เมื่อวันที่ 18 เม.ย. มีรายงานข่าวระบุว่า นายจุฑาศิษฐ์ เมฆวงศ์ตระการ เดินทางเข้าพบ ร.ต.อ.รุ่งศักดิ์ นันตะเวช รอง สว.(สอบสวน) สน.ห้วยขวาง หลังถูกคนร้ายบุกเข้าไปงัดตู้เซฟในห้องนอนชั้น 2 บ้านพักภายในซอยรัชดานิเวศน์ 9 แขวงสามเสนนอก เชตห้วยขวาง ได้ทรัพย์สินไปกว่า 10 ล้านบาท เหตุเกิดเวลาประมาณ 22.00 น. วันที่ 16 เม.ย.ที่ผ่านมา

จากการตรวจสอบจุดเกิดเหตุอยู่บริเวณห้องนอนชั้น 2 พบตู้เซฟถูกลากออกมากลางห้อง สภาพถูกงัดด้านหลังเปิดออก ทรัพย์สินที่หายไปประกอบด้วย ทองรูปพรรณ 60 บาท ทองแท่ง 90 บาท ชุดเครื่องเพชรมูลค่า 4.5 ล้าน นาฬิกา Rolex 3 เรือน มูลค่า 1 ล้านบาท นาฬิกา tag heuer 1 เรือน มูลค่า 5 หมื่นบาท รวมมูลค่าทรัพย์สิน​ประมาณ 10.35 ล้านบาท

นางวรรณณิดา ปรัตถจริยา ภรรยาเจ้าของบ้าน เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุ วันที่ 14 เม.ย. ครอบครัวได้เดินทางไปพักผ่อนที่จ.ชลบุรี กระทั่งวันที่ 16 เม.ย. ช่วง 17.00 น. เดินทางกลับมาถึงบ้านพบความผิดปกติหน้าต่างห้องน้ำเปิดออก เมื่อเดินตรวจสอบรอบบ้านพบหน้าต่างและประตูที่ติดตั้งเหล็กดัดของห้องครัวถูกงัดทำให้กลอนประตูพังเสียหาย ทีแรกคิดว่าทรัพย์สินน่าจะปลอดภัยเพราะตัวเซฟเองมีการติดตั้งซ่อนไปในตู้ที่มีการบิลต์อินใหม่หมด ซึ่งตัวตู้เซฟน้ำหนักกว่า 50 กิโลกรัม และมีการฝังหมุดยึดกับตัวพื้นห้อง ไม่น่าจะมีใครรู้ แต่พอขึ้นไปดูพบว่าตู้เซฟถูกดึงออกมาจากจุดที่ติดตั้ง โดยตัวตู้ถูกงัดที่ด้านหลังเปิดออก ซึ่งตนเองก็ตกใจว่าทำไมตู้ถึงงัดง่ายมีเพียงแผ่นเหล็กบางๆ แปะไว้ ซึ่งทรัพย์สินส่วนใหญ่จะเป็นเอกสารสำคัญ ทองคำรูปพรรณ 60 บาท ทองแท่ง 90 บาท ชุดเครื่องเพชร 4.5 ล้าน นาฬิกา Rolex 3 เรือน มูลค่า 1 ล้าน นาฬิกา tag heuer 1 เรือน 5 หมื่นบาท และเงินสดสกุลเงินไทยกว่า 3 แสน สกุลต่างประเทศอีกจำนวนหนึ่ง และจากการตรวจสอบยังพบลิ้นชักถูกงัดเอาเงินสดที่เอาออกมาไว้ใช้จ่ายอีกกว่า 1 แสนบาท รวมถึงพระเครื่องในห้องแม่ที่วางบนตู้ 2 องค์ หายไปด้วย

นางวรรณิดา กล่าวต่อว่า อีกสิ่งหนึ่งที่เป็นจุดสังเกตถึงความผิดปกติ พบว่ามีเก้าอี้วางอยู่ตามมุมของกำแพง และที่กำแพงมีลักษณะรอยเปื้อนเหมือนมีการลบอะไรบางอย่างออก ซึ่งปกติเก้าอี้จะไม่มีมาวางตรงนี้ ซึ่งได้มีการเดินทางเข้าแจ้งความไว้ที่ สน.ห้วยขวาง ไปแล้ว ตลอดระยะเวลา 1 ปี ที่มาอยู่ตรงนี้ ที่บ้านตนถูกคนร้ายเข้ามาลักของจำพวกหลอดไฟ สายไฟ และของเล็กๆ น้อยๆ ไประหว่างก่อสร้างบ้านหลายครั้ง ตนยอมรับว่าตนเองผิดที่ไม่ติดกล้องวงจรปิดไว้ ประกอบกับไม่ได้เข้าร่วมโครงการฝากบ้านกับตำรวจ เพราะไม่คิดว่าจะเกิดเหตุ วอนเจ้าหน้าที่ช่วยติดตามคนร้ายมาดำเนินคดีให้ไว้ที่สุด เพราะทรัพย์สินที่ถูกคนร้ายเอาไปเป็นทรัพย์สินของครอบครัว ซึ่งทรัพย์สินส่วนใหญ่มีคุณค่าทางจิตใจของทุกคนเพราะเป็นมรดกตกทอดจากผู้ใหญ่ในครอบครัว

อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาไม่มีใครเข้ามาในบ้านหรือรู้ว่าตู้เซฟตั้งอยู่ตรงไหน แม้แต่ญาติของตน ยกเว้นช่างที่ติดตั้งเซฟ และช่างที่มาทำบิ้วอินที่ซ่อนตู้เซฟ ซึ่งตนก็ไม่ได้ปรักปรำใคร เป็นเพียงข้อสันนิษฐานเท่านั้น เพราะคนร้ายไม่แตะต้องทรัพย์สินที่อยู่ชั้นล่าง รวมถึงทรัพย์สินอื่นๆ มีเพียงตู้เซฟ และลิ้นชักในห้องนอนเท่านั้นที่คนร้ายงัดเอาทรัพย์สินไป.