ฝีแตกแล้วหนึ่ง การลงทุนในสกุล “เงินดิจิทัล” ที่คนรุ่นใหม่เฮโลเข้าไป (ขุด) เล่น เพราะหวังรวยเร็ว ซึ่งก็ไม่แปลก ใครไม่อยากรวย แต่คงลืมคาถา “ผลตอบแทนสูงย่อมมาพร้อมความเสี่ยงสูง”

กรณีล่าสุดที่บริษัท ซิปเม็กซ์ (Zipmex) ประเทศไทย ที่มีลูกหลาน “ตระกูลดัง” เป็นเจ้าของและผู้บริหาร ประกาศระงับไม่ให้ลูกค้า “ถอนทรัพย์สิน” ที่ฝากไว้กับบริษัท(เหมือนห้ามถอนเงินแบงก์ แต่นี่เป็นเงินเหรียญดิจิทัล) สร้างความตื่นตระหนกใหญ่หลวง เพราะไม่รู้ “ซิปเม็กซ์” จะเจ๊งหรือไม่ และตัวเองจะได้เงินคืนมั้ย จนมีการรวมตัวไปร้อง ก.ล.ต.ให้ช่วยแก้ปัญหาชีวิตหลายร้อยคน

ย่อเรื่องโดยสรุป ซิปเม็กซ์ (ประเทศไทย) เป็นบริษัทลูกของบริษัท ซิปเม็กซ์ สิงคโปร์ ซิปเม็กซ์ไทย มี Zipmex Plus + หรือ Zip Up + เป็นบริษัทลูก “รับฝากเงินเหรียญสกุลดิจิทัล”โดยให้โบนัสเป็นเปอร์เซ็นต์ตอบแทน (คล้ายดอกเบี้ย) แตกต่างกันในแต่ละเหรียญ โดย ซิปเม็กซ์ สิงคโปร์ เอาทรัพย์สินของลูกค้าไปให้ Babel Finance กับ Celsius ที่ฮ่องกง ลงทุนต่อ แต่ปรากฏว่าทั้งสองบริษัทขาดทุนไป 1 หมื่นกว่าล้านจนล้มละลายปลาย มิ.ย.65 ขณะ ซิปเม็กซ์ สิงคโปร์ ก็ขอพักชำระหนี้เมื่อ 22 ก.ค.65 ส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่

ปัญหาอยู่ที่แม้บริษัทแม่กับบริษัทในฮ่องกงเกิดวิกฤติแล้ว แต่ ซิปอัพไทย ก็ยังเปิดระดมเงินฝากจนถึง 29 ก.ค. ทำไม ซิปอัพ ไม่ยอมแจ้ง ก.ล.ต. และทำไม ก.ล.ต.ไม่เฉลียว ไม่รู้เรื่องเลยหรือ ทั้งที่เกิดล่วงหน้าเป็นเดือน นี่เป็นคำถามใหญ่ ๆ ที่ลูกค้าคาใจมาก ตามข่าว ซิปเม็กซ์มีคนรุ่นใหม่เปิดบัญชีถึง 3 ล้านบัญชี แต่แอ๊คทีฟจริง 5-6 หมื่นบัญชี

มูลค่าเสียหายกว่า 2,800 ล้านบาท?!?

นี่คือบทเรียนใหญ่สำหรับคนรุ่นใหม่ที่อยากรวยเร็วในโลกใหม่ ใครที่ลงเงินเย็นยังพอทำเนา แต่ที่ไปกู้ยืมมาหรือเอาเงินครอบครัวไปล่มจมด้วย ก็อาจสาหัสคราวนี้แหละ

เหนืออื่นใด คือ ก.ล.ต.จะเอาไง ห้ามทำธุรกิจเงินดิจิทัลแบบจีนเลยมั้ย บริษัทเงินดิจิทัลที่เหลือนับสิบจะยังไงต่อ กฎกติกาของโลกการเงินยุคใหม่ ก.ล.ต.จะรุกยังไง หรือเอาแต่ “ตั้งรับ” อ้อม ๆ แอ้ม ๆ จะเอาผิด “ซิปเม็กซ์” นั่นนี่ ขณะคนบาดเจ็บล้มตายเป็นพัน แต่นั่นล่ะ ความเสียหายที่เกิดกับซิปเม็กซ์ ชีวิตพังทลายเพราะสมัครใจไปเสี่ยงเอง เหมือน “แม่ชม้อยดิจิทัล” แต่ยังกระโจนเข้ากองไฟ

กรมทางหลวงเตรียมรื้อคานสะพานกลับรถพระราม 2

แต่นั่นเทียบไม่ได้เลยกับชีวิตคนไทยที่พังทลาย “ตายฟรี เจ็บฟรี” ทั้งที่ไม่ได้แส่ไปหาความเสี่ยงสักนิด ความปลอดภัยบนท้องถนนของไทยนั้นสุดเลวร้าย ตายบนทางม้าลายซ้ำแล้วซ้ำอีก ตายเพราะท่อนปูนหนัก 5 ตันถล่มใส่ ขณะวิ่งผ่านสะพานข้ามแยกที่กำลังซ่อม บนถนนพระราม 2 แถว รพ.วิภาราม ถึง 2 ศพ รถหลายคันพังยับ แม้เอาชีวิตรอดก็ขวัญผวาหนักเป็น “โศกนาฏกรรม” ซ้ำซาก เพราะถนนนี้กลางเดือน ก.ค. จู่ ๆ ท่อนเหล็กยักษ์ ก็หล่นถล่มใส่รถ ดีที่ไม่ตาย

ถนนเจ็ดชั่วโคตรสายนี้ ไม่เคยร้างราการก่อสร้าง สารพัดโครงการเกิดหมุนเวียนไม่รู้จบ คนใช้ถนนพระราม 2 เสี่ยงชีวิตทุกวัน ถนนลอยฟ้าที่กำลังก่อสร้าง มองไปสุดสยอง ท่อนปูนมหึมาไม่รู้กี่ท่อนวางเรียงรายอยู่เหนือหัว ไม่มีอะไรบ่งบอกว่า มีอุปกรณ์ป้องกันอุบัติภัย ไม่ให้ชิ้นส่วนต่าง ๆ หล่นใส่รถระหว่างก่อสร้างเลย ไม่นับการ “จราจรที่ติดสาหัสนรกแตก” มาไม่รู้กี่ปีกี่ชาติ

อีก 200 โครงการที่ อธิบดีกรมทางหลวง โม้ว่า ต่อไปนี้จะมีมาตรการเข้มงวด ไม่ว่าซ่อมเล็กซ่อมน้อย หากข้างบนมีการซ่อม ข้างล่างต้องไม่มีรถวิ่ง ไม่ทันขาดคำ ด่านเก็บเงินบางปะกง ถล่มลงมาต่อหน้าต่อตา ก่อนหน้าก็ “นกแอร์” ออกนอกรันเวย์ ผู้โดยสารติดแหง็กเป็นชั่วโมง ทั้งที่ไม่ควรอยู่ในเครื่องบินเกิน 90 วินาที

ความปลอดภัยในชีวิตของคนไทย ไม่เคยมี “บทเรียน” หรอก โครงสร้างการเมืองการปกครองเผด็จการรวบอำนาจ ทำให้ รัฐไทย เห็นชีวิตคนไร้ค่า ตาย จ่าย จบ ไม่ก็ตายฟรี ไม่เคยมีใครต้องติดคุก ทำไม “โศกนาฏกรรมตายคาถนนปีละกว่า 2 หมื่น” ถึงเกิดซ้ำซาก

มีคำตอบหรือยัง?!?.

—————————–
ดาวประกายพรึก