ยกให้เป็นอีกหนึ่งไอดอลมากความสามารถ สำหรับ ซูโฮ (SUHO) ลีดเดอร์หน้าเด็กจากบอยแบนด์แถวหน้า “เอ็กซ์โซ (EXO)” ที่ล่าสุดขอโชว์ฝีมือและตัวตนผ่านผลงานโซโล่มินิอัลบั้มชุดที่ 2 “เกรย์ สูท (Grey Suit) ซึ่งถือเป็นการคัมแบ๊กในรอบ 2  และเป็นผลงานอัลบั้มชิ้นแรกหลังจากปลดประจำการทหาร ซึ่งครั้งนี้เจ้าตัวมีส่วนร่วมตั้งแต่วางแผนคอนเซ็ปต์ ไปจนถึงแต่งเนื้อร้องทุกเพลงในอัลบั้ม เพื่อเพิ่มความรู้สึกของดนตรีในแบบฉบับ ซูโฮ  ที่สร้างสรรค์ขึ้นมาถึง 6 เพลง นำโดยเพลงไตเติล อย่าง “Grey Suit”, เพลง “Morning Star”, เพลง “Hurdle”, เพลง “Decanting” , เพลง “Bear Hug” และ เพลง “Moment” ซึ่งแต่ละเพลงเป็นธีมเกี่ยวกับ ‘เวลา’ ผสมผสานเสียงร้องอันไพเราะของ ศิลปินหนุ่มและดนตรีอันอบอุ่นได้แบบลงตัว 

สำหรับเพลงไตเติลที่ใช้ชื่อเดียวกับอัลบั้ม “Grey Suit” เป็นเพลงแนว Progressive Rock ร่วมด้วยเสียงของวงดนตรี และไลน์สตริงแบบไดนามิก เนื้อเพลงนำความรู้สึกมาเปรียบเปรยกับแสงและสี ด้วยการแสดงถึงความรู้สึกที่ค่อย ๆ กลายเป็นสีสันเมื่อคุณได้พบกับคนคนหนึ่งอีกครั้ง หลังจากที่คุณผ่านช่วงเวลาแสงสีเทาอันหม่นหมองที่เหมือนกับถูกหยุดเอาไว้ อีกทั้งตามเนื้อเพลง ในมิวสิกวิดีโอเพลงไตเติล ‘Grey Suit’ (เกรย์ สูท) ก็นำเสนอภาพอันเต็มไปด้วยความรู้สึก ของการเปรียบเทียบอย่างโดดเด่น ระหว่างโทนสีเดียวกัน (Monotone) และโทนสีสัน (Color tone) ดึงดูดทุกสายตาของผู้ชมได้เป็นอย่างดี

ทั้งนี้ “ฮาอึน” ได้มีโอกาสเข้าร่วมงานแถลงข่าวเปิดตัวมินิอัลบั้ม “Grey Suit” แบบสุดพิเศษ จึงไม่พลาดนำการพูดคุยเกี่ยวกับการทำผลงานครั้งนี้ การเติบโตและมุมมองของ ซูโฮ มีต่อเส้นทางสายดนตรีนี้ รวมไปถึงการฉลอง 10 ปีของ “เอ็กซ์โซ” กันแบบจัดเต็ม

Q : สำหรับ  “Grey Suit” เป็นผลงานโซโล่มินิอัลบั้มใหม่ในรอบ 2 ปีของคุณ และถือเป็นกิจกรรมแรกหลังจากปลดประจำการ รู้สึกอย่างไรบ้างกับคัมแบ็กครั้งนี้?

ซูโฮ  : ก่อนอื่นต้องบอกเลยว่า คิดถึงแฟน ๆ ของผม และทุกคนมากเลยครับ ผมเริ่มเตรียมงานของมินิอัลบั้มนี้ทันทีที่ปลดประจำการ เพราะว่าผมเองก็อยากพบกับแฟน ๆ โดยเร็วที่สุดครับ ผมค่อนข้างประหม่าตอนที่ได้เดบิวต์โซโล่ และอัลบั้มนี้ก็เป็นเหมือนการเริ่มต้นใหม่ แต่เพราะว่าผมเคยทำการแสดงเดี่ยวบนรายการเพลงสำหรับอัลบั้มที่ผ่านมา ผมเลยรู้สึกคุ้นชินอยู่บ้างครับ อย่างไรก็ตาม ผมยังรู้สึกประหม่าเล็กน้อย เพราะอัลบั้มนี้เป็นการเริ่มต้นใหม่ ผมสามารถตอบแทนแฟน ๆ ที่เฝ้ารอผมด้วยผลงานนี้ ซึ่งรวบรวมสีสันอันมากมายของผม และสิ่งที่ผมอยากจะบอกเล่าในตลอด 2 ปีที่ผ่านมา ดังนั้น ผมหวังว่าแฟน ๆ จะชื่นชอบกันนะครับ

Q :  แนะนำเกี่ยวกับมินิอัลบั้ม “Grey Suit” หน่อย?

ซูโฮ  :    สำหรับ ‘เกรย์ สูท (Grey Suit)’ เป็นมินิอัลบั้ม ที่มีทั้งหมด 6 เพลง รวมถึงเพลงไตเติลที่ใช้ชื่อเดียวกับอัลบั้มนี้ครับ โดยประกอบไปด้วยแนวเพลงที่หลากหลาย ทั้งโมเดิร์น ร็อค , บริทป๊อป ( Britpop) และร็อค บัลลาด ที่เป็นเสียงของวงดนตรีในแบบที่ผมชอบ และสนุกกับการฟังครับ มันเป็นมินิอัลบั้มที่เหมาะกับฤดูใบไม้ผลิสุด ๆ เลยครับ

Q : นอกจากผลงานมินิอัลบั้มก่อนหน้า ‘Self-Portrait’ คุณยังมีส่วนร่วมในการสร้างสรรค์คอนเซ็ปต์ของอัลบั้มนี้ รวมถึงมีส่วนร่วมในการเขียนเพลงทั้งหมด อยากให้เล่าถึงประสบการณ์ในการทำงานครั้งนี้?

ซูโฮ   :   เมื่อเทียบกับช่วงที่ผมทำกิจกรรมโปรโมตถี่ ๆ แล้ว ถือว่าผมมีเวลาให้กับตัวเองเยอะมากในช่วง 2 ปีที่ผมเข้ากรมครับ นั่นเลยเป็นเหตุผลว่าทำไมผมถึงทำอัลบั้มนี้มาในธีมของ ‘เวลา’ ไปจนถึงมีส่วนร่วมในการเขียนเนื้อเพลงทุกเพลง และวางแผนคอนเซ็ปต์ของอัลบั้มด้วยครับ สำหรับมินิอัลบั้มชุดนี้ ผมได้รับแรงบันดาลใจมาจากนวนิยายเรื่อง ‘โมโม่ (Momo)’ ของ มิชาเอ็ล เอ็นเด้ ซึ่งเป็นหนึ่งในหนังสือที่ผมอ่านระหว่างที่อยู่ในกรมครับ ผมตระหนักถึงความสำคัญของเวลาและใช้เวลาเยอะมากในการคิดไตร่ตรองว่า จะรวมมันเข้ากับอัลบั้มนี้อย่างไรดี ในแบบที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ อย่างที่บางคนทราบ มินิอัลบั้ม ‘เกรย์ สูท ’ ชุดนี้ ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก ‘บุรุษในชุดสูทเทา’ ในนวนิยายเรื่อง ‘โมโม่’ และช่วง 2 ปีที่ผ่านมานั้น ผมได้เห็นสมาชิกของผมกระตือรือร้นไปกับการโปรโมต อย่าง ‘ด้อนท์ ไฟท์ เดอะ ฟีลลิ่ง (Don’t Fight The Feeling)’ ผมรู้สึกเหมือนกับว่าโลกข้างนอกนั้นมีดูชีวิตชีวิตชีวา และลื่นไหลไปตามกาลเวลา ในขณะที่ช่วงเวลาของผมกลับหยุดนิ่ง ราวกับว่าผมติดอยู่ในห้วงเวลาสีเทา ๆ นี่เลยเป็นเหตุผลที่ผมตัดสินใจให้มินิอัลบั้มชุดนี้ มีชื่อว่า ‘เกรย์ สูท’ ครับ

Q :  เล่าถึงเพลงไตเติล อย่าง “Grey Suit” หน่อย?

ซูโฮ   :   เพลง ‘เกรย์ สูท (Grey Suit)’ เป็นเพลงโปรเกรสซีฟ ร๊อค  (Progressive Rock) ที่ผสมผสานเสียงของวงดนตรีกับไลน์สตริงครับ เนื้อเพลงพูดถึงการผ่านพ้นช่วงเวลาสีเทาอันหม่นหมอง โดยนำความรู้สึกที่ได้รับหลังจากพบกับคนคนหนึ่ง มาเปรียบเทียบกับแสงและสีครับ ส่วนหนี่งของคอรัส จะเป็นการร้องแบบค่อย ๆ ไต่โน้ตไปจนถึงไคลแมกซ์ของเพลง ผมทำงานร่วมกับนักแต่งเพลงในการสร้างไลน์เมโลดี้ที่สูงขึ้น เพื่อแสดงว่าซูโฮได้ถอดชุดสูทสีเทาของเขาออก และค่อย ๆ มีสีสันที่แต่งแต้มขึ้นมาตั้งแต่หัวจรดเท้าครับ ผมมีส่วนร่วมตั้งแต่การวางแผนคอนเซ็ปต์ของอัลบั้ม และแบ่งปันสิ่งที่ผมต้องการนำเสนอต่อทีมงานเรา ดังนั้น เพลงนี้จึงเป็นเพลงที่รวบรวมทุกอย่างที่ผมอยากบอกเอาไว้ครับ นี่เลยเป็นเหตุผลว่า ทำไมเพลงนี้จึงเป็นหนึ่งในเพลงโปรดของผม และผมก็มีความสุขและภูมิใจมาก ๆ เลยครับ

Q :  สำหรับมิวสิกวิดิโอเพลง ‘Grey Suit’  อะไรคือจุดสำคัญ ที่ต้องใส่ใจเป็นพิเศษในการชม?

ซูโฮ   :   มิวสิกวิดีโอนี้ ประกอบด้วยซูโฮสีเทา จากโลกที่เวลาได้หยุดลง และซูโฮสีสัน จากโลกที่เวลายังคงเดินต่อไปครับ มีหลากหลายฉากที่แสดงให้เห็นภาพที่ตรงกันข้ามกัน ผ่านทางแฟชั่น การแต่งหน้า พื้นที่ แสงไฟ และอื่น ๆ  ครับ ดังนั้น มันน่าจะสร้างความเพลิดเพลินในการมองถึงความแตกต่างนี้ จากฉากหนึ่งไปยังอีกฉากหนึ่ง นอกจากนี้ เราพยายามเพิ่มความรู้สึกว่างเปล่าอย่างถึงที่สุด ผ่านซีจีและการวาดแอนิเมชัน ซึ่งเป็นจุดสำคัญที่อยากให้ติดตามชม เพราะจะช่วยลบล้างภาพความอึมครึมและดำดิ่งของเพลงครับ

Q : เล่าถึงเพลงอื่น  ๆ ในอัลบั้มบ้าง อย่าง “Morning Star”?

ซูโฮ  : สำหรับ ‘มอร์นิ่ง สตาร์ (Morning Star)’ เป็นเพลงแนวโมเดิร์น ร็อคที่มีเนื้อเพลงบรรยายถึงความรู้สึกของการตั้งตารอ เมื่อคนคนหนึ่งตื่นขึ้นจากความฝัน และมาอยู่รวมตัวกับคนที่รอคอยมาตลอด มันเป็นเพลงแรกของอัลบั้ม และมอบความรู้สึกที่ทำให้คุณเริ่มต้นวันใหม่ครับ เพลงนี้มีอินโทรที่ค่อนข้างลึกซึ้ง ผมเลยเลือกให้เป็นเพลงแรกครับ ถึงแม้ว่าอินโทรจะมีความยาวถึง 35 วินาที และไม่ได้มีเสียงร้องเลยในระหว่างนั้น แต่มันก็ไม่ทำให้รู้สึกแปลกเลย และผมตั้งใจแต่งให้เป็นแบบนี้ขณะทำงานร่วมกับนักแต่งเพลงครับ เมื่อตอนที่ผมอยู่ในกรม ผมฝันว่ามีคอนเสิร์ตจริง ๆ แต่พอตื่นขึ้นมา ผมกลับรู้สึกว่างเปล่าครับ มันเหมือนกับว่าโลกที่ผมอยู่นั้น คืออยู่ในความฝัน แต่ความจริงกลับแตกต่างออกไปครับ ผมอยากย้อนกลับไปหาความฝันนั้น ผมเลยเขียนเนื้อเพลงลงในเพลงนี้ ด้วยความคิดที่อยากจะตื่นขึ้นมาไว ๆ ทั้งจากความจริง, ความฝัน เพื่อได้พบกับแฟน ๆ ของผมเร็ว ๆ นี้ครับ นี่เป็นเพลงแรกที่ผมอัดเสียง และผมเองก็ต้องการอัดเสียงเพลงนี้เป็นลำดับแรกเช่นกัน เนื่องจากเพลงนี้เป็นเพลงอินโทร และให้ความรู้สึกราวกับว่าผมกำลังเริ่มต้นใหม่ครับ เมื่อได้ฟังเพลงนี้ คุณจะรู้สึกถึงความตื่นเต้น และวูบวาบสุด ๆ เลยครับ

Q : เล่าถึงเพลง “Hurdle” ให้ฟังหน่อย?

ซูโฮ  :  เพลง ‘เฮอร์เดิล (Hurdle)’ เป็นเพลงลำดับที่สามของมินิอัลบั้มนี้ และเป็นเพลงแนวป๊อปร๊อค บรรยายถึงความปรารถนาที่อยากจะก้าวผ่านเวลา เพื่อวิ่งไปหาคนรักครับ โดยคุณจะได้ยินเสียงสภาพแวดล้อมและบรรยากาศอันอึกทึกของตัวเมืองโดยรอบในช่วงเริ่มเพลงครับ อีกทั้งยังมีหลากหลายแง่มุมที่จะทำให้คุณรู้สึกราวกับว่า คุณเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ แม้ว่าคุณจะหลับตาฟังเพลงนี้ก็ตามครับ ‘เฮอร์เดิล’ ซึ่งหมายถึงอุปสรรค และเวลาก็เหมือนเป็นอุปสรรคต่อผม ดังนั้นผมจึงเขียนเพลงนี้ด้วยความคิดที่อยากจะก้าวผ่านเวลานั้นครับ ระหว่างที่ผมอยู่ในกรม ผมได้ดูการแข่งขันทั้งโอลิมปิกฤดูร้อนและฤดูหนาว ตอนที่ผมดูกีฬากระโดดข้ามรั้ว ผมรู้สึกได้ว่า มันอันตรายแค่ไหนเมื่อเห็นนักกีฬาบางคนล้มลง ผมเองอาจจะมุ่งเน้นไปที่เกมการแข่งขันมากกว่า เพราะนักกีฬาเหล่านั้น ไม่ใช่แค่วิ่งอย่างเดียว แต่ยังต้องเอาชนะอุปสรรคในเส้นทางของพวกเขาด้วย ซึ่งเป็นไปได้ที่จะพลาด และรู้สึกตึงเครียดเช่นเดียวกันครับ ผมจำได้ว่า ผมจดคำว่า ‘Hurdle’ ที่แปลว่าอุปสรรค ไว้ในสมุดบันทึกของผม และสำหรับผมแล้ว ‘อุปสรรค’   คือ ช่วงเวลา นั่นเลยเป็นที่มาของการเริ่มเขียนเพลงนี้ครับ เพลง ‘เฮอร์เดิล’ เป็นเพลงที่สดใส ให้ความรู้สึกเบา ๆ เมื่อเทียบกับเพลงอื่นในอัลบั้ม และให้ความรู้สึกแตกต่างจากเพลงไตเติลครับ 

Q :   แล้วเพลง “Decanting” เป็นยังไง?

ซูโฮ  : สำหรับ ‘ดีแคนติ้ง (Decanting)’ เป็นเพลงแนว อัลเทอร์เนทีฟ  บริทป๊อป (Alternative Britpop) ที่มีทำนองเย้ายวน พร้อมท่อนโซโล่กีตาร์ที่ติดหูครับ ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ผมมีงานอดิเรกใหม่ คือ การดื่มไวน์ ผมไม่ได้ดื่มอย่างอื่นเลยนอกจากไวน์ ดังนั้น ผมจึงมักเอาไวน์ไปงานเลี้ยง หรือเวลาที่ไปเจอกับสมาชิกครับ ขณะที่ศึกษาเรื่องไวน์ ผมก็ได้เรียนรู้เกี่ยวกับวิธีการ ‘ดีแคนติ้ง’ ซึ่งเป็นกระบวนการที่ทำให้ไวน์มีรสชาติดีขึ้นและนุ่มขึ้น ผมคิดว่า นี่ก็คล้ายความสัมพันธ์ระหว่างผมกับแฟน ๆ ของเรา เพราะในตลอด 2 ปีที่ผ่านมา มันกลายเป็นความรู้สึกที่ทั้งลึกซึ้งและนุ่มนวลขึ้น นั่นคือสิ่งที่ผมอยากจะเขียนถึงครับ บางส่วนของเนื้อเพลงที่ว่า ‘ไอ ค้านท์ ดีไน (I can’t deny)’ และการออกเสียงนี้ ก็ไปคล้ายกับคำว่า ‘ดีแคนติ้ง’ ผมเลยเพิ่มลงไปในเนื้อเพลง เพราะคิดว่าเป็นการเล่นคำที่น่าสนใจดีครับ เพลงนี้น่าจะเป็นเพลงที่เซ็กซี่ที่สุดในอัลบั้มนี้ และผมพยายามนึกถึงอารมณ์อันเซ็กซี่ของไคในขณะที่ร้องเพลงด้วยครับ

Q :  เล่าถึงเพลง “이리 (Bear Hug)” หน่อย ?

ซูโฮ  :    ‘이리 溫 แบร์ ฮัก (Bear Hug)’ เป็นเพลงแนวโมเดิร์น ร๊อค พูดถึงความปรารถนาที่อยากปลอบโยนใครสักคน ที่กำลังเผชิญกับช่วงเวลาแห่งความเหงา ด้วยอ้อมกอดอันอบอุ่นครับ โดยคำว่า ‘on’ ในชื่อเพลงนั้น เขียนด้วยตัวอักษรจีน และหมายถึง ‘ความอบอุ่น’ ซึ่งสอดคล้องกับความปรารถนาจะมอบอ้อมกอดอันอบอุ่น และผมนึกถึงชื่อภาษาอังกฤษว่า ‘Bear Hug’ ด้วย มันจึงมีความหมายเดียวกันกับ การกอดแน่น ๆ ครับ แนวคิดของเพลงนี้ มาจากการที่ได้เห็นนักเรียน คนทำงาน และคนทั่วไป ที่มีบางวันอยากกลับบ้านหลังจากหมดวัน แต่บางวันกลับรู้สึกไม่อยากกลับบ้านและทำบางสิ่งบางอย่างแทน แม้ว่าจะไม่มีอะไรให้ทำเป็นพิเศษก็ตาม มันเหมือนกับว่าพวกเขาหลงทางวกไปวนมา ผมเขียนเพลงนี้ด้วยความรู้สึกที่อยากมอบอ้อมกอดให้คนเหล่านั้น ผมเขียนเนื้อเพลงราวกับว่า กำลังร้องเพลงให้เด็กคนหนึ่งฟัง ดังนั้น ผมจึงพูดคุยกับนักแต่งเพลง และเราได้เพิ่มความเป็นเทพนิยาย และเสียงประกอบที่เหมือนเพลงสำหรับเด็ก อย่างการใช้ไซโลโฟนในช่วงต้นเพลงครับ

Q :  เล่าถึงเพลง “75분의 1 (Moment)”?

ซูโฮ : สำหรับ‘75분의 1초 โมเม้นต์ (Moment)’ เป็นเพลงแนวร๊อค บัลลาด ที่มีเสน่ห์ พร้อมท่วงทำนองแบบบทกวีและเสียงกีตาร์ที่คล้ายกับเสียงเดินของเข็มนาฬิกาครับ ในภาษาเกาหลีนั้น ชื่อเพลงหมายถึง ‘1/75 ของวินาที’ โดยมาจากคำศัพท์ทางพระพุทธศาสนาที่มีความหมายว่า ช่วงเวลาที่สั้นที่สุด ครับ เพลงนี้เป็นเพลงที่ผมแต่งให้แฟน ๆ เพื่อแสดงให้เห็นว่า ผมรู้สึกอย่างไร ในช่วงสุดท้ายของคอนเสิร์ต หลังจากแสดงเพลงอังกอร์ของเราทั้งหมดจบลงครับ ช่วงเวลามักผ่านไปเสมอใช่ไหมครับ? แต่ผมอยากบอกแฟน ๆ ว่า ถ้าเราต้องการที่จะจดจำช่วงเวลานี้ เราก็สามารถจดจำมันไว้ในใจของเราได้ตลอดไปครับ มันเป็นเพลงที่อบอุ่น รวมถึงมีข้อความที่ผมอยากจะบอกกับแฟน ๆ ว่า มารักกันต่อไปนะครับ

Q :  ‘Grey Suit’ เป็นผลงานโซโล่มินิอัลบั้มใหม่ในรอบ 2 ปีของคุณ และถือเป็นกิจกรรมแรกหลังจากปลดประจำการ ดังนั้นมันต้องพิเศษมาก ๆ สำหรับคุณ คุณอยากสื่อสารอะไรผ่านมินิอัลบั้มนี้ และรู้สึกกดดันบ้างไหม?

ซูโฮ : พูดตรง ๆ ก็ไม่ได้มีความกดดันเท่าไรครับ และผมมีความสุขมาก ๆ ที่ได้ทำงานเพลงของผม มันยอดเยี่ยมมากครับ ที่จะได้แสดงออกในสิ่งที่ผมอยากบอกมาตลอด 2 ปี ผ่านบทเพลงนี้ อย่างไรก็ตาม ผมรู้สึกกดดันขึ้นมาบ้างในตอนที่เริ่มเตรียมงาน เพราะผมนึกถึงแฟน ๆ ที่จะได้ฟังเพลงของผมครับ ผมเริ่มต้นด้วยความคิดว่า จะทำในสิ่งที่ผมต้องการจะทำ แต่ต่อมาก็เริ่มคิดว่า แบบไหนที่แฟน ๆ จะชอบมากกว่า ทั้งเรื่องของทำนองเพลง, เครื่องดนตรี และเนื้อเพลง นั่นก็เลยรู้สึกกดดันขึ้นมาครับ แม้ว่าสุดท้ายแล้ว จะอยู่ภายใต้ความกดดัน แต่สิ่งที่สำคัญที่ผมต้องการแสดงให้เห็นผ่านอัลบั้มนี้ คือความสามารถในการสร้างแนวเพลงที่เป็นเอกลักษณ์ของผมครับ

Q :  มีเหตุผลอะไรเป็นพิเศษ ที่เลือก ‘เวลา’ เป็นธีมของมินิอัลบั้มชุดนี้ไหม?

ซูโฮ : มันเป็นการบ้านสำหรับผมที่ต้องคิดให้ออกว่า จะใช้เวลา 1 ปี กับอีก 9 เดือนอย่างไรครับ ผมเขียนไดอารีหรือจดบันทึก และเขียนทุกอย่างที่ผมอยากจะสื่อสาร และสุดท้ายก็หมกมุ่นอยู่กับคำว่า ‘เวลา’ ครับ ผมกำลังคิดว่า ผมควรใช้เวลาอย่างไรจนกว่าจะปลดประจำการ และเริ่มคิดว่าจะเตรียมทำอัลบั้มให้ดีที่สุดได้อย่างไรครับ ผมรู้สึกว่าเรื่องของเวลา เป็นสิ่งที่ผมสามารถพูดถึงได้อย่างจริงใจ เพราะว่าผมใช้เวลาไตร่ตรองเรื่องนี้เยอะมาก นั่นเลยเป็นเหตุผลที่ผมตัดสินใจใช้ธีมเกี่ยวกับ ‘เวลา’ ครับ

Q :  แง่มุมไหนที่คุณให้ความสำคัญเป็นพิเศษ ในการเตรียมมินิอัลบั้มนี้?

ซูโฮ : ผมให้ความสนใจเป็นพิเศษกับเสียงของเครื่องดนตรีครับ เพราะแม้ว่าเสียงของกีตาร์ไฟฟ้า หรือกีตาร์โปร่ง จะคล้ายกัน แต่กีตาร์ที่มีโน้ตเสียงสูง และกีตาร์ที่มีโน้ตเสียงต่ำ จะแตกต่างกันอย่างชัดเจนครับ โดยเฉพาะในเพลง ‘ดีแคนติ้ง  (Decanting)’ มีโทนเสียงกีตาร์ที่สูงอยู่มาก เพื่อแสดงออกถึงการเคลื่อนไหวของน้ำในแก้วครับ แต่สำหรับเพลง ‘เกรย์ สูท (Grey Suit)’ และเพลง ‘มอร์นิ่ง สตาร์ (Morning Star)’ ผมอัดเพลงเหล่านั้นโดยไม่ได้วอร์มเสียงก่อน เพราะผมอยากให้เป็นเสียงแหบเล็กน้อย ดังนั้น สิ่งเหล่านี้ คือ รายละเอียดเสียงที่ละเอียดอ่อน ซึ่งผมให้ความสำคัญในการเตรียมมินิอัลบั้มชุดนี้ครับ

Q :  คุณได้มีส่วนร่วมในการเขียนเนื้อเพลงทั้งหมดของมินิอัลบั้ม ‘Grey Suit’ ด้วย กระบวนการเขียนเป็นอย่างไรบ้าง และพอใจกับผลงานแค่ไหน?

ซูโฮ   :   ในโซโล่มินิอัลบั้มแรก ‘เซลฟ์ พอร์ตเทรต (Self-Portrait)’ ผมเขียนเรื่องราวเกี่ยวกับตัวเองเมื่อตอนย่างเข้า 30 และครบรอบ 10 ปีของเอ็กซ์โซครับ แต่สำหรับมินิอัลบั้มนี้ ผมได้เขียนเรื่องราวของผมตลอดช่วงเวลา 2 ปีที่ผ่านมา ผมใช้เวลาค่อนข้างมากในการคิดถึงเรื่องที่ผมสามารถแบ่งปัน และแฟน ๆ ของผมจะรู้สึกมีส่วนร่วมได้ รวมถึงสิ่งที่พวกเขาอยากได้ยินครับ มีบางครั้งที่ผมติดปัญหาในการคิดบางอย่าง แต่ผมก็ใช้เวลาร่วมกับนักเขียนเพลงคนอื่น ๆ เพื่อพูดคุย และนำคำจากตรงนั้นตรงนี้มารวมกัน ผมรู้สึกพอใจมากกับผลงานเนื้อเพลงที่เกิดจากวิธีเหล่านั้นครับ มินิอัลบั้มชุดนี้ มีทั้งหมด 6 เพลง และผมพยายามทำให้การเข้าถึงเพลงทั้งหมด ตั้งแต่เพลงแรกจนเพลงสุดท้ายเป็นในแบบธรรมชาติที่สุด เช่น การมีอินโทรที่โดดเด่นในเพลงแรกครับ แน่นอนว่า คุณก็มีสิทธิ์เลือกที่จะฟังแค่บางเพลง แต่เพราะว่าคนส่วนใหญ่จะฟังอัลบั้มตั้งแต่เริ่มจนจบ ผมเลยต้องการทำให้แน่ใจว่า แต่ละเพลงเล่นไปอย่างไหลลื่นครับ ซึ่งแต่ละเพลงเองก็มีนักแต่งเพลงที่ต่างกันไป ผมจึงต้องเล่นท่อนจบของเพลงที่ 2 ให้นักแต่งเพลงที่ 3 ฟัง และเราทำงานร่วมกันทั้งหมด ด้วยการเลือกเสียงที่น่าจะไปด้วยกันได้ดี แม้ว่าคุณจะอ่านหนังสือเพียงแค่บางตอน คุณก็สนุกไปกับมันได้ แต่คุณยังจะต้องอ่านทั้งเล่มเพื่อเข้าใจเนื้อเรื่องทั้งหมดอยู่ดี ในทำนองเดียวกัน ผมเองก็หวังว่าทุกคนจะฟังเพลงทั้งอัลบั้มตั้งแต่ต้นจนจบครับ!

Q : เพลงที่ยากที่สุดและง่ายที่สุด ในการทำงาน คือเพลงอะไร?

ซูโฮ   : เพลงที่ง่ายที่สุด คือ เพลง ‘75분의 1초 โมเม้นต์ (Moment)’ ในลำดับที่ 6 ซึ่งเป็นเพลงที่ผมตั้งใจมอบให้กับแฟน ๆ ครับ ผมเขียนทุกสิ่งที่สมาชิกและผมพูดในระหว่างคอนเสิร์ตของพวกเรา และเลือกคำ หรือ วลี ที่แสดงออกถึงความจริงใจของพวกเรา เสริมเข้าไปในเนื้อเพลง ดังนั้น กระบวนการเขียนเนื้อเพลงจึงง่ายขึ้นเล็กน้อย ในทางกลับกัน เพลงอื่น ๆ ที่เหลือนั้น ล้วนเป็นส่วนที่ท้าทาย และผมรู้สึกอย่างแน่ชัดว่า ผมพยายามอย่างหนักในการสร้างสรรค์ครับ

Q : นี่เป็นโซโล่มินิอัลบั้มชุดที่ 2 ของคุณแล้ว มีความแตกต่าง หรือแง่มุมไหนที่รู้สึกว่าได้พัฒนามากขึ้น เมื่อเทียบกับโซโล่มินิอัลบั้มชุดแรก  รวมถึงมีคำจำกัดความไหนที่แสดงได้ถึงสีของ  “ซูโฮ” บ้าง ?

ซูโฮ   :   ความแตกต่างระหว่างโซโล่มินิอัลบั้มชุดแรก กับโซโล่มินิอัลบั้มชุดที่ 2 ก็คือ ผมรู้สึกว่าเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น และได้รู้ว่าตัวเองชอบอะไรครับ มีอยู่ 2-3 เพลงในเพลย์ลิสต์ของผม ที่ผมชื่นชอบเป็นพิเศษ ไล่มาตั้งแต่เพลงแนวฮิปฮอป , อาร์แอนด์บี   และร็อค แล้วผมก็เพิ่งรู้สึกว่าเพลงเหล่านั้นมีทำนองเพลงที่ไพเราะ และมีโทนของเครื่องดนตรีที่คล้ายคลึงในแบบที่ผมชอบ เพราะผมใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการฟังเพลงตลอด 1 ปี 9 เดือนที่ผ่านมา ทำให้ผมค้นพบสิ่งที่่ผมชื่นชอบอย่างแท้จริง และตอนนี้ผมก็สามารถแสดงสิ่งนั้นออกมาได้ ซึ่งน่าจะเป็นความแตกต่างที่เด่นชัดที่สุด รวมถึงวิธีที่ผมเติบโตเช่นกันครับ  ส่วนสีที่บ่งบอกความเป็นตัวผม คงจะเป็นสีน้ำเงิน เพราะเป็นสีที่มีความลึกซึ้งซับซ้อนในตัวเอง แต่ก็ยังให้ความรู้สึกสดชื่นเหมือนคลื่น สีน้ำเงินเป็นสีที่ค่อนข้างสมบูรณ์แบบในการอธิบายถึง สีทางดนตรีของซูโฮและถ้าให้เลือกคำหรือวลี ก็คงเป็น ‘รู้จักตัวเอง’ ครับ

Q :  รู้สึกอย่างไรกับการฉลองครบรอบเดบิวต์ 10 ปีของ “EXO” เหล่าสมาชิกให้การสนับสนุนและพูดถึงเรื่องนี้อย่างไรบ้าง?

ซูโฮ  : มันน่าประหลาดใจอยู่เหมือนกันที่ ‘เอ็กซ์โซ’ กำลังจะฉลองครบรอบ 10 ปีครับ ย้อนกลับไปช่วงที่เดบิวต์ ผมมักจะมองดูรุ่นพี่ที่กำลังฉลองครบรอบ 10 ปีของพวกเขา และแม้ว่าจะถึงคราวของพวกเราแล้ว แต่ใจของผมยังรู้สึกเหมือนเราอยู่ในช่วง ‘คอล มี เบบี้ (Call Me Baby)’ หรือช่วงปีที่ 4 นับตั้งแต่เดบิวต์ครับ ผมเองก็ยังไม่อยากเชื่อเลยว่า นี่เรากำลังจะฉลองครบรอบ 10 ปีของเรา และผมอยากแสดงความขอบคุณต่อ เอ็กซ์โซ – แอล (EXO-L) เพราะพวกเขาคือเหตุผลที่ทำให้เรามาได้ไกลขนาดนี้ ผมไม่ได้เล่าเกี่ยวกับมินิอัลบั้มใหม่ของผมให้สมาชิกฟังมากเท่าไรนัก เพราะผมอยากเก็บเป็นเซอร์ไพรส์ครับ แต่ก็มีเปิดช่วงสั้น ๆ ตรงนั้นตรงนี้ให้ฟังบ้าง และพวกเขาล้วนให้การตอบรับว่า เพลงโดยรวมนั้นยอดเยี่ยมมาก และ ‘เพลงช่างเป็นสไตล์ซูโฮ’ ครับ

Q :  ส่วนตัวคุณคาดหวังความสำเร็จในมินิอัลบั้มชุดนี้ยังไงบ้าง?

ซูโฮ   :   มันเป็นคำถามที่ยากที่สุดเลยครับ แต่ผมอยากได้ยินคนพูดว่า ‘ซูโฮ ทำในสิ่งที่มีเพียงซูโฮเท่านั้นที่ทำได้’ และ ‘นี่คือซูโฮ’ ครับ ผมเชื่อว่าความสุขที่ยิ่งใหญ่ที่สุดจากมินิอัลบั้มชุดนี้ คือการสร้างแนวเพลงที่แตกต่างของตัวเอง และเป็นที่จดจำได้โดยทั่วกันว่า ‘เพลงของซูโฮ’ แม้ได้ยินเพียงช่วงอินโทรของเพลงครับ

จากทั้ง 6 เพลงในมินิอัลบั้มนี้ รวมถึงผลงานที่ผ่านมาไม่ว่าจะเป็นงานดนตรีหรือแสดง ได้พิสูจน์แล้วว่า ซูโฮ  คือหนึ่งในไอดอลคุณภาพของวงการ ที่พร้อมเติบโตและโชว์ความเป็นตัวเองมากขึ้นในทุกวัน นอกจากนั้นเขาเป็นยืนหนึ่งการเป็น “ลีดเดอร์ที่รัก” ในใจของแฟน ๆ อีกด้วย

ฮาอึน