การปิดเอสวีบี ซึ่งเป็นธนาคารที่ให้บริการกับธุรกิจสตาร์ตอัป ตั้งแต่ช่วงทศวรรษที่ 1980 คือการล่มสลายของสถาบันการเงินครั้งใหญ่ที่สุด นับตั้งแต่กรณีของธนาคาร “วอชิงตัน มิวชวล” เมื่อปี 2551 โดยเหตุการณ์ดังกล่าวสั่นคลอนตลาดทั่วโลก ส่งผลกระทบต่อหุ้นธนาคาร และทำให้ผู้ประกอบการด้านเทคโนโลยีในรัฐแคลิฟอร์เนียวิตกกังวล เกี่ยวกับการจ่ายเงินเดือน
สำหรับความพยายามที่จะหลีกเลี่ยงสิ่งที่นายแกร์รี แทน ซีอีโอของบริษัทผลักดันธุรกิจสตาร์ตอัป “วาย คอมบิเนเตอร์” เรียกว่าเป็น “เหตุการณ์ระดับการสูญพันธุ์” ในภาคส่วนเทคโนโลยี ผู้บริหารในอุตสาหกรรมนี้จึงรีบทำในสิ่งที่พวกเขาสามารถทำได้ เพื่อช่วยธุรกิจขนาดเล็ก
อัลท์แมน เป็นผู้บริหารบริษัทคนหนึ่งที่ยอมควักเงินจากกระเป๋าของตัวเอง เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการบางราย โดยเขาเสนอเงินที่เพียงพอสำหรับการจ่ายเงินเดือน โดยไม่มีข้อผูกมัดใด ๆ แต่เขาขอให้บริษัทเหล่านั้นที่เขาช่วยเหลือ คืนเงินเมื่อพวกเขาสามารถทำได้
ขณะที่นายเอ็นริเก ดูบูกราส ซีอีโอร่วมของ “เบร็กซ์” บริษัทสตาร์ตอัปด้านเทคโนโลยีการเงิน หรือฟินเทค ใช้เวลาช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ ไปกับการติดต่อทางโทรศัพท์ หลังบริษัทของเขาประกาศวงเงินสินเชื่อฉุกเฉินเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา เพื่อช่วยให้บริษัทสตาร์ตอัปแห่งอื่น สามารถจ่ายเงินเดือนรอบถัดไปได้
แม้กระทั่งบริษัทสตาร์ตอัปรายเล็กก็ยื่นมือช่วยเหลือคนอื่นด้วยเหมือนกัน ดังเช่นนายอาลีม มาวานี ผู้ก่อตั้ง บริษัท สตรีค ที่มีพนักงานประมาณ 30 คน กล่าวว่า เขาจะให้ยืมเงินสดส่วนตัวของเขาโดยไม่มีเงื่อนไขใด ๆ กับบริษัทสตาร์ตอัปรายเล็กแห่งอื่น ที่กังวลเรื่องการจ่ายค่าจ้างพนักงาน รวมทั้งหารือกับบริษัท 2-3 แห่ง และให้ความสำคัญเรื่องการยืมเงินกับผู้ที่ใช้ชีวิตแบบเดือนชนเดือน
นอกจากความช่วยเหลือข้างต้น ซีอีโอและผู้ก่อตั้งบริษัทมากกว่า 3,500 คน ซึ่งเป็นตัวแทนพนักงานราว 220,000 คน ยังร่วมลงนามในคำร้องที่นำโดยบริษัท วาย คอมบิเนเตอร์ ที่จะยื่นอุทธรณ์โดยตรงต่อนางเจเน็ต เยลเลน รมว.คลังสหรัฐ เพื่อหนุนหลังบรรดาผู้ฝากเงิน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นธุรกิจขนาดเล็กที่มีความเสี่ยงของการไม่สามารถจ่ายเงินเดือนให้พนักงานได้ ในอีก 30 วันข้างหน้านี้
คำร้องดังกล่าว สนับสนุนการกำกับดูแลด้านกฎระเบียบที่เข้มงวดขึ้น และข้อกำหนดด้านเงินทุนสำหรับธนาคารในภูมิภาค ตลอดจนการสืบสวนการประพฤติผิดกฎหมาย หรือการบริหารจัดการที่ผิดพลาดใด ๆ ของบรรดาผู้บริหารเอสวีบี นอกจากนี้ คำร้องยังระบุเป็นเชิงเตือนว่า ตำแหน่งงานมากกว่า 100,000 อัตรา อาจตกอยู่ในความเสี่ยง
อีกด้านหนึ่ง ผู้ลงทุนร่วมหลายคนแนะนำให้บริษัทสตาร์ตอัปมองหาทางเลือกอื่น เพื่อรับสภาพคล่องระยะสั้น โดยบางบริษัท เช่น โลเวอร์คาร์บอน แคปิตอล เสนอเงินกู้แก่บริษัทหลักทรัพย์ลงทุน ที่มีเงินทุนติดอยู่ในเอสวีบี ส่วนบริษัท เคลย์ ดูมาส ซึ่งเป็นหุ้นส่วน กล่าวว่า โลเวอร์คาร์บอนจะให้การสนับสนุนบัญชีเงินเดือนในอีก 2 สัปดาห์ข้างหน้า และจะโอนเงินทุนได้ในสัปดาห์นี้.
เลนซ์ซูม
เครดิตภาพ : GETTY IMAGES