มิโยะ พยายามสื่อสารกับแฟนบอลตั้งแต่แรก ว่าเป็นความเห็นตรงกัน ร่วมกัน ของทั้งสมาคมบอล และตัวเธอ ที่จะเน้นปั้นเด็ก จุดประสงค์หลักคือให้เด็กได้ประสบการณ์ ส่วนเรื่องแชมป์ ไม่แชมป์อีกเรื่อง

เป้าหมายจริงๆ คือฮึดอีกเฮือก ลุ้นคว้าตั๋วบอลโลก รอบเพลย์ออฟอินเตอร์เนชั่นแนล ต้นปีหน้า

28 นักเตะ มีชุดที่คุ้นเคยติดมาน้อยมาก อาทิ ณัฐวดี ปร่ำนาค ที่จริงๆ ก็เป็นดาวรุ่ง 20 ต้นๆ, พรพิรุณ พิราวัณ, กาญจนาพร แสนคุณ, อรพินท์ แหวนเงิน, อลิษา รักพินิจ ฯลฯ

ด้วยเหตุผลต่างๆ ชุดนี้ไม่มี สุนิสา สร้างไธสงค์, ธนีกานต์ แดงดา, พิกุล เขื่อนเพชร, พิสมัย สอนไสย์, อิรวดี มาครีส, ศิลาวรรณ อินต๊ะมี ฯลฯ ที่ยืนแกนหลักมานาน

ทีมชุดชิงแชมป์อาเซียน ที่ฟิลิปปินส์นั้น มิโยะ ดันชุด 19-20 ปี ขึ้นมา เพื่อดูว่าใครไหวบ้าง ก่อนเขย่าขวดอีกทีกับชุดเก๋า เพื่อลุยแย่งตั๋วบอลโลก

เราจะเห็นดาวรุ่งที่ทำผลงานได้ดี แต่ไม่คุ้นชื่ออย่าง ชัชวัลย์ รอดทอง, พลอยชมพู สมนึก, ภัทรนันท์ อุปชัย ฯลฯ

ดังนั้นแม้ไม่ถึงแชมป์ที่เราเคยคุ้นเคย แต่ผลงานจึงน่าชื่นชม รอบแรก ชนะ อินโดนีเซีย 4-0, เสมอ ออสเตรเลีย 2-2, ชนะ สิงคโปร์ 3-0, ชนะ มาเลเซีย 4-0, ชนะ ฟิลิปปินส์ 1-0, รอบรองฯ ชนะ เมียนมา 2-0 ก่อนมาแพ้ ฟิลิปปินส์ 0-3

สาวฟิลิปปินส์ ไม่ใช่ทีมไก่กาอีกต่อไปแล้ว นโยบายดึงนักเตะแดนไกลมาช่วยทีมจัดว่าเวิร์ค เข้ารอบสุดท้ายฟุตบอลหญิงโลกได้สำเร็จ ชุดนี้ก็เป็นชุดคัดบอลโลกส่วนใหญ่ ก่อนมาเจอเราในรอบชิงฯ ตอนรอบรองฯ ก็กระซวก เวียดนาม 4-0

อย่าลืมว่า รอบแรกไทยก็เฉือนชนะฟิลิปปินส์มาได้ด้วย

ดังนั้น สำหรับ ชบาแก้ว การได้รองแชมป์อาเซียน ถือว่ายอดเยี่ยม นี่ว่ากันตามจริงๆ แบบไม่ใช่สายอวย

น่าจับตาแนวทางของ มิโยะ โอกาโมโตะ เธอให้ความสำคัญกับเยาวชนอย่างมาก เสร็จจากงานชุดใหญ่ จะบินตีวงเลี้ยวกลับไปอินโดนีเซียต่อ คุมทีมชุด 18 ปี ทำศึก 18 ปีอาเซียน คิวเตะรอบแรก กลุ่ม A วันที่ 22 ก.ค. พบ กัมพูชา, 26 ก.ค. พบ สิงคโปร์, 28 ก.ค. พบ อินโดนีเซีย และ 30 ก.ค. พบ เวียดนาม

ก็โหนรุ่นอีก ใช้ชุด 16 ปี ขึ้นมาเล่น บวกกับหน้าใหม่จากลีก ที่เอามาลองของ เรียกว่าใช้เวทีอาเซียน เพื่ออัพเลเวลให้นักเตะโดยเฉพาะ

“ก้าวข้ามอาเซียน” คำนี้ถกเถียงกันไม่จบไม่สิ้นสำหรับบอลชาย ขาหนึ่งอยากจะเดิน แต่อีกขายังปักที่เดิมแน่น

ตัดมาบอลหญิง ไม่มีห่วง ไม่มีกังวลใดๆ ตัดสินใจชัดเจน มุ่งไปข้างหน้า เมื่อถึงคราวต้องถ่ายเลือดต้องกล้าลุย ระดับอาเซียนแค่เอาไว้ทดสอบ

บอลทีมชาติไทย กับแนวทางซื้ออนาคตจึงกลายเป็น “ชบาแก้ว” ที่เป็นช้างเท้าหน้าไปแล้ว ในขณะที่ “ช้างศึก” ทีมชาย ที่ไม่กล้าตัดสินใจชี้ชัดๆ เลยยังยงโย่ยงหยกอยู่ ไม่รู้จะเอาไงแน่.

*** วุฒินล ***