รัฐบาลเกาหลีใต้ให้เหตุผลในการอภัยโทษดังกล่าวว่า ผู้นำโดยพฤตินัยของบริษัทใหญ่ที่สุดของประเทศนี้ จำเป็นต้องกลับมาบริหารบริษัทอีกครั้ง เพื่อเป็นผู้นำในการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจหลังช่วงการระบาดโรคโควิด-19

อย่างไรก็ดี สิ่งนี้อาจสร้างความผันผวนในการต่อสู้กับการบริหารประเทศขึ้นมาอีกครั้ง ดังที่เคยเกิดการประท้วงครั้งใหญ่ที่เรียกว่า “การปฏิวัติแสงเทียน” ทั่วกรุงโซลเมื่อ 6 ปีก่อน จนนำไปสู่การขับไล่ประธานาธิบดีปาร์ค กึน-เฮ ผู้นำเกาหลีใต้ในเวลานั้น ซึ่งคดีความของนายอี มีความเกี่ยวข้องโดยตรงกับ น.ส.ปาร์ค

หลังจากนั้น นายมุน แจ-อิน ซึ่งเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีคนต่อมา ต้องสะสางปัญหาที่เกิดขึ้น แต่ในช่วงสุดท้ายของการดำรงตำแหน่ง เขาอภัยโทษให้กับ น.ส.ปาร์ค อีกด้วย

“มันเป็นการถอยหลัง และมันหมายความว่าเกาหลีใต้ย้อนกลับไปเหมือนช่วงก่อนการประท้วงใต้แสงเทียนอีกครั้ง” ศ.ปาร์ค ซัง-อิน ผู้เชี่ยวชาญด้านนโยบายเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม จากมหาวิทยาลัยแห่งชาติโซล กล่าว

Reuters

แม้นายอีจะยังเผชิญกับคดีทางอาญาหลายข้อหา ไม่ว่าจะเป็นการบิดเบือนมูลค่าของบริษัท, การฉ้อโกงบัญชี และการตัดสินใจในธุรกิจของซัมซุงที่ละเมิดเงื่อนไขศาลของเขา แต่การอภัยโทษที่เกิดขึ้นนั้นหมายความว่า เขาจะสามารถกลับมาทำหน้าที่ผู้บริหารของบริษัทอย่างเต็มรูปแบบได้อีกครั้ง

การอภัยโทษนายอีโดยรัฐบาลเกาหลีใต้อยู่บนพื้นฐาน ของข้อโต้แย้งที่ว่า ผู้นำ “แชโบล” หรือบริษัทที่ควบคุมโดยตระกูลหนึ่ง มีความจำเป็นต่อเศรษฐกิจของประเทศ แต่นักเศรษฐศาสตร์หลายคนบ่งชี้ว่า สิ่งนี้ไม่ได้รับการสนับสนุนจากการพิสูจน์ที่แน่ชัด

นักวิเคราะห์หลายคนกล่าวว่า บริษัทซัมซุงดำเนินกิจการได้ดีมากในช่วงที่นายอีเข้า-ออกเรือนจำ ขณะที่ฝ่ายผู้สนับสนุนการปฏิรูปกล่าวว่า เกาหลีใต้ ซึ่งมีการเติบโตทางเศรษฐกิจชะลอตัวมานานหลายปี จำเป็นต้องยุติการพึ่งพากลุ่มแชโบลเช่นกัน

ผู้สันทัดกรณีกล่าวว่า แม้ความปรารถนาที่จะจัดการกับการทุจริตและอิทธิพลกลุ่มแชโบลยังคงมีอยู่ แต่มันปะปนไปด้วยความกลัวและความกังวลเรื่องภาวะถดถอยที่กำลังจะเกิดขึ้น และความภาคภูมิใจที่เหลืออยู่ เกี่ยวกับการที่ซัมซุงเป็นตัวแทนของเกาหลีใต้ในเวทีโลก

“มันมีความเชื่อหลักที่ว่า หากซัมซุงทำได้ดี เกาหลีใต้ก็ทำได้ดี และคนเกาหลีใต้อยู่กับความเชื่อนี้มานานหลายสิบปีแล้ว มันจึงเป็นเรื่องยากที่ประชาชนคนทั่วไปจะหลุดพ้นจากเรื่องนี้” ศาสตราจารย์ยุนคย็อง ลี นักสังคมวิทยาการเมือง จากมหาวิทยาลัยโทรอนโต กล่าว “ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ ผู้คนต้องการเห็นสัญญาณที่เป็นรูปธรรมบางอย่าง ที่บ่งบอกว่าพวกเรากำลังก้าวไปข้างหน้า และการอภัยโทษของนายอีคือสัญญาณนั้น”.

เลนซ์ซูม

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES