…นี่เป็นบางส่วนจากการระบุกับ “ทีมสกู๊ปเดลินิวส์” ไว้โดย รศ.นพ.สุริยเดว ทรีปาตี ผู้อำนวยการศูนย์คุณธรรม (องค์การมหาชน) …ซึ่งเกี่ยวกับกรณี “ปัญหาเด็กไทยมั่วเซ็กซ์” ที่ในยุคนี้ “ไปกันใหญ่!!” ถึงขั้น “เด็กหญิงเป็นฝ่ายชวนฝ่ายลวงเด็กชายไปมีเซ็กซ์!!” โดย 2 ตอนที่ผ่านมา “ทีมสกู๊ปเดลินิวส์” สะท้อนกรณีนี้ไป 2 ฉากทัศน์…

ตอนนี้มาจบกันที่ ฉากทัศน์แก้ปัญหา

ซึ่ง เรื่องการเรียนการสอนก็กลไกหนึ่ง

และ…กลไกที่ยิ่งสำคัญคือบ้านพ่อแม่

ทั้งนี้ ทาง รศ.นพ.สุริยเดว ระบุว่า…ระบบการศึกษามีผลเกี่ยวข้องกับพฤติกรรมของเด็กแน่นอน ซึ่งระบบไทยมันเก่ามาก…เรียกว่าเก่าเก็บเลยก็ว่าได้ วิธีการหรืออะไรต่าง ๆ ที่ใช้อยู่มันเก่า ซึ่งพฤติกรรม เด็กผู้หญิงอ่อยเด็กผู้ชาย ชวนไปมีเซ็กซ์ ฯลฯ ทั้งหลายทั้งปวงนี้เป็นเหตุการณ์ใหม่ โดยย้อนกลับไปเมื่อ 30 ปีที่แล้วเด็กผู้หญิงทั้งหลายรักนวลสงวนตัว หลักสูตรของไทยย้อนไปเมื่อ 30 ปีที่แล้วก็สอนแบบนี้ ปัจจุบันก็สอนแบบนี้ เนื้อหาก็ยัดวิชาเข้าไป ท่องจำเข้าไป โดยหวังว่าการ “ท่องจำ” จะสามารถ “เปลี่ยนพฤติกรรม” ได้…แต่คำตอบคือ “ไม่ได้” ดังนั้นต้องสอนด้วยการลงมือปฏิบัติ

“ใช้กรณีศึกษา แล้วฟังความคิดเห็น เหลาความคิดเด็ก ไม่ใช่ครอบงำความคิด ต้องใช้คำถามปลายเปิด ครูเปลี่ยนเป็นนักอำนวยการยังไม่พอ ต้องเป็นนักท้าทายที่ทำให้เด็กเกิดพลัง แล้วเกิดการสร้างการเรียนรู้ ลักษณะศักยภาพเทคนิคพวกนี้ของครูนั้นไทยยังลงทุนน้อยมาก รวมถึงวิธีการเรียนการสอนรูปแบบใหม่ ๆ แถมมัดคอไว้กับตัวชี้วัด ครูกระดิกซ้ายก็ตัวชี้วัด กระดิกขวาก็ตัวชี้วัด จึงไม่ได้มุ่งเน้นอยู่ที่เด็ก แต่มุ่งเน้นอยู่กับกระดาษเอกสาร มันป่วยไปทั้งระบบ”

นี่คือสรุปหลักใหญ่ใจความปัญหากลไก

“แก้เด็กมั่วกาม” นี่ กลไกเองก็มีปัญหา”

สำหรับกลไกถัดมาที่ยิ่งสำคัญ…คือ “บ้าน-พ่อแม่” กับกรณี “ปัญหาเด็กไทยมั่วเซ็กซ์” ที่ยุคนี้ไปกันใหญ่ถึงขั้น “เด็กผู้หญิงเป็นฝ่ายริ!!” ทาง ผอ.ศูนย์คุณธรรม ก็ชี้ผ่าน “ทีมสกู๊ปเดลินิวส์” มา ซึ่งโดยสังเขปมีว่า… เรื่องนี้สะท้อนให้เห็นว่าสังคมน่าเป็นห่วง และน่าลำบากใจ เพราะปกติในวัฒนธรรมเดิม ที่เป็นสิ่งที่ดีงาม เดิมผู้หญิงหรือเด็กหญิงโดยส่วนใหญ่จะ รักตัวเอง เคารพตัวเอง และดูแลตัวเอง การหล่อหลอมพวกนี้มันเกิดขึ้นในบ้านในครอบครัว วัฒนธรรมในลักษณะนี้มันสืบทอดต่อเนื่องกันมา แต่สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในยุคนี้มันสะท้อนให้เห็นว่าวัฒนธรรมเหล่านี้มันเริ่มเบาบาง…

“ในรั้วบ้านยุคนี้มันอ่อนแอมาก บ้านเป็นหลังคาที่อาศัยอยู่ด้วยกัน แต่ไม่ค่อยพูดคุยกัน จะคุยกันแค่เรื่องปากท้อง-เงินทอง แต่อย่าลืมว่าบ้านที่อยู่ร่วมกันจะต้องมีการถ่ายทอดโดยคนที่เป็นพ่อแม่ต้องเป็นตัวอย่างที่ดีให้ลูก พวกนี้มันจะกลายเป็นการซึมซับไปโดยปริยาย” …ทาง รศ.นพ.สุริยเดว ระบุและบอกอีกว่า…

ปัจจุบัน มีสิ่งยั่วยวนเข้ามาทางโซเชียลมีเดียด้วย ซึ่งโซเชียลมาแรง เปลี่ยนค่านิยมได้ภายในชั่วพริบตา ซึ่งในโซเชียลมีทั้งเรื่องดีและไม่ดี ที่ไม่ดี ที่เลว ก็สร้างค่านิยมผิด ๆ เรื่องนี้มันประจวบเหมาะกันคือ เด็กก็จะเข้าไปข้องแวะในโซเชียล ขณะที่บ้านเองก็ไม่เป็นบ้านที่ดี ปฏิสัมพันธ์ไม่ค่อยดี บ้านไม่ค่อยแข็งแรง สภาพแวดล้อมแบบนี้เลยทำให้เกิดค่านิยมเพี้ยน ๆ จากการที่ เด็กไปเจออะไรที่ไม่ดีในโซเชียล และมีการเลียนแบบ พฤติกรรมที่ไม่ดี

“ค่านิยมแปลก ๆ พฤติกรรมแปลก ๆ เด็กผู้หญิงอ่อยผู้ชาย เชิญชวนมีเพศสัมพันธ์ พฤติกรรมพวกนี้มันมาจากปัจจัยที่หมอสะท้อนให้ฟัง ครอบครัวที่อ่อนแอลงไปมาก บ้านเป็นแค่หลังคาอยู่ด้วยกัน ปฏิสัมพันธ์ไม่มี พูดคุยกันแต่เรื่องวัตถุนิยม บริโภคนิยม เรื่องปากท้อง ไม่ได้คุยเรื่อง soft skill ไม่ได้เป็นต้นแบบที่ดี เช่น การให้เกียรติซึ่งกันและกัน การเคารพศักดิ์ศรี การประพฤติปฏิบัติตน กลายเป็นปัญหาโยงไปสู่โซเชียลมีเดียที่กระหน่ำซัมเมอร์เซลส์ ที่เข้าได้แม้กระทั่งที่เป็นพฤติกรรมความรุนแรง อนาจาร สิ่งเหล่านี้เป็นตัวยั่วยุ แล้วคนที่อยู่ในวัยเด็ก เสพบริโภคพวกนี้ บวกกับในบ้านไม่แข็งแรง ก็นำสู่พฤติกรรมแปลก ๆ เพี้ยน ๆ” …ผอ.ศูนย์คุณธรรม บ่งชี้

ทั้งนี้ กรณี “ปัญหาเด็กไทยมั่วเซ็กซ์” ที่ยุคนี้ “ไปกันใหญ่ถึงขั้นเด็กหญิงเป็นฝ่ายชวนฝ่ายลวงเด็กชายมีเซ็กซ์!!” กับการป้องกัน-แก้ไข รศ.นพ.สุริยเดว ทรีปาตี ยังสะท้อนผ่าน “ทีมสกู๊ปเดลินิวส์” ทิ้งท้ายมาด้วยว่า… โจทย์ใหญ่คือครอบครัว “ถ้าพัฒนาครอบครัวพลังบวก พ่อแม่นิสัยดีเป็นคนดี ลูกก็จะดี หรือที่ไม่ดีก็จะเปลี่ยน เทคนิคในการดูแลลูกคือ…รับฟังเสียง หมอใช้คำว่า…พ่อแม่หัวใจประชาธิปไตย สร้างการมีส่วนร่วมภายในบ้าน พูดคุยกัน รับฟังปัญหาซึ่งกันและกัน ทำตัวเป็นแบบอย่างที่ดี พฤติกรรมลูกก็จะดีหรือเปลี่ยนเป็นดีได้แน่นอน” …

สรุปคือ…จะกันแก้เด็กมั่วเซ็กซ์มั่วกาม”

นอกจากพึ่งโรงเรียน…บ้านนี่ยิ่งสำคัญ”

“แก้ผู้ใหญ่พ่อแม่” นี่ กลไกสำคัญสุด!!”.