ในช่วงหนึ่งของการกล่าวสุนทรพจน์หลังรับตำแหน่ง มาร์กอส จูเนียร์ ยกย่อง มาร์กอสผู้พ่อ ที่เขามองว่าสามารถบรรลุความสำเร็จหลายอย่าง ซึ่งไม่เคยมีมาก่อนในฟิลิปปินส์ นับตั้งแต่การประกาศอิสรภาพของประเทศ

“พ่อผมสร้างถนนมากขึ้นและดียิ่งขึ้น แถมผลิตข้าวได้มากกว่ารัฐบาลชุดก่อนหน้าทั้งหมด” มาร์กอส จูเนียร์ กล่าวพร้อมชื่นชมแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของ อดีตประธานาธิบดีโรดริโก ดูเตร์เต แม้เต็มไปด้วยเรื่องอื้อฉาวหลายเรื่อง โดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับเรื่องสิทธิมนุษยชน

ขณะเดียวกัน มาร์กอส จูเนียร์ ร้องขอความสามัคคี และกล่าวว่า บ้านเมืองจะก้าวไปได้ไกลขึ้น หากทุกคนร่วมมือกัน แต่เขาไม่กล่าวถึงความโหดร้ายทางสิทธิมนุษยชน และการฉ้อโกงที่บิดาถูกกล่าวหา โดยให้เหตุผลว่าตัวเขาจะพูดถึงอนาคตเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม นักเคลื่อนไหวและบรรดาผู้รอดชีวิตจากยุคเผด็จการของมาร์กอสผู้พ่อ มองว่า การที่ตระกูลมาร์กอสกลับมาปกครองประเทศอีกครั้งคือ “ฝันร้าย” ต่างเดินหน้าประท้วงต่อต้านประธานาธิบดีคนใหม่ ซึ่งเริ่มวาระท่ามกลางวิกฤติรอบด้าน ทั้งผลกระทบจากการระบาดโรคโควิด-19, ปัญหาเศรษฐกิจตกต่ำ, ความยากจน การว่างงาน, ความอดอยาก และภาวะเงินเฟ้อทั่วโลกที่เกี่ยวเนื่องกับสงครามในยูเครน

Al Jazeera English

นอกจากนั้น มาร์กอส จูเนียร์ ยังต้องเผชิญและจัดการกับภัยคุกคามด้านความมั่นคง จากกองกำลังติดอาวุธคอมมิวนิสต์ในภาคใต้ของประเทศ, อาชญากรรม, ช่องว่างความเหลื่อมล้ำ และกลุ่มการเมืองซึ่งยังคงขุ่นเคือง ในการชนะการเลือกตั้งของเขา

ชัยชนะอย่างท่วมท้น จากการเลือกตั้งของมาร์กอส จูเนียร์ และ น.ส.ซารา ดูเตร์เต บุตรสาวของอดีตประธานาธิบดีดูเตร์เต ซึ่งเข้ารับตำแหน่งรองประธานาธิบดีฟิลิปปินส์คนใหม่ ทำให้ทั้งสองคนมีต้นทุนทางการเมืองที่แข็งแกร่ง เมื่อพวกเขาต้องเผชิญกับความท้าทายต่าง ๆ เช่นเดียวกับความสงสัยที่เกิดขึ้นจากกิตติศัพท์ของผู้ที่เป็นบิดา

นอกจากนี้ การที่ มาร์กอส จูเนียร์ เป็นพันธมิตรทางการเมือง กับ ซารา ดูเตร์เต ซึ่งบิดาของเธอยังคงเป็นที่นิยม แม้มีประวัติ “ด่างพร้อย” ด้านสิทธิมนุษยชนก็ตาม ช่วยให้เขาคว้าตำแหน่งประธานาธิบดีมาครองได้ ขณะที่ชาวฟิลิปปินส์จำนวนมากยังคงยากไร้ และเริ่มหมดความสนใจกับรัฐบาลหลังสมัยมาร์กอสคนพ่อมากขึ้น นายริชาร์ด เฮย์ดาเรียน นักวิเคราะห์ในกรุงมะนิลา กล่าว

“สิ่งเหล่านี้ทำให้ตระกูลมาร์กอสนำเสนอตัวเองในฐานะทางเลือก” เฮย์ดาเรียน กล่าวเพิ่มเติม “ภูมิทัศน์สื่อสังคมออนไลน์ที่ไม่มีกฎหมายควบคุมอย่างจริงจัง จะเป็นตัวช่วยเครือข่ายบิดเบือนข้อมูลของพวกเขา ในการปรับภาพลักษณ์ยุคมืดของระบอบเผด็จการ ให้กลายเป็นยุคทองของฟิลิปปินส์ตามที่คาดหวังไว้”.

เลนซ์ซูม

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES