เมื่อวันที่ 27 ก.ค. สำนักข่าวซินหัว รายงานว่า เมื่อวันจันทร์ (26 ก.ค.) สถาบันเซรุ่มแห่งเดนมาร์ก (SSI) แถลงว่าความเสี่ยงป่วยเป็นโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ชนิดกลายพันธุ์ สายพันธุ์เดลตา ยังอยู่ในระดับสูง แม้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 โด๊สแรกแล้วก็ตาม

สถาบันฯ ซึ่งเป็นหน่วยงานตรวจจับโรคติดต่อของเดนมาร์ก ทำการตรวจสอบอัตราการอุบัติของโรคโควิด-19 ในหมู่ผู้ฉีดวัคซีนโด๊สแรกช่วงวันที่ 1 มี.ค.-13 ก.ค. และพบร้อยละ 22 ของผู้ติดเชื้อไวรัสฯ สายพันธุ์เดลตา ติดเชื้อหลังจากฉีดวัคซีนโด๊สแรกเป็นเวลา 14 วัน

“แม้พวกเขาจะฉีดวัคซีนและมีใบรับรองการเดินทางแล้ว แต่ยังมีคนกลุ่มนี้ติดเชื้อไวรัสฯ สายพันธุ์เดลตาจำนวนมาก” แพลล์ แวเลนทิเนอร์-บรันท์ หัวหน้าแผนกของสถาบันฯ ระบุ “ดังนั้นพวกเขาต้องตระหนักว่าตนยังมีโอกาสติดเชื้อได้อยู่ ปฏิบัติตามคำแนะนำด้านการป้องกันการติดเชื้อต่อไป และอย่ารอนานเกินไปกว่าจะฉีดวัคซีนโด๊สที่ 2”

ปัจจุบันเดนมาร์กจัดการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ทั่วประเทศโดยใช้วัคซีนหลายยี่ห้อ อาทิ ไฟเซอร์-ไบออนเทค และโมเดอร์นา
อย่างไรก็ตาม สถาบันฯ กล่าวย้ำว่าการฉีดวัคซีนแม้เพียงโด๊สเดียวก็เพียงพอจะ “สร้างการปกป้องระดับสูงต่ออาการป่วยหนักและการรักษาตัวในโรงพยาบาล ไม่ว่าคุณจะติดเชื้อไวรัสฯ ชนิดกลายพันธุ์ สายพันธุ์อัลฟาหรือเดลตาก็ตาม”

รายงานของสถาบันฯ เมื่อวันที่ 5 ก.ค. ระบุว่าเชื้อไวรัสฯ สายพันธุ์เดลตา ครองสัดส่วนกว่า 2 ใน 3 ของผู้ป่วยโรคโควิด-19 ทั้งหมดในเดนมาร์ก และคาดการณ์ว่าเชื้อไวรัสฯ สายพันธุ์เดลตา จะกลายเป็นสายพันธุ์หลักที่แพร่ระบาดในเดนมาร์กในอนาคตอันใกล้ พร้อมทำให้ยอดผู้ป่วยพุ่งขึ้นอีกครั้ง

อนึ่ง สถาบันฯ ตรวจพบผู้ป่วยโรคโควิด-19 เพิ่ม 772 ราย และผู้ป่วยเสียชีวิต 1 ราย ในช่วง 24 ชั่วโมง ทำให้เดนมาร์กมีผู้ป่วยสะสม 312,292 ราย และผู้ป่วยเสียชีวิต 2,543 ราย.

ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก สำนักข่าวซินหัว