เรื่องราวสุดรันทดของครอบครัว 5 ชีวิต พ่อกับลูกสาว 3 คน เป็นออทิสติก เหลือแม่คนเดียวที่ปกติต้องหาเลี้ยงทั้งครอบครัว ทุกข์ยากลำบากแสนเข็ญไม่พอ ลูกสาวคนโตกับคนกลางยังถูกคนใจร้ายข่มขืนย่ำยีจนแทบไม่มีที่ยืน เพราะความยากจนทำให้ไร้หนทางต่อสู้

นางน้อย อายุ 51 ปี เล่าความเป็นมาของชีวิตแร้นแค้น สมัยยังสาวรักใคร่ชอบพออยู่กินกับสามีที่เป็นออทิสติกในพื้นที่ ต.สตึก อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ มีลูกสาวเป็นพยานรัก 3 คน โชคร้ายที่ลูกทุกคนเป็นออทิสติกเหมือนกับพ่อ แต่ตัวเองก็ไม่ท้อทำงานเลี้ยงครอบครัว แม้ฐานะยากจนอาศัยอยู่ในในเพิงพักสังกะสีผุพัง แต่ในบ้านก็เปี่ยมไปด้วยความรักและความอบอุ่น

ปัจจุบันลูกสาวคนโตอายุ 26 ปี คนกลางอายุ 25 ปี และคนเล็กอายุ 18 ปี ที่ผ่านมาลูกทุกคนจะอยู่บ้าน อยู่ในความดูแลของพ่อ ส่วนตนก็หาทำงานรับจ้างที่ไม่ไกลจากบ้านนักเพราะห่วงลูกๆ บางครั้งที่พ่อแม่เผลอลูกก็จะเดินไปเรื่อยๆ ในหมู่บ้านจนต้องตามหากันจ้าละหวั่น เพราะความที่ลูกไม่ทันคนและควบคุมอารมณ์ไม่อยู่จึงเกรงว่าจะเป็นอันตราย

กระทั่งวันที่ 14 เม.ย.62 ตนพาลูกสาวคนโตไปช่วยงานบวชลูกชายญาติที่อยู่ในหมู่บ้านเดียวกัน ตกดึกตนไปช่วยเจ้าภาพล้างจาน จู่ๆ มีญาติมาบอกว่าเห็นลูกสาวเดินไปในป่ากับนาคที่กำลังจะบวชเป็นพระ ตนจึงรีบตามไปดูก็พบว่านาคล่อลวงลูกสาวตนไปข่มขืนในท่อระบายน้ำข้างทาง

จะไปแจ้งความก็ไม่มีเงินเดินทาง จึงคิดว่าจะใช้สิทธิ 30 บาท พาลูกสาวไปตรวจร่างกาย แต่ทางรพ.แจ้งว่า มีค่าใช้จ่ายตรวจภายใน 4 พันบาท เพราะยังไม่ได้แจ้งความจึงไม่มีใบส่งตัวจากตำรวจ แต่ตนมีเงินติดตัวเพียง 100 บาท ลูกจึงไม่ได้ตรวจ!!

“กลับมาบ้านฉันก็ได้แต่นั่งร้องไห้ไม่รู้เคราะห์กรรมอะไรที่ลูกต้องมาเจอแบบนี้ อยากจะเรียกร้องความเป็นธรรมแต่ก็ไม่มีเงินพาลูกเดินทางไปแจ้งความ และต้องจำยอมเมื่อพ่อแม่ฝ่ายชายมาขอร้องอย่าเอาเรื่อง ขอให้ลูกเขาบวชเป็นพระให้เรียบร้อยก่อน ถ้าสึกมาแล้วจะมาขอลูกสาวแต่งงาน และยื่นเงิน 7 พันบาทให้แลกกับจบเรื่อง”

หลังฝ่ายชายสึกออกมาเราก็รอจนแล้วจนเล่าเขาก็ไม่มีวี่แววจะมาขอลูกสาว ทำเป็นนิ่งเฉยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แม้เราจะพาผู้ใหญ่บ้าน กำนัน ไปช่วยเจรจาแต่ก็ไม่เป็นผล เขาอ้างว่าจ่ายเงินให้ 7 พันบาทแล้ว จะเอาอะไรอีก!!

“ฉันกับลูกต้องก้มหน้ารับกรรมเพราะไม่รู้จะเอาอะไรไปต่อสู้ เสียใจมากที่เขาเห็นลูกเรามีค่าแค่ 7 พันบาท ถ้าฉันฆ่าเขาได้แล้วไม่ติดคุกฉันจะทำทันที แต่นี่ไม่ใช่ ซึ่งถ้าฉันติดคุกแล้วลูกๆ กับสามีจะอยู่กันอย่างไร”

ไม่รู้เคราะห์กรรมอะไรถาโถมหลังเกิดเรื่องกับลูกสาวคนโตไม่นาน วันที่ 4 ก.ค.63 ตนพา ลูกสาวคนกลางไปเยี่ยมญาติที่ต่างหมู่บ้าน ก็มาถูกตาเฒ่าวัย 73 ปี คนในหมู่บ้านลากไปข่มขืนในป่าอ้อยอีก หลังก่อเหตุเขาให้เงินลูกสาวมา 100 บาท… จากนั้นลูกได้มาเล่าให้ฟังจึงได้พากันไปแจ้งความที่ สภ.สตึก

พอเรื่องถึงชั้นศาล เบื้องต้นศาลให้ไปเจรจาตกลงค่าเสียหายกันก่อน แต่ตาเฒ่าที่ก่อเหตุก็หนีไปอยู่กับลูกสาวที่กรุงเทพฯ โดยไม่รับผิดชอบอะไรเลไม่รู้ว่าจิตใจเขาทำด้วยอะไร ถึงมาทำกับเด็กรุ่นราวคราวลูกคราวหลานที่สติไม่สมประกอบ ไม่รู้ว่าบาปคุณคุณโทษในจิตใต้สำนึกยังมีอยู่หรือไม่?

ด้าน นางสมทรง แสนดี อายุ 49 ปี อบต.สตึก ผู้ที่ให้การช่วยเหลือครอบครัวนางน้อย เล่าว่า ครอบครัวนี้น่าสงสารมาก แม่คนเดียวเลี้ยงดู 5 ชีวิต มีรายได้จากเบี้ยคนพิการของลูก 3 คน รวมแล้วเดือนละ 2,400 บาท ส่วนสามีไม่มีบัตรคนพิการ เรื่องการร้องทุกข์ดำเนินคดีหรือจะเดินทางไปศาลก็ลำบากเพราะไม่มีเงิน ตนช่วยเหลือเท่าที่ช่วยได้ บางครั้งนางน้อยก็ต้องไปกู้เงินนอกระบบมา

พอถึงวันที่ฟ้าเปิด… เมื่อความทราบถึง นายธัชกร หัตถาธยากูล ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ ได้มอบหมายให้ นางธัญลักษณ์ หัตถาธยากูล นายกเหล่ากาชาดจังหวัดบุรีรัมย์ พร้อมด้วยนางณัฏญา จิตรเกาะ พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดบุรีรัมย์ นายกันวลินทร์ เมืองแก้ว นายอำเภอสตึก เจ้าหน้าที่จากสำนักงานยุติธรรมจังหวัด ผู้แทนจากสาธารณสุขจังหวัด แพทย์พยาบาลโรงพยาบาลสตึก และผู้บริหาร อบต.สนามชัย เดินทางไปเยี่ยมบ้านนางน้อยเพื่อให้กำลังใจและให้การช่วยเหลือครอบครัว

ทั้งนี้ จะมีการสร้างบ้านหลังใหม่ให้ภายใต้โครงการ “สตึกปันน้ำใจ” เพื่อให้ 5 ชีวิตได้มีบ้านอยู่อาศัยที่มั่นคงแข็งแรงและปลอดภัยกว่าเดิม โดยจะนำเงินที่มีผู้ร่วมบริจาคจัดซื้อวัสดุอุปกรณ์และขอความร่วมมือจิตอาสาในพื้นที่ร่วมแรงร่วมใจกันก่อสร้างให้แล้วเสร็จ

ส่วนเรื่องคดีความนั้น นายกันวลินทร์ เมืองแก้ว นายอำเภอสตึก เปิดเผยว่า ลูกสาวคนโตที่ถูกญาติกระทำชำเรา ทราบว่าได้มีการพูดคุยเจรจาและจ่ายเงินค่าเสียหายกันไปแล้ว และไม่ได้มีการแจ้งความร้องทุกข์ ส่วนคดีลูกสาวคนกลางที่กล่าวหาว่า ชายชราต่างหมู่บ้านกระทำชำเรา ที่มีการแจ้งความร้องทุกข์และขณะนี้เรื่องอยู่ในชั้นศาล

ซึ่งศาลได้ให้โอกาสไกล่เกลี่ยกัน แต่ผู้ถูกกล่าวหาไม่ยอมจ่ายค่าเสียหายให้ ซึ่งศาลท่านจะนัดอีกครั้งในวันที่ 14 ก.ย.64 ซึ่งทางอำเภอจะพยายามประสานคู่กรณีเพื่อมาพูดคุยไกล่เกลี่ยกันเพื่อช่วยเหลือแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นให้จบลงเร็วที่สุด

เมื่อมรสุมชีวิต “นางน้อย” กับครอบครัวผ่านไป น้ำตาแห่งความตื้นตันก็ไหลออกมาอาบใบหน้า 5 ชีวิต หลังมีผู้หยิบยื่นความช่วยเหลือสร้างบ้านและเยียวยาจิตใจ แต่ถึงอย่างไรสิ่งที่ยังฝังใจทุกคนไปจนวันตายก็คือ “แผลในใจ” ที่ยังคงเรียกร้องความยุติธรรมและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์แม้จะเกิดมาไม่เท่าเทียม แต่ก็ไม่สมควรที่จะถูกเหยียบย่ำต่อไป

คอลัมน์ : นิยายชีวิต โดย : อสงไขย
เรื่องและภาพโดย : วันชัย ผิวอร่าม จ.บุรีรัมย์
แนะนำเรื่องราวชีวิตดั่งนิยาย หรือสอบถามได้ที่ [email protected]
คลิกอ่านเรื่องราว “นิยายชีวิต” เพิ่มเติมได้ที่นี่..