ปล่อยให้คอหนังแอ๊คชั่นลุ้นกันจนคนยาวอยู่นานหลายปี ว่าเมื่อไหร่จะได้เห็น “ทอม ครูซ” กลับมารับบทนักบินในหนัง TOP GUN ภาคใหม่ จนกระทั่งมีข่าวจากสื่อบันเทิงต่างประเทศ ระบุว่า “จัสติน มาร์ค” กำลังเขียนบท TOP GUN MAVERICK ให้เข้ากับยุคสมัยใหม่ เครื่องบินรุ่นใหม่ แล้วยังต้องมีความสมจริงมากกว่า TOP GUN 1986 อย่างแน่นอน โดย TOP GUN 1986 มีนักวิจารณ์หนังหลายคนการันตีไว้ว่า เป็นหนังที่โชว์ความเป็นยุค 80 อย่างโดดเด่นและงดงามที่สุด

“ทอม ครูซ” ที่รับบท “พิท มิชเชล” หรือ “มาเวอริค” ได้ให้สัมภาษณ์ไว้ว่า นอกเหนือจากที่เขาอยากเป็นนักแสดงหนังแล้ว อีกอาชีพหนึ่งที่เขาใฝ่ฝันอยากจะเป็นมากที่สุดก็คือ “นักบิน” ด้วยเหตุนี้ทางผู้กำกับชื่อดัง “โทนี สก็อตต์” จึงไม่รอช้าที่จะเลือกให้ “ทอม ครูซ” มารับบทพระเอกของเรื่อง ประกบคู่กับนางเอกสาว “เคลลี แม็คกิลลิส” ในบทสาววิทยากรการฝึกบิน “ชาลอต์ ชาลี แบล็กวู้ด” หนังเรื่องนี้ ยังได้รับการสนับสนุนจากกองทัพเรือและกองทัพอากาศสหรัฐในการถ่ายทำตลอดเรื่อง มีการนำเอาเครื่องบิน F14 TOMCAT เครื่องบินขับไล่ปีกพับสองที่นั่ง สองเครื่องยนต์ มีความเร็วเหนือเสียงซึ่งทันสมัยที่สุดในสมัยนั้นมาใช้ในการถ่ายทำ แม้จะไม่ได้ให้ดาราเข้าไปขับเครื่องบินจริง ๆ เพราะติดกฎของกองทัพ แต่ก็ยังสามารถถ่ายทอดอารมณ์ของตัวละครได้อย่างสมจริงที่สุด

TOP GUN 1986 ทำรายได้ไปมากกว่า 350 ล้านเดอลลาร์ (จากทุนสร้างเพียง 15 ล้านเดอลลาร์) และแม้จะห่างหายไปนานกว่า 36 ปี แต่สิ่งที่ทิ้งเอาไว้แล้วกลับได้รับความนิยมแพร่หลายก็คือ แฟชั่นการแต่งกายตั้งแต่ แว่นตาแว่นเรย์แบน จยย.นินจา เสื้อโค้ตหนังสุดเท่ รวมไปถึงเพลงสุดคลาสสิกอย่าง Take My Breathe Away theme, Danger Zone และ Hot Summer Nights

เรื่องย่อ TOP GUN MAVERICK

“พิท มิชเชล” หรือ “มาเวอริค” (รับบทโดย ทอม ครูซ) ได้รับคัดเลือกให้มาอยู่โรงเรียน TOP GUN เพื่อฝึกขับเครื่องบินขับไล่ แต่แล้วชีวิตก็ต้องพลิกผัน เมื่อเครื่องบินที่ฝึกซ้อมเกิดขัดข้องดับกลางอากาศ “นิค แบรดชอว์” หรือ “กูส” เป็นเพื่อนคู่หูนักบิน (ตำแหน่ง Radar Intercept Officer) หรือ RIO พลาดเสียชีวิตระหว่างฝึกซ้อมบินทำให้ “มาเวอริค” สติแตกถึงกับอยากเลิกเป็นนักบิน แต่แล้ว ผบ.ของโรงเรียนได้ให้สติและเล่าวีรกรรม พ่อของ “มาเวอริค” สมัยรบในสงครามเวียดนามให้ฟัง นั่นจึงทำให้เขากลับไปเรียนจนจบ และรับภารกิจปกป้องน่านฟ้า โดยเฉพาะการเข้าไปช่วยชีวิต “ไอซ์แมน” (รับบทโดย วัล คิลเมอร์) เพื่อนร่วมรุ่นที่กำลังโดนเครื่องบินเจ๊ตของศัตรู 5 ลำ ไล่ยิงอย่างกล้าหาญ เขากลายเป็นตำนานเมื่อสอยมิกของฝ่ายตรงกันข้ามร่วงไป 2 ลำเพียงคนเดียวเท่านั้น

Column: At last! 'Top Gun' sequel premiere lands in San Diego - The San  Diego Union-Tribune

“มาเวอริค” รับราชการเป็นนักบินต่อไปอีก 30 กว่าปี โดยไม่ได้สนใจว่าจะได้เลื่อนยศหรือไม่ เพียงเพราะเขาต้องการเป็นนักบินเจ๊ตเท่านั้น ซึ่งการที่เขายังไม่โดนปลดจากนักบินก็เพราะ นายพลไอซ์แมน เพื่อนของเขาคอยช่วยเหลือ จนกระทั่งวันที่โครงการทดลองเครื่องบินความเร็วสูงต้องยุติลง เขาจึงได้รับการเสนอชื่อให้กลับมาเป็นครูฝึกนักบินเพื่อทำภารกิจเสี่ยงตาย โดยโอกาสจะทำให้ภารกิจสำเร็จแล้วกลับออกมาอย่างปลอดภัยนั้นแทบจะเป็น 0% ความดราม่าของเรื่องยังไม่จบแค่นี้ เพราะเหมือนโชคชะตาเล่นตลก เมื่อหนึ่งในนักเรียนที่รับคัดเลือกก็คือ เรือโทแบรดลีย์ แบรดชอว์ (รับบทโดย ไมล์ เทลเลอร์) หรือ “รูสเตอร์” ลูกชายของ “กูส” คู่หูผู้ล่วงลับ ซึ่งถือเป็นเรื่องยากในการตัดสินใจ ว่าจะส่งลูกชายของเพื่อนรักไปทำภารกิจเสี่ยงตายหรือไม่ และไม่ว่าผลจะออกมาเป็นไร เขาก็พร้อมจะแบกรับเอาไว้แต่เพียงผู้เดียว

จุดแข็งของ TOP GUN MAVERICK

ใครที่ไม่เคยดูหนังภาคเก่า ก็ไม่ต้องกังวลว่าจะดูภาคนี้ไม่รู้เรื่อง เพราะหนังเรื่องนี้มีการเล่าย้อนความหลังปูพื้นให้พอเข้าใจได้ไม่ยาก ตัวหนังมีความยาว 2 ชั่วโมง 17 นาที โปรดักชั่นของหนังในภาคนี้ถ่ายทำได้สมจริงกว่าภาคก่อนหลายเท่า ซึ่งก็ต้องขอชื่นชม “โจเซฟ โคซินสกี้” ผู้กำกับภาพยนตร์เรื่องนี้ สามารถทำให้ผู้ชมได้มีโอกาสเห็นมุมมองของนักบินเจ๊ตบนเครื่องได้ถึง 6 มุมมอง แถมยังใช้ CG เป็นองค์ประกอบเล็ก ๆ เท่านั้น “โจเซฟ” เลือกที่ใช้ฟุตเทจที่ถ่ายบนเครื่องมากกว่า 800 ตัว นำมาตัดต่อให้เกิดความสมจริงที่สุด แม้กระทั่งภาพของแรงเหวี่ยงเพื่อให้หน้านักบินบิดเบี้ยวก็ยังนำมาใช้ ใครเคยดูภาคแรกว่าสมจริงอยู่แล้ว มาภาคนี้ยกระดับความสมจริงเข้าไปอีกหลายเท่าตัว ลุ้นกันสนุกแน่นอน

Top Gun: Maverick: Tom Cruise press tour & new data hint at big box office

ในส่วนของบทภาพยนตร์และพล็อตเรื่อง มีการปูเนื้อหาแบบตรงไปตรงมา ไม่ได้ซับซ้อนหรือมีความลับอะไรให้ต้องตีความ ตัวนักแสดงอย่าง “ทอม ครูซ” ถือเป็นมืออาชีพโดยแท้ ไม่ว่าจะเล่นหนังเรื่องไหน ลองได้แอ๊คชั่นแล้ว บทของตัวละครนั้นจะโดดเด่นขึ้นมาทันที สำหรับบทของ “มาเวอริค” ที่เดิมเป็นหนุ่มวัยรุ่นชอบความเร็ว ปากคอไว ใจร้อน ในภาคนี้เขาดูเป็นหนุ่มใหญ่ที่มีอายุมากขึ้น แต่ก็ยังคงความเท่และความแซ่บซ่าไว้ได้อย่างประหลาด และเหนือสิ่งอื่นใดที่ทำให้ผู้ชมประทับใจสุดๆ ก็คือ การทำบทในเชิงห่วงใยแนว “พ่อที่รักลูก” ความหมายก็คือ ครูผู้ฝึกสอนทหาร หากยิ่งฝึกหนักฝึกจริงจังเท่าไร เพื่อให้เก่งกาจ สามารถต่อสู้ได้ตามต้องการ ก็จะรักนักเรียนทุกคนไม่ต่างกับลูกของตัวเองเลย ดังนั้น การส่งให้นักเรียนไปเสี่ยงตาย ย่อมเป็นเรื่องยากที่จะทำใจได้

Beartai Buzz รีวิว Top Gun : Maverick ลีลาศอากาศยานกับทัพฟ้าใจ เ ก เ ร
รีวิวหนัง] Top Gun: Maverick ท็อป กัน: มาเวอริค -  สมการรอคอยนี่สิหนังแอ็คชั่นฟอร์มยักษ์ที่คนถามหา

จุดอ่อน TOP GUN MAVERICK

หนังยังคงสูตรสำเร็จเหมือนหนังดราม่า ปูเรื่องไปเรื่อย ๆ สร้างปมให้ผู้ชมสงสัย ด้วยการจับเอา 2 เจเนอเรชั่น ที่มีความคิดเห็นต่างกันมาทำภารกิจร่วมกัน ก่อนจะแก้ปมคลายความสงสัยในตอนท้าย ผู้ชมเดาทิศทางของหนังได้ไม่ยาก แต่สิ่งหนึ่งที่ดูแล้วขัดใจมาก ๆ ก็คือ เลิฟซีนที่ทำออกมาเชิงวัยรุ่นวุ่นรัก แอบส่งสายตากันไปมา ทั้งที่จริงแล้วเป็นความรักแนวผู้ใหญ่ การแสดงออกอย่างตรงไปตรงมา และมีทิศทางชัดเจนไปเลย น่าจะดูเท่กว่า ยิ่งมีเลิฟซีนแนวปีนเข้าบ้านสาว ๆ แล้วโดนจับได้ เพราะอยากให้ผู้ชมขำ ๆ แต่…มันไม่ขำนี่สิ กร่อย!!

Beartai Buzz รีวิว Top Gun : Maverick ลีลาศอากาศยานกับทัพฟ้าใจ เ ก เ ร
Beartai Buzz รีวิว Top Gun : Maverick ลีลาศอากาศยานกับทัพฟ้าใจ เ ก เ ร

5/5 กะโหลก!! สำหรับภาพยนตร์แอ๊คชั่นโชว์มุมภาพสวยงาม เนื้อหาชวนติดตามแล้วยังได้ลุ้นกันจนหลังไม่ติดเบาะ ความคลาสสิกของแฟชั่นยุค 80 ที่ดูกี่รอบก็ทรงพลังสุด ๆ บทถูกแทรกไปด้วยแนวความคิดให้รู้จักรักเพื่อนฝูง รักครอบครัว ดีงามพระราม 10 คุณหนู ๆ ดูได้สบาย…

Crítica: “Top Gun – Maverick” é nostalgia & tradição vs. modernidade e ação  bem acima da média – Clube Cinema

————————————

คอลัมน์ : ดูหนังกับหมี
โดย : แพนด้าอ้วน

ขอบคุณข้อมูล ภาพจาก เว็บไซต์ Youtube และ Paramount Pictures