เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 22 เม.ย. ที่ สน.บางเขน นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ช่วย ส.ส.เขตสายไหม พรรคเพื่อไทย และ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด พาตัว น.ส.เอ (นามสมมุติ) พยาบาลสาว ซึ่งเป็นผู้เสียหาย เข้าแจ้งความดำเนินคดี กับนายบี (นามสมมุติ) ที่รู้จักกันผ่านแอพหาคู่ ก่อนจะถูกลวงให้จดทะเบียนสมรส และถูกฝ่ายชายเอาชื่อไปแอบอ้างหยิบยืมเงินคนใกล้ชิด จนได้รับความเสียหาย

น.ส.เอ เปิดเผยว่า รู้จักกับผู้ก่อเหตุผ่านทางโซเชียล เมื่อวันที่ 12 มี.ค.ที่ผ่านมา โดยอ้างว่าเป็นทหารเรือยศนาวาเอก ก่อนจะถูกฝ่ายชายทักข้อความหา และหว่านล้อม ว่าอยากจดทะเบียนสมรส เนื่องจากมีอายุมากแล้ว อยากสร้างครอบครัว อีกทั้งยังมีการส่งรูปถ่ายคู่กับคนในเครื่องแบบมาให้ดู จึงหลงเชื่อ เพราะคิดว่าชายคนดังกล่าวเป็นทหารจริง สามารถเลี้ยงดูครอบครัวได้ จึงยินยอมจดทะเบียนสมรสด้วยที่เขตหลักสี่ เมื่อวันที่ 9 เม.ย. ขณะนั้นทางสำนักงานเขตได้แจ้งแล้วว่า ฝ่ายชายจดทะเบียนมาแล้ว 2-3 ครั้ง แต่อีกฝ่ายกลับอ้างว่าไม่เป็นความจริง เพราะขณะนั้นทำงานอยู่ที่ต่างประเทศ และทราบว่า ฝ่ายชายเปลี่ยนชื่อมาแล้วหลายครั้ง

น.ส.เอ เผยต่อว่า หลังจากที่จดทะเบียนสมรสแล้ว ก็อยู่ด้วยกัน แต่ไม่บ่อย เนื่องจากฝ่ายชายอ้างว่าติดเข้าเวร และมีพฤติกรรมเปลี่ยนไป เที่ยวไปขอยืมเงินจากคนรอบข้าง โดยอ้างว่า ตนกินยาฆ่าตัวตาย, ไล่ฝ่ายชายออกจากบ้าน, ยึดบัตรเอทีเอ็ม จนคนรอบข้างหลงเชื่อให้เงินในหลักหมื่น ซึ่งตนไม่เคยรับรู้เรื่องดังกล่าว และสร้างความเสียหายเป็นอย่างมาก

น.ส.เอ เผยอีกว่า ตนได้รู้จากคนรอบข้างว่าอีกฝ่ายไม่ใช่ทหารจริง และมีพฤติกรรมหลอกลวงหญิงสาวในลักษณะนี้มาแล้วหลายราย แต่เมื่อสอบถามไปยังผู้ก่อเหตุ ก็ได้รับการปฏิเสธกลับมา จึงตัดสินใจเดินทางเข้าแจ้งความ และเมื่อช่วงเช้าติดต่อฝ่ายชายได้เพื่อพูดคุยเรื่องการหย่า แต่อีกฝ่ายกลับบอกให้จ่ายเงิน 10,000 บาท เพื่อแลกกับการเซ็นเอกสาร ตอนนี้รู้สึกกังวล และกลัวไม่ปลอดภัยเป็นอย่างมาก เพราะขณะนี้เองนายเอ ก็ยังยืนยันว่าทำงานรับราชการทหาร

ด้าน น.ส.น้ำผึ้ง หนึ่งในผู้เสียหายอีกราย เปิดเผยว่า ตนเปิดร้านรับซักผ้า และรู้จักกับผู้เสียหายที่เป็นพยาบาลสาวมาแล้วหลายปี กระทั่งเมื่อวันที่ 9 เม.ย. นายเอ ได้เข้ามาตีสนิทโดยอ้างว่าทำงานเป็นทหารองครักษ์รักษาพระองค์ เป็นวิศวกรกองทัพเรือ มีธุรกิจรับเหมาใหญ่ 4 โครงการ มีลูกน้อง 4,000 คน และมีการพูดจากหว่านล้อมขอยืมเงิน โดยอ้างว่าทะเลาะกับภรรยาที่เป็นพยาบาลจนถูกไล่ออกจากบ้าน ยึดกระเป๋าสตางค์ทำให้ไม่มีเงินกินข้าว และภรรยากำลังจะฆ่าตัวตาย ด้วยความเวทนาจึงให้ยืมเงินไป 3,000 บาท ซึ่งอีกฝ่ายยืนยันว่าจะนำมาคืนในภายหลัง แต่ปรากฏว่าเงียบหายและไม่สามารถติดต่อได้ จึงได้เดินทางมาแจ้งความดำเนินคดี

ทางด้าน นายเอกภพ กล่าวว่า ผู้เสียหายได้เเจ้งความเอาผิดใน 2 ข้อหา คือ ฉ้อโกง และ กรรโชกทรัพย์ เนื่องจากมีการเรียกเงิน 1 หมื่นบาท เพื่อเเลกกับการจดทะเบียนหย่า ขณะเดียวกันวันนี้มีเจ้าหน้าที่จากกองทัพเรือ เดินทางมาพบพนักงานสอบสวนเพื่อตรวจสอบว่ารูปโปรไฟล์เป็นรูปของนายทหารท่านใด เพราะรูปดังกล่าวเป็นนายทหารเรือจริง เครื่องเเบบถูกต้อง คาดว่าผู้ก่อเหตุคงไปเลือกรูปของบุคคลอื่นที่มีความคล้ายคลึงกับตัวเองมาใช้หลอกลวงเหยื่อ ดังนั้นเจ้าของรูปจึงถือเป็นหนึ่งในผู้เสียหายด้วย ซึ่งอาจจะเข้าเเจ้งความในภายหลัง.