“ทีมเมืองเดลินิวส์” จึงถือโอกาสมาสนทนากับ โหรชื่อดังฉายานอสตราดามุสเมืองไทย  “โสรัจจะ นวลอยู่” เพื่อตีแผ่ดวงการเมือไทยในช่วงครึ่งปีหลัง โดย นอสตราดามุสเมืองไทย เปิดฉากกล่าวว่า  ดวงเมืองไทยในช่วงครึ่งปีหลัง มีหลายเรื่องค่อนข้างน่าสนใจ จะมีเหตุการณ์หลายๆ อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นไม่เคยเห็น จากนี้ไปถึงปลายปี เรามีดวงดาวที่สำคัญขยับเขยื้อน ในรอบหลายปี และส่งผลกับบ้านเมือง ไม่ใช่แค่การบ้านการเมืองอย่างเดียว แต่เกี่ยวกับหลายเรื่อง ทั้งเรื่องโรคภัยไข้เจ็บ โรคระบาด เรื่องเศรษฐกิจ รวมถึงผลกระทบจากต่างประเทศ อันนี้ค่อนข้างเยอะและหนัก ซึ่งเราต้องเตรียมตัวตั้งรับให้ดีเพราะแต่ละเรื่องใหญ่ ๆ ทั้งนั้น

ทั้งนี้หากนับจากนี้ไปจนถึงปลายปี 6-7 เดือนหลังจากนี้ มีดวงดาวที่สำคัญที่กำลังจะมีการโยกย้าย คือ ดาวมฤตยู(๐) ที่สถิตอยู่ในราศีเมษซึ่งเป็นลัคนาบ้านเมือง นานกว่า 7 ปีแล้ว จะย้ายไปเข้าราศีพฤษภ ในวันที่ 7 ก.ค.2565 จะส่งผลในหลาย ๆ เรื่องเพราะการโยกย้ายลักษณะดังกล่าวเกิดขึ้นในรอบ 80 ปี จากนี้ก็จะมีอะไรที่ส่งผลต่อความเป็นอยู่ของบ้านเมือง เกิดการเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงอะไรหลายอย่างเกิดขึ้น มีทั้งเรื่องดีและเรื่องเคราะห์ร้าย ซึ่งเราจะเริ่มเห็นตั้งแต่ช่วงเดือน มิ.ย.2565 เป็นต้นไป โดยเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจที่น่าเป็นห่วง เพราะ ดาวมฤตยู(๐) ย้ายออกจากราศีเมษ ไปเข้าราศีพฤษภ ไปอยู่ในภพที่สองของดวงบ้านเมือง ซึ่งเป็นภพเกี่ยวกับด้านการเงินการทองของประเทศ อาจจะหนักในด้านเศรษฐกิจจากปัจจัยหลายอย่างที่สืบเนื่องมา ทั้งภายในประเทศ สถานการณ์ต่างประเทศ และจากสถานการณ์เศรษฐกิจโลก ซึ่งส่งผลกระทบต่อด้านเศรษฐกิจ ที่แต่เดิมเราก็หนักอยู่แล้ว เมื่อมีปัจจัยด้านอื่นเสริมเข้ามา ทำให้ในช่วงครึ่งปีหลังด้านเศรษฐกิจของประเทศน่าเป็นห่วงมาก อาจจะมีปัญหาเกี่ยวกับการดำรงชีพ คนที่เดือดร้อนเยอะมากขึ้น การเงินการคลังของประเทศจะมีปัญหาเกิดขึ้นครั้งใหญ่มาก ประมาทไม่ได้

ขณะที่ ดาวราหู(๘) ที่มีการย้ายเข้ามาในราศีเมษ ซึ่งเป็นลัคนาบ้านเมือง ตั้งแต่วันที่ 30 มี.ค.2565 ที่ผ่านมา ซึ่งอยู่ร่วมกับ ดาวมฤตยู(๐) เริ่มส่งผลในเรื่องการบ้านการเมือง เริ่มมีปัญหาเล็ก ๆ น้อย ๆ มีการขัดแย้ง ความคิดเห็นไม่ตรงกัน หรือมีเหตุอะไรที่จะเป็นผลต่อไปข้างหน้าให้เกิดการขัดแย้ง ส่วน ดาวพฤหัสบดี (๕) ที่สถิตอยู่ในราศีมีน ซึ่งเป็นวินาสน์กับลัคนาบ้านเมืองอยู่  ซึ่งจะเกี่ยวกับเรื่องเงินทอง ผู้หลักผู้ใหญ่ หรือผู้ปกครอง รวมถึงผู้ใหญ่ในทางการเมือง ซึ่งถือเป็นวินาสน์กับลัคนาบ้านเมืองอยู่ไปตลอดทั้งปี ซึ่งจะส่งผลเรื่องความขัดแย้ง เช่น ผู้ใหญ่ในทางการเมืองด้วยกัน หรือในพรรคการเมืองเดียวกัน ก็ยังขัดแย้งกัน และจะขัดแย้งกันมากขึ้น โดยเฉพาะในช่วงก่อนวันที่ 7 ก.ค.2565 ที่ ดาวมฤตยู(๐) ย้ายออกจากราศีเมษ ซึ่งในระหว่างนี้อาจจะเกิดอะไรขึ้นได้ อาจจะเป็นการเปลี่ยนแปลงหรืออะไรบางอย่าง

นอกจากนั้น ดาวพระอังคาร(๓) หรือ “ดาวสีเลือด” ซึ่งตอนนี้สถิตอยู่ในราศีมีน ร่วมกับ ดาวพฤหัสบดี (๕) ซึ่งจะย้ายเข้าไปทับลัคนาราศีเมษ ในวันที่ 26 มิ.ย.2565นี้ ซึ่งจะเข้าไปทับ ดาวมฤตยู(๐) และ ดาวราหู(๘) ที่ยังอยู่ในราศีเมษ ทำให้ผู้ใหญ่ในการเมืองอาจจะเกิดอะไรขึ้นในช่วงนี้ได้ ระหว่าง วันที่ 26 มิ.ย.2565 ถึง 7 ก.ค. 2565 อาจจะมีอะไรชุลมุนในบ้านเมือง

“ถ้าอย่างนี้เรียกได้ว่า ลัคนาประเทศถูก “บาปเคราะห์” เข้ามาทับ และมี จตุโกณกากบาท ทุกจุด จึงทำให้ชาติบ้านเมืองเข้าสู่ทางคับขันตลอดเวลา เช่น สงครามระหว่างประเทศที่ส่งผลมาถึงเรา มีการประกาศกฎอัยการศึก สงครามกลางเมือง บ่งชี้ว่าเมืองไทยจะตกอยู่ในภาวะคับขันรอบด้าน อาจจะมีอะไรลุกเป็นไฟได้ หรือตกอยู่ในสภาพตึงเครียดตลอดเวลา ฤกษ์การเปลี่ยนแปลงอุบัติขึ้นในขณะนั้น อาจจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองครั้งใหญ่”

การจลาจลในกรุงเทพฯ และปริมณฑล อาจจะมีโอกาสที่ประชาชนออกมาชุมนุมเยอะมากขึ้น ซึ่งส่วนหนึ่งอาจจะมาจากเรื่องการเมือง และส่วนหนึ่งอาจจะมาจากด้านเศรษฐกิจ ที่ทุกคนประสบปัญหาความเดือดร้อน ถูกเลิกจ้าง ทำให้คนตกงานจำนวนมาก ทำให้เกิดความเดือดร้อนทุกหย่อมหญ้า เกิดการว่างงานจำนวนมาก คนยากจนมากขึ้น เกิดความเดือดร้อนไปทั่ว ข้าวยากหมากแพงในแบบที่อาจจะไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในอดีตที่ผ่านมา ซึ่งในช่วง 6 เดือนนี้อาจจะหนัก ความผันผวนยุ่งยากเป็นการแสดงให้เห็นว่าสิ่งต่างๆ ยังคงดำเนินต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง โดยทั่วไปสภาพในประเทศเราเปรียบเสมือน น้ำเดือดพล่านบนหม้อที่มีเชื้อไฟข้างใต้โหมอย่างรุนแรง!

@ หลังจากนี้ รัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะยังไปต่อได้หรือไม่

อาจจะเกิดการเคลื่อนไหว หรือเกิดการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นได้ในช่วงหลังจากนี้ เพราะทั้ง ดาวราหู(๘) ที่เข้าอยู่ในลัคนาบ้านเมือง รวมทั้ง ดาวพฤหัสบดี (๕) ที่เป็นวินาสน์ ซึ่งหากพูดตามดวงดาว จะหมายถึงผู้ใหญ่ในบ้านเมืองอาจจะมีอะไร อาจจะไม่เหมือนเดิม ไม่ไปในทางเดียวกัน ไม่เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน อาจจะไปกันคนละทาง ดังนั้นช่วงนี้ก็เลยจะเห็นอะไรหลาย ๆ อย่างที่เราไม่เคยเห็น

@ การเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นจะถึงขั้นมีการยุบสภา เปลี่ยนขั้วการเมือง หรือเปลี่ยนผู้นำประเทศได้หรือไม่

มีโอกาสที่จะเกิดขึ้นได้ทั้งนั้น อาจจะเป็นเรื่องใดเรื่องหนึ่งก็ได้ เป็นไปได้ทั้งนั้น หรืออาจจะเกิดอะไรขึ้นที่เราไม่เคยคิด หรือต่อไปเรื่อย ๆ  ก็จะเหมือนการขัดแย้งที่รุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ จนน่าจะเกิดอะไรสักอย่างหนึ่ง อาจเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่ไม่เคยเกิดขึ้น น่าจะเกิดอะไรสักอย่างที่ใหญ่โต

@ ดวงการเมืองไทยหลังเกิดการเปลี่ยนแปลงจะเป็นไปในทิศทางไหน

หลังจากการเปลี่ยนแปลง อาจจะยังมีปัญหาต่อเนื่องไปในระยะหนึ่ง แต่เป็นปัญหาที่ทำให้เกิดอะไรหลายอย่างเกิดขึ้น คล้ายเป็นลู่ทางสู่สิ่งใหม่ๆ เกี่ยวกับเรื่องการปกครอง การเมือง ซึ่งจะมีอะไรหลายอย่างที่ปรับปรุง แก้ไขให้ดีขึ้น จะต้องใช้เวลาระยะหนึ่ง อาจจะมีการชุมนุมเกิดขึ้นเยอะพอสมควร ซึ่งระยะเวลาที่เกิดขึ้นทุกคนอาจจะต้องเหนื่อย หรือเจอปัญหาต่อเนื่องมาสักพักหนึ่ง พอผ่านตรงนั้นทุกคนถึงจะเริ่มสบายขึ้น อาจจะใช้เวลาประมาณเกือบปี จนถึงช่วงปลายปี 2566 บ้านเมืองถึงจะสดใสดีขึ้นในทุก ๆ ด้าน บ้านเมืองจะเริ่มกลับมาเจริญรุ่งเรืองอีกครั้งหนึ่ง โรคระบาดต่าง ๆ จะเริ่มน้อยลง

“แม้การทำนายตามดวงดาวอาจจะดูค่อนข้างน่ากลัว เป็นดวงดาวแบบไม่เคยเกิดขึ้นมานาน จะมีเรื่องร้าย ๆ เข้ามาเยอะ แต่ก็ยังอยากให้ทุกฝ่ายทุกคนอดทน มีกำลังใจ มีความหวัง อยากให้ทุกคนดีต่อกัน อาจจะมีอะไรที่ขัดแย้งกัน แต่ก็ยังไม่สายเกินไป ลองหันมาคุยกันบ้างแม้จะยาก แต่ถ้าเป็นไปได้คนที่มีอำนาจควรจะลดอะไรบางอย่างลง  พยายามเข้าใจ พยายามคุยกัน และอยากให้เห็นใจประชาชนที่กำลังเดือดร้อนจากปัญหาต่าง ๆ อะไรที่ควรช่วยได้ก็ควรจะช่วยอย่างจริงใจ ซึ่งอาจจะช่วยทำให้ทุกอย่างคลายลงไปได้ ”