หนุ่มแต่งตัวสุภาพ ใส่เสื้อเชิ้ต ผูกเนกไท สวมกางเกงยีน รองเท้าคัตชู อัธยาศัยดี อารมณ์ดีขี่รถจักรยานยนต์พ่วงข้างคู่ใจตระเวนขายขนมครกในพื้นที่ ต.หนองขาม อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ในทุกๆ วันเป็นภาพที่คุ้นตาของคนทั่วไป บางคนอาจจะคิดว่านี่หรือพ่อค้าขนมครก นึกว่าเป็นหนุ่มออฟฟิศที่ไหนซะอีก.. 

นายจันทร์ สุภารัตน์ อายุ 47 ปี หรือที่ลูกค้าเรียกติดปากกันว่า “พี่เอก” หรือ เอก ขนมครกปลดหนี้ เป็นชาว จ.เชียงราย มาสู้ชีวิตที่ จ.ชลบุรี นานนับสิบปี ทำงานมาก็หลายอาชีพก่อนจะลงเอยมีกิจการเล็กๆ ของตัวเอง 

สำหรับขนมครกของพี่เอก ลูกค้าจะติดใจในความอร่อย หวานมัน ราคาไม่แพงกล่องละ 20 บาท มีให้เลือกหลายไส้ ทั้งไส้ต้นหอมรสดั้งเดิม ไส้เผือก ไส้ฟักทอง ไส้ข้าวโพด ไส้มันม่วง และไส้ฝอยทอง ต่างรู้กันดีว่าพ่อค้าอารมณ์ดีคนนี้จะมาพร้อมกับเสียงเพลงเป็นประจำ วันละ 2 รอบ 

ตั้งแต่ตี 5 ถึง 9 โมงเช้า โดยจะขายที่บริเวณหน้าร้าน 7/11 บ่อยาง แถวเครือสหพัฒน์ ถนนสายสุขาภิบาล 8 หมู่ 10 ต.หนองขาม เสร็จรอบเช้าก็จะกลับเข้าบ้านเพื่อเตรียมวัตถุดิบกะทิและไส้ที่สดใหม่เพื่อออกขายต่ออีกรอบ โดยรอบบ่ายจะเริ่มขายตอนบ่าย 3 หน้าโรงงานไลอ้อน และโรงงานเครือสหพัฒน์ 

ด้วยความที่พ่อค้าเป็นคนบุคลิกร่าเริงแจ่มใส พูดคุยเก่ง ใจดี ทำให้มีลูกค้าประจำหลากหลาย ส่วนใหญ่จะเป็นพนักงานโรงงานที่เข้ามาทำงานจะซื้อติดไม้ติดมือคนละกล่อง 2 กล่อง หรือเวลาเปลี่ยนกะออกเวรก็จะแวะซื้อติดไม้ติดมือกันก่อนกลับบ้าน และสิ่งที่พี่เอก ขนมครกปลดหนี้ ทำเป็นประจำคือความมีน้ำใจ แบ่งปันขนมครกให้ รปภ.ของโรงงานรับประทานฟรีเป็นประจำ 

“หลายคนเห็นผมก็จะแปลกใจ ทำไมพ่อค้าขายขนมครกถึงแต่งตัวแบบนี้ บอกเลยว่า มันเป็นความเคยชิน วันไหนไม่ใส่เสื้อเชิ้ต ผูกเนกไท จะรู้สึกว่าไม่หล่อ ก็ไม่อยากออกมาขายของเพราะไม่มั่นใจ แม้แต่รองเท้าแตะผมยังไม่ใส่เลย จะใส่รองเท้าคัตชู รองเท้าผ้าใบตลอดถือว่าให้เกียรติลูกค้าด้วย ผมเองชอบแบบนี้ทำมาตลอดเพราะจะขายของอย่างมีความสุข เปิดเพลงฟังไปด้วย” 

พี่เอก เล่าถึงชีวิตที่ผ่านมากว่าจะถึงวันนี้ว่า เมื่อก่อนเคยทำงานเป็นผู้ช่วยกุ๊กอยู่โรงแรมชื่อดังแห่งหนึ่งในเมืองพัทยา ก่อนจะผันตัวมาขายขนมครกที่ตนเองได้พัฒนาสูตรความอร่อยมาจนลงตัว จากเงินเก็บที่ไม่มากลงทุนทำรถพ่วงข้างซื้ออุปกรณ์ให้พร้อม แรกๆ คนยังไม่รู้จัก ขายไม่ค่อยดี ต้องใช้ความอดทนและขยันมุมานะอย่างมาก กว่าคนจะรู้จักต้องใช้เวลาพอสมควร เมื่อลูกค้าลองได้ชิมแล้วส่วนใหญ่จะติดใจกลับมาซื้ออีกจนเป็นลูกค้าประจำกันไปเลยทีเดียว 

“ผมมาจากครอบครัวยากจน เรียนจบแค่ ป.4 มาเป็นพ่อค้าขนมครกก็คิดว่าดีกว่าตอนทำงานโรงแรมอีกนะ สบายใจและมีอิสระ เพราะเราได้เป็นนายตัวเอง มีความสุขกับสิ่งที่ทำ สิ่งที่เราเลือกเอง อยู่พัทยาหลายปีก่อนจะย้ายมาปักหลักอยู่ที่ศรีราชา เมื่อก่อนก็เช่าบ้านเขาอยู่กับภรรยาและลูก 2 คน มีภาระต้องรับผิดชอบ รายได้ไม่พอรายจ่าย มีหนี้สินเหมือนคนอื่นๆ แต่ก็สู้ชีวิตใช้จ่ายประหยัดจนปลดหนี้ได้ 

ความภูมิใจในอาชีพขายขนมครก 17 ปี ผมสามารถเก็บเงินผ่อนบ้านทาวน์เฮาส์ได้หนึ่งหลังในราคา 2 ล้านกว่าบาท ได้มีบ้านเป็นของตัวเองจากน้ำพักน้ำแรง ตอนนี้อยู่ตัวคนเดียวเพราะภรรยาได้เสียชีวิตไปแล้ว ส่วนลูกชายหญิงทั้ง 2 คน ต่างก็แยกไปมีครอบครัวกันหมด หลังจากที่ผ่อนบ้านหมดไปนานแล้ว ตอนนี้มาเจอพิษโควิดก็ลำบากจนต้องเอาบ้านไปจำนองกับบริษัทสินเชื่ออยู่ 7 หมื่นบาท และยังผ่อนใช้อยู่ทุกวันนี้”

ในเรื่องของรายได้จากการขายขนมครก พี่เอก เปิดใจหมดเปลือก เมื่อก่อนเคยขายได้วันหนึ่งประมาณ 2,500 บาท หลังจากมีการแพร่ระบาดของโควิด-19 รายได้หดหายไปเพราะผู้คนจับจ่ายน้อยลงต้องรัดเข็มขัดลำบากทั่วหน้า จากที่ขายดีๆ เหลือวันละไม่ถึง 1,000 บาท ช่วงนี้ยิ่งแย่มากแต่ก็ต้องสู้ อย่างน้อยให้ได้วันละ 500 บาท ก็ยังดี 

“ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ผมเชื่อว่าทุกอย่างจะต้องดีขึ้น ทุกคนต้องฝ่าวิกฤติตรงนี้ไปให้ได้ ขออย่าท้อแท้ ชีวิตคนเราเกิดมาต้องสู้ ถ้ามัวแต่ท้อแท้สิ้นหวังมันจะไม่มีอะไรดีขึ้น ทุกอย่างมันต้องผ่านไปได้ วันนี้ไม่ดี พรุ่งนี้ก็จะดีเอง สู้ๆ กันนะครับ”

คอลัมน์ : นิยายชีวิต โดย : อสงไขย
เรื่องและภาพโดย : ชุนณ์ลพัทธ์ ศรีภาเพลิน จ.ชลบุรี
แนะนำเรื่องราวชีวิตดั่งนิยาย หรือสอบถามได้ที่  [email protected]
คลิกอ่านเรื่องราว “นิยายชีวิต” เพิ่มเติมได้ที่นี่..