การลงคะแนนเสียง “เห็นด้วย” อย่างท่วมท้นในการลงประชามติ ซึ่งผู้ออกมาใช้สิทธิมีเพียง 25% เกื้อหนุนระบบการเมืองใหม่ที่ประธานาธิบดีมีอำนาจเกือบทั้งหมด และการตรวจสอบอำนาจอย่างเป็นทางการที่เล็กน้อย

อย่างไรก็ตาม ผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับแผนของไซเอดกลัวว่า ตอนนี้ตูนิเซียได้เข้าร่วมกลุ่มประเทศประชาธิปไตยที่ล้มเหลว หลังจากเคยเป็นผู้นำการจลาจลต่อต้านการปกครองแบบเผด็จการ ด้วยการปฏิวัติทางการเมืองที่ก่อให้เกิดปรากฏการณ์ “อาหรับสปริง” เมื่อปี 2554

แม้ไซเอดยืนยันว่า เขาจะไม่กลายเป็นเผด็จการ แต่เมื่ออำนาจทางการเมืองไหลเข้าสู่ทำเนียบประธานาธิบดีเร็วขึ้น สิ่งที่เปรียบเสมือนเมฆพายุของปัญหาและวิกฤติกำลังก่อตัวทั่วกรุงตูนิส

ขณะที่เขาดำเนินการเพื่อรวมอำนาจควบคุมตูนิเซียผ่านกฎหมายการเลือกตั้งใหม่ และรัฐสภาที่ไม่มีผลบังคับใช้เป็นส่วนใหญ่ ไซเอดกลับมีทางเลือกไม่มาก นอกจากต้องจัดการกับการตัดสินใจที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ซึ่งเป็นตัวสร้างปัญหาต่อผู้นำประชาธิปไตยรุ่นก่อนหน้า

ทั้งนี้ เศรษฐกิจของตูนิเซียย่ำแย่ตั้งแต่ปี 2554 โดยมีอัตราการเติบโตต่ำ, การว่างงานสูงขึ้น, บริการสาธารณะที่ลดลง และการขาดดุลและหนี้สินที่เพิ่มขึ้น อีกทั้งความไม่มั่นคงทางการเมือง, การโจมตีของกลุ่มติดอาวุธ และการระบาดของโรคโควิด-19 ยังลดรายได้จากภาคการท่องเที่ยว และซ้ำเติมเศรษฐกิจของประเทศที่อ่อนแออยู่แล้ว

Al Jazeera English

แม้การผ่านประชามติจะทำให้เป็นเรื่องที่ง่ายขึ้นสำหรับไซเอด ในการเริ่มก้าวแรกสู่การรักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจ นั่นคือการได้รับแผนช่วยเหลือของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ที่ต้องการมานาน แต่แนวทางการเมืองฝ่ายเดียวของเขา อาจทำให้ความพยายามที่จะปลดล็อกความช่วยเหลือเพิ่มเติมยุ่งยากซับซ้อน และต่อให้เขาได้รับความช่วยเหลือจากไอเอ็มเอฟและประเทศอื่น ๆ ไซเอดกลับมีความสนใจเพียงเล็กน้อย ต่อเศรษฐกิจของตูนิเซีย หรือการประกาศกลยุทธ์ เพื่อฟื้นฟูการเติบโตและการจ้างงาน

นอกจากนี้ เศรษฐกิจที่ล้มเหลวยังเป็นตัวผลักดัน ให้เกิดความผิดหวังต่อระบอบประชาธิปไตย และความโกรธเคืองของหลายฝ่ายในรัฐสภา รวมถึงการประท้วงตามเมืองต่าง ๆ ของตูนิเซีย ในช่วงฤดูหนาวของทุกปี

อย่างไรก็ดี แรงต่อต้านดังกล่าวอาจทดสอบคำมั่นสัญญาของไซเอด ในการรักษาสิทธิและอิสรภาพที่ได้รับหลังปี 2554 และเป็นการทดสอบถึงความซื่อสัตย์ของบริการรักษาความปลอดภัยด้วย

ขณะเดียวกัน แม้พรรคฝ่ายค้านจะมีความขุ่นเคือง พวกเขายังมีโครงสร้างระดับชาติที่สามารถระดมมวลชนทั่วประเทศ ซึ่งเกือบทุกคนต่างปฏิเสธความชอบธรรมในการดำเนินการของไซเอด แต่แนวร่วมฝ่ายค้านหลักกลับตั้งข้อสงสัย ต่อตัวเลขการชุมนุมอย่างเป็นทางการที่ 28% ขณะที่สมาชิกอาวุโสของฝ่ายค้านกล่าวว่า แม้มีอัตราการมีส่วนร่วมต่ำ ก็ไม่เพียงพอที่จะส่งเสริมระเบียบการเมืองใหม่แบบถาวรได้

ทั้งนี้ทั้งนั้น ในขณะที่พวกเขายังคงแตกแยกแบ่งฝ่าย หากไซเอดสามารถป้องกันการล่มสลายทางเศรษฐกิจได้ นั่นอาจไม่ใช่ปัญหาใหญ่สำหรับเขาเลย.

เลนซ์ซูม

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES