คนไทยติดพนัน” อาจจะ“เป็นระเบิดไฮเทคมหึมา”… อาจเป็นระเบิดที่ “บึ้มความสงบสุขในสังคมไทยมลายราบ!!!” …นี่เป็นทิ้งท้ายจากการนำเสนอ “ปัญหาคนไทยติดพนันเพิ่มขึ้นในทุกกลุ่มวัย” ที่ทาง “ทีมสกู๊ปเดลินิวส์” นำเสนอไปในช่วงต้นเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา และวันนี้ “ทีมสกู๊ปเดลินิวส์” ก็มีเรื่องราวปัญหาการติดพนันของคนไทยมานำเสนออีกส่วน…

“โฟกัส” ที่ประเด็น “วัยเรียนติดการพนัน”…

“วัยเรียนติดพนันออนไลน์” นี่ก็ “เพิ่มมากขึ้น”…

“อนาคตของชาติ” นับวัน “ถูกผีพนันไฮเทคสิง!!!”

เรื่องราว “ปัญหาวัยเรียนติดพนัน…โดยเฉพาะพนันออนไลน์” ที่ทาง “ทีมสกู๊ปเดลินิวส์” จะสะท้อนต่อในวันนี้นั้น…มาจาก รายงานการวิจัย “พฤติกรรมการติดพนันออนไลน์ : ปัจจัยเชิงสาเหตุ กระบวนการ ผลกระทบทางพฤติกรรมศาสตร์ และแนวทางการช่วยเหลือผู้เรียนที่ติดพนันออนไลน์ สำหรับครูแนะแนวในสถานศึกษา” ซึ่งจัดทำโดย ผศ.ดร.วิไลลักษณ์ ลังกา และคณะ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) โดยการสนับสนุนจาก ศูนย์ศึกษาปัญหาการเสพติด (ศศก.) โดยที่การ “ติดพนัน” และการ “ติดสารเสพติด” กับ 2 ส่วน 2 เรื่องนี้…สำหรับ “ในวัยเรียนนี่มีความยึดโยงกัน!!”

ทั้งนี้ จากผลการศึกษาวิจัยดังกล่าวที่มีการเผยแพร่ไว้ จากการศึกษาวิจัยกลุ่มตัวอย่างในทุก ๆ ภาคของประเทศไทย จำนวน 6,909 คน ที่เป็น “วัยเรียน” ในสถานศึกษาทั้งของภาครัฐและเอกชน ส่วนใหญ่เป็น เพศหญิง คือคิดเป็นร้อยละ 61.38 ซึ่ง… เพศหญิงเคยเล่นการพนันออนไลน์ 53.03% เคยใช้สารเสพติด 56.11% ขณะที่ เพศชาย ที่คิดเป็นร้อยละ 38.62 นั้น… เพศชายเคยเล่นการพนันออนไลน์ 46.97% เคยใช้สารเสพติด 43.89% โดยจากผลการศึกษาวิจัยในส่วนนี้ก็จะเห็นได้ว่า…

“วัยเรียนเพศหญิง” นั้น “ก็มีการเล่นพนันออนไลน์”

และเมื่อดูจากเปอร์เซ็นต์แล้วก็ “น่าเป็นห่วงมาก!!!”

ข้อมูลส่วนถัดมาจากการศึกษาวิจัยดังกล่าวข้างต้น…ที่ก็ “น่าเป็นห่วงมาก!!!” เช่นกัน!!! คือ… “วัยเรียนไทยมีการเล่นพนันออนไลน์และใช้สารเสพติดตั้งแต่ในระดับประถมศึกษา!!!” โดยเมื่อจำแนกกลุ่มตัวอย่างวัยเรียนตามระดับชั้น พบว่า… ในส่วนของกลุ่มตัวอย่างวัยเรียนในระดับประถมศึกษานั้น เคยเล่นการพนันออนไลน์ 0.88% และเคยใช้สารเสพติด 0.45%

ขยับระดับชั้นขึ้นเป็นกลุ่มตัวอย่างวัยเรียนระดับมัธยมต้น กลุ่มนี้เคยเล่นการพนันออนไลน์ 10.04% และเคยใช้สารเสพติด 11.17% ถัดมาขยับขึ้นเป็นกลุ่มตัวอย่างวัยเรียนระดับมัธยมปลาย เคยเล่นการพนันออนไลน์ 17.71% และเคยใช้สารเสพติด 17.32% ส่วนกลุ่มตัวอย่างวัยเรียนในระดับอาชีวศึกษา เคยเล่นการพนันออนไลน์ 71.38% และเคยใช้สารเสพติด 71.07%

กับสิ่งเสพติดที่วัยเรียนมีการใช้อันดับต้นคือ… เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 62.94% รองลงมาคือบุหรี่ 13.05% ส่วนการพนันที่วัยเรียนมีการเล่น นอกเหนือจากหวยรัฐบาลที่นำโด่ง อีก 2 อย่างอันดับต้น ๆ คือ… บัคคารา 23.15% ป๊อกเด้ง/แบล็คแจ็ค 18.96%

นี่คือ “ยอดฮิตที่น่าเป็นห่วงในกลุ่มวัยเรียนไทย”

โดยที่ทั้ง “พนัน-เสพติด” ก็ยังมีชนิดอื่น ๆ ด้วย!!!

ทั้งนี้ “พนันออนไลน์ในวัยเรียน” นั้น ในรายงานวิจัยโดยนักวิชาการ มศว โดย ศศก. สนับสนุน ระบุไว้ว่ามี “มูลเหตุจูงใจ” คือ… อยากรู้อยากลอง ในครั้งแรกที่เล่น และที่เล่นอีกเพราะ อยากสัมผัสการเปลี่ยนแปลงของสิ่งที่เคยเล่น แล้วก็ ติดกับดักความสนุก รู้สึกตื่นเต้นที่ได้เล่น นอกจากนั้น ต้องการเงิน ก็เป็นอีกสาเหตุที่เล่น หวังผิด ๆ ว่าจะเป็นทางลัดให้ได้เงิน ซึ่ง ความอยากได้อยากมี จากจุดเริ่มต้นภายในตัวเองจุดนี้นี่ก็เป็นสาเหตุทำให้มีการเล่นพนัน โดยเป็นสาเหตุได้ตั้งแต่เล่นครั้งแรก

และ “สิ่งเร้า” ต่าง ๆ นี่ก็ด้วย… โดยที่สภาพแวดล้อมรอบตัว ได้แก่… คนใกล้ชิดชวนให้เล่น อาจจะเป็นเพื่อน หรือรุ่นพี่ ชักชวนให้เล่นพนัน อีกทั้งการ เข้าถึงแหล่งพนันได้สะดวก โดยเฉพาะพนันออนไลน์ เหล่านี้ก็กระตุ้นให้วัยเรียนเข้าสู่การเล่นพนัน

เมื่อประกอบกับเรื่องความชอบ เช่นชอบฟุตบอล…

ก็มีแนวโน้มจะทำให้มีการเล่น “พนันบอลออนไลน์”

กับประเด็นที่ต้องเกิดแน่ ๆ เมื่อติดพนัน-พนันออนไลน์ “ผลเสียของการเล่นพนัน”  ทางกลุ่มตัวอย่างวัยเรียนก็สะท้อนไว้ในการศึกษาวิจัย สรุปได้ว่า… การเล่นจนติดพนัน ส่งผลกระทบต่อความรู้สึก ความรู้สึกที่แสดงออกมาชัดคือ หงุดหงิด เครียด และเกิดความโลภ ความรู้สึกหงุดหงิดจะเกิดขึ้นเมื่อเล่นแล้วไม่ได้เงิน เล่นเสีย แล้วอยากได้เงินคืน ก็จะมีอาการกระวนกระวาย อารมณ์ขุ่นมัว อารมณ์เสีย และมีความรู้สึกเครียดร่วมด้วย และ… เมื่อเสียเงินมาก ๆ จะมีความรู้สึกโลภ อยากจะได้เงินมาก ๆ ทำให้ขาดการยับยั้งใจ ไม่สามารถควบคุมตนเองได้ ส่งผลต่อการกระทำที่ไม่พึงปรารถนาอื่น ๆ …นี่คือผลเสีย

อย่างไรก็ตาม มีข้อมูลจากการศึกษาวิจัยดังกล่าวอีกส่วนที่ก็น่าพิจารณาเช่นกัน คือ… กลุ่มตัวอย่างที่มารดาหรือบิดาเสียชีวิต มีการเล่นพนันออนไลน์สูงสุด และกลุ่มตัวอย่างที่บิดาหรือมารดาเสียชีวิต หรือแยกทางกัน มีการใช้สารเสพติดสูง สูงกว่ากลุ่มที่บิดาหรือมารดาไม่ได้เสียชีวิต หรืออยู่ร่วมกัน …ซึ่งข้อมูลส่วนนี้ ผู้ใหญ่ที่เกี่ยวข้องก็ควรจะต้องพินิจ!!

“ผีพนันไฮเทคสิงเด็กไทยมากขึ้น” อย่าง “น่ากลัว!!!”

ผู้ใหญ่ในครอบครัวคงจะ “ต้องกัน-ต้องไล่” กันเอง

ดูเหมือน “ผีพวกนี้มันหยามใครไร้น้ำยาปราบ???” .