไลน์ได้ที่ www.thaipoliceonline.com