สัปดาห์ปลายเดือนมิถุนายน เป็นช่วงที่มีหนังดี ๆ เข้าหลายเรื่อง แต่ที่เรียกว่า ติดอันดับ 1 ของชาร์ทหนังยอดนิยมฝั่งอเมริกาคงไม่พ้น ราชาเพลงร็อกแอนด์โรล “Elvis” (เอลวิส) กับยอดเปิดตัว 3 วันแรกพุ่งไป 31 ล้านเหรียญ โดย “Elvis” เป็นภาพยนตร์แนวดราม่าชีวประวัติของนักร้องดังชื่อก้องโลกความยาว 2 ชั่วโมง ฝีมือของเจ้าพ่อหนังแนวมิวสิคัล “บาซ เลอห์มานน์” ผู้กำกับชื่อดังที่เคยโชว์ผลงานอย่าง Romeo + Juliet (1996),Moulin Rouge! (2001) และ The Great Gatsby (2013) หลังจากห่างหายไปจากวงการนานหลายปี กลับมาคราวนี้เขาต้องการตีแผ่เรื่องราวชีวิตของราชาเพลงร็อกแอนด์โรลที่มาความดราม่าตั้งแต่ต้นยันจบ โดยผ่านการบอกเล่าจากปากของ ผู้พัน ทอม ปาร์คเกอร์ (รับบทโดย ทอมแฮงส์) ผู้จัดการส่วนตัว ที่จะมาเจาะลึกเรื่องราวก่อนจะมาเป็นศิลปินชื่อก้องโลกผู้นี้ ไปจนถึงการใช้ชีวิตบนเส้นทางบันเทิงที่โด่งดังถึงขีดสุดกว่า 20 ปี ท่ามกลางความหลากหลายทางวัฒนธรรมของสหรัฐอเมริกาสมัยนั้น

เรื่องย่อของ “เอลวิส”

ราชาเพลงร็อกแอนด์โรลผู้ยิ่งใหญ่ แท้จริงแล้วเขามีชื่อจริงว่า “เอลวิส แอรอน เพรสลีย์” (Elvis Aaron Presley) เกิดเมื่อวันที่ 8 ม.ค. 1935 ที่เมืองทูเพอโล รัฐมิสซิสซิปปี เป็นบุตรของคนเดียวของ เวอร์นอน เอลวิส และ แกลดีส์ เลิฟ เพรสลีย์ “เอลวิส” ฐานะของครอบครัวเพรสลีย์ค่อนข้างยากจน พ่อต้องไปขับรถสิบล้อ ขณะที่ “เอลวิส” ในวัยเด็กค่อนข้างขี้อาย แต่ก็รักในเสียงดนตรีและชอบร้องเพลง จนกระทั่งวันหนึ่งเขาสามารถเอาชนะความกลัวที่จะแสดงดนตรีต่อหน้าสาธารณะได้

“เอลวิส” ออกเดินสายแข่งประกวดร้องเพลงตามเวทีและรายการโชว์ต่าง ๆ มากมาย มีทั้งประสบความสำเร็จและล้มเหลว แน่นอนว่าเขายังคงพัฒนาทักษะด้านนี้ต่อไป ย่างเข้าสู่วัยรุ่นในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 1953 “เอลวิส” ต้องการจะร้องเพลง “My Happiness” และ “That’s When Your Heartaches Begin” โดยบันทึกเสียงลงแผ่นเพื่อเป็นของขวัญให้แก่แม่ของเขา หนุ่มน้อยเดินทางไปยังสำนักงานของ “ซันเรเคิดส์” เพื่อจะใช้สตูดิโอ แต่ปรากฏว่าระหว่างร้องเพลงดังกล่าว เสียงเพลงที่เปี่ยมไปด้วยพลังกลับไปเข้าหูของ “แซม ฟิลลิปส์” หัวหน้าของ “ซันเรเคิดส์” ทำให้เขาชักชวน “เอลวิส” มาร้องเพลงในค่าย และนั่งจึงเป็นจุดเริ่มต้นในการเข้าวงการบันเทิง ก่อนจะมาเป็น The King ราชาเพลงร็อกแอนด์โรล

จุดแข็งของ Elvis

ภาพยนตร์เรื่องนี้มีความยาวกว่า 2 ชม.เต็ม โปรดักส์ชั่นทุกอย่างทำออกมาได้ยิ่งใหญ่สมราคา เริ่มตั้งแต่ “ออสติน บัตเลอร์” นักแสดงที่มารับบท “เอลวิส” แสดงได้สมูทสุด ๆ หลังจากต้องทำการบ้านนานกว่า 5 เดือน เพื่อให้แคสผ่านก่อนจะรับบทนี้ได้ นอกจากนี้ “บัตเลอร์” ยังโชว์ความสามารถในช่วงทดสอบนักแสดง ด้วยการส่งวิดีโอของตัวเขาเองขณะเล่นเปียโนและร้องเพลง “Unchained Melody” ซึ่ง “เอลวิส” ได้เคยคัฟเวอร์ไว้ในปี 1977 ไปให้ “บาซ เลอห์มานน์” ได้ดูอีกด้วย

ในส่วนของนักแสดงตัวเอกฝ่ายหญิง “โอลิเวีย เดอยองจ์” ในบท “พริสซิลลา เพรสลีย์” ดูแล้วเคมีเข้ากันได้ดีทีเดียว แต่ที่ต้องชื่นชมปรบมือจริง ๆ คงต้องยกความดีให้ฝ่ายคอสตูม-เครื่องแต่งกาย เพราะขนออกมาจัดเต็มแบบไม่มีกั๊ก ที่แน่ ๆ นักออกแบบชื่อดังอย่าง “แคเธอรีน มาร์ติน” ยังมาช่วยเสริมทัพทำให้เสื้อผ้าของเหล่านักแสดงในเรื่องนี้ ยิ่งใหญ่สวยงามหรูหราเข้าไปอีก และสุดท้ายสิ่งที่เยี่ยมยอดจนคิดว่าถ้าใครมาชมแล้วต้องติดหูไปตลอดแน่ ๆ ก็คือเพลงดัง ๆ ที่นำมาจัดใส่ไว้ในซีนต่าง ๆ ดูมีความ ดำดิ่ง คลาสสิคและติดหูมาก ๆ เรียกได้ว่า เป็นหนังอีกเรื่องที่มีองค์ประกอบศิลป์ทั้งภาพและเสียงที่ชวนให้บันเทิงมากกว่าเนื้อหา

จุดอ่อนของ Elvis

แม้หนังจะโชว์คอสตูมกันแบบสุดลิ่มทิ่มประตูแล้วก็ตาม บทของหนังเรื่องนี้ก็ยังมีความทรงพลังในด้านเนื้อหาและอารมณ์ในช่วงท้ายมากกว่าช่วงองค์แรกและองค์ที่สอง นั่นหมายถึงการปูพื้นเรื่องที่ยาว แต่กลับรวดเร็วเกินไป ก็อาจทำให้ผู้ชมยังไม่อิน ซึ่งกว่าจะรู้สึกถึงความบันเทิงอีกที….หนังก็เกือบจบเสียแล้ว

4/5 สำหรับภาพยนตร์แนวดราม่าที่มีการแทรกแง่แนวคิดมุมมองชีวิตของคนที่ประสบความสำเร็จ นั่นก็คือ ความพยายามในการเอาชนะอุปสรรคต่าง ๆ รวมถึงการไขว่คว้าหาโอกาส เพื่อจะนำพาไปยังจุดหมายปลายทางที่ตนเองนั้นปรารถนา

————————————

คอลัมน์ : ดูหนังกับหมี
โดย : แพนด้าอ้วน

ขอบคุณข้อมูล ภาพจาก Warner Bros. Pictures  และ เว็บไซต์ Youtube