เมื่อวันที่ 21 เม.ย. จากกรณีที่มีหญิงสาวผู้เสียหาย 15 ราย เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับ นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ในข้อหา อนาจารและข่มขืน ความคืบหน้าเรื่องนี้ พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผบช.น. กล่าวว่า เบื้องต้นได้ตรวจสอบคดีทั้งหมด 15 คดี ซึ่ง สน.ลุมพินี รับไว้ 8 คดี ส่งให้ จ.เพชรบุรี 1 คดี สน.ห้วยขวาง 1 คดี และมีคดีที่ จ.เชียงใหม่ 1 คดี นอกจากนี้มีคดีที่ขาดอายุความ 2 คดี เป็นความผิดนอกราชอาณาจักร 1 คดี และอยู่ระหว่างพิจารณาว่าจะเป็นความผิดอาญาต่อแผ่นดิน 1 คดี ยืนยันดำเนินคดีให้กับผู้เสียหายทุกราย และอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานเตรียมแจ้งข้อหาเพิ่มเติม ส่วนกรณีที่เกิดขึ้นเมื่อปี 63 ที่ผ่านมาอีกคดี ผู้เสียหายอยู่ระหว่างตัดสินใจว่าจะแจ้งความหรือไม่

พล.ต.ต.ยุ่งคดี! ‘ทนายตั้ม’ หวั่นเล่ห์การเมือง เหยื่อปลอมแฝงทำคดีลวงโลก

พล.ต.ท.สำราญ เผยอีกว่า ส่วนกรณีที่มีข่าว พล.ต.ต. เข้ามาเกี่ยวข้องนั้น ในรูปคดีหรือสำนวนการสอบสวนยังไม่มีใครเข้ามาแทรกแซงแต่อย่างใด ต้องพิสูจน์ทราบว่ากรณีนี้ หากเป็นการแทรกแซงผิดกฎหมายก็จะดำเนินคดีตามกฎหมาย และหากมีการข่มขู่พยานหรือคนที่เกี่ยวข้องกับคดีตำรวจจะดำเนินการอย่างเด็ดขาด ส่วนจะมีการกลับคำให้การหรือไม่นั้น หากเป็นความผิดยอมความได้ ตำรวจจะไม่ก้าวล่วง แต่ถ้าเป็นความผิดยอมความไม่ได้ จะต้องถูกดำเนินคดีถึงผู้เสียหายไม่เอาเรื่องก็ตาม

พล.ต.ท.สำราญ กล่าวอีกว่า ในเรื่องของผู้เสียหายที่จงใจเข้ามาแจ้งความเพื่อดิสเครดิตอีกฝ่ายนั้น ได้กำชับให้พนักงานสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อพิสูจน์ทราบการกระทำความผิดทุกกรณี และสอบสวนให้ชัดเจนสิ้นสงสัย ซึ่งตำรวจจะตรวจสอบโดยละเอียดทุกคน อย่างไรก็ตาม ในประเด็นเรื่องที่ทนายษิทรา เบี้ยบังเกิด ติดต่อผู้เสียหายรายแรกไม่ได้ ตำรวจคงไม่ก้าวล่วง แต่ยืนยันว่าทุกคนยังไม่มีใครถอนแจ้งความแต่อย่างใด และกรณีที่ทนายพาสื่อมวลชนไปตามสถานที่ต่างๆ เป็นการกดดันตำรวจหรือไม่นั้น ตนเชื่อมั่นในพนักงานสอบสวน สน.ลุมพินี และการทำงานของ ผกก.สน.ลุมพินี รวมถึงกรณีนี้ที่ตนได้ลงมาดูแลด้วยตัวเอง ส่วนที่มีการนำเสนอตามโซเชียลมีเดีย ไม่สามารถทำให้ข้อเท็จจริงคลาดเคลื่อนไปได้ เพราะตำรวจดำเนินการตามพยานหลักฐาน