แม้ดัชนีความร้อนจะทะลุ 50 องศาเซลเซียส ในหลายพื้นที่ แต่สงกรานต์ ก็คือ สงกรานต์ เทศกาลแห่งความสุขที่คนไทยเฝ้ารอคอย หลังอั้นมานานเกือบ 3 ปี ช่วงเผชิญโควิด-19 ทำให้ผู้คนอยากจะสัมผัสโอบกอด ”เทศกาลสงกรานต์” ให้หายคิดถึง ในมิติต่าง ๆ ทั้งการเดินทางท่องเที่ยว กลับภูมิลำเนาเยี่ยมครอบครัวและสาดน้ำเล่นสงกรานต์เพื่อความสดชื่น
กรมทางหลวง (ทล.) คาดการณ์ปริมาณจราจรเข้า-ออกกรุงเทพมหานคร บนทางหลวงสายหลัก และทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) 10 เส้นทาง ช่วงเทศกาลสงกรานต์ 7 วัน 11-17 เม.ย. 2566 รวมทั้งสิ้น 7,026,157 คัน ใกล้เคียงกับช่วงเทศกาลสงกรานต์ปี 2562 ก่อนโควิด-19 แบ่งเป็นขาออก 3,458,690 คัน และขาเข้า 3,567,467 คัน คาดว่าวันที่ 12 เม.ย. จะมีปริมาณจราจรขาออกสูงสุด 648,530 คัน และวันที่ 16 เม.ย. จะมีปริมาณจราจรขาเข้ากรุงเทพฯ สูงสุด 612,769 คัน
เหมือนเช่นทุกปี ที่ยกเว้นค่าธรรมเนียมผ่านทาง มอเตอร์เวย์ 3 เส้นทาง M 7 กรุงเทพ-พัทยา-มาบตาพุด และ M 9 บางปะอิน-บางพลี, พระประแดง-บางขุนเทียน ตั้งแต่เวลา 00.01 น. วันที่ 12 เม.ย. ถึง 24.00 น. วันที่ 18 มี.ค. 66 รวม 7 วัน เพื่อช่วยแก้ไขปัญหารถติดหน้าด่านจากการทอนเงิน รวมทั้งลดภาระค่าใช้จ่ายการเดินทางให้ประชาชนรวมเป็นเงินประมาณ 175 ล้านบาท หรือเฉลี่ยวันละ 25 ล้านบาท
นอกจากนี้ยังเปิดบริการ M6 สายบางปะอิน-นครราชสีมา ช่วง อ.ปากช่อง-อ.สีคิ้ว-อ.ขามทะเลสอ ระยะทาง 64 กม. ให้ใช้ชั่วคราว (ฟรี) วันที่ 12-18 เม.ย. แบ่งเบาปริมาณจราจรบนทางหลวงหมายเลข 1 (ถนนมิตรภาพ) ตลอด24 ชม. รวมถึงยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษ (ทางด่วน) บูรพาวิถี (บางนา-ชลบุรี) และทางพิเศษกาญจนาภิเษก (บางพลี-สุขสวัสดิ์) ในห้วงเวลาเดียวกันด้วย
พร้อมกันนี้ กรมทางหลวง ยังตั้งจุดบริการทั่วไทย 393 แห่ง แบ่งเป็นจุดให้บริการทั่วไทย (โดยแขวงทางหลวง/กองทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองบูรณาการร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ) 119 แห่ง จุดให้บริการตำรวจทางหลวง 205 แห่ง รวมถึงจุดให้บริการสถานีตรวจสอบน้ำหนักและพักรถบรรทุก 83 แห่ง มีเจ้าหน้าที่ดูแลตลอด 24 ชั่วโมง อาทิ การให้ข้อมูลเส้นทาง แนะนำเส้นทางเลือก บริการน้ำดื่ม รวมทั้งแอลกอฮอล์เจลล้างมือ หน้ากากอนามัย พร้อมห้องน้ำสะอาดๆ บริการประชาชนในพื้นที่หมวดทางหลวงทั่วประเทศ 581 แห่ง
โครงข่ายทางหลวง 1,528 สายทาง ระยะทางกว่า 52,000 กม. โครงข่ายทางหลวงชนบท 3,402 สายทาง ระยะทาง 49,123.785 กม. รวมแล้วกว่า 1 แสนกม.ทั่วประเทศ พร้อมอำนวยความสะดวกและความปลอดภัยในการเดินทางแก่ประชาชน เมื่อถนนพร้อมแล้ว คนและรถต้องพร้อมด้วย ต้องเตรียมร่างกายพักผ่อนเต็มที่ ตรวจสอบสภาพรถให้เรียบร้อยและวางแผนการเดินทางล่วงหน้า
นอกจากขับรถด้วยความระมัดระวัง รักษาวินัยจราจรอย่างเคร่งครัด อย่าประมาท ลดพฤติกรรมเสี่ยงในการขับขี่ อาทิ ไม่ขับเร็ว ดื่มไม่ขับ ง่วงไม่ขับ ง่วงจอดพัก คาดเข็มขัดนิรภัย สวมหมวกนิรภัย ไม่ขับรถย้อนศร เป็นต้น เพื่อความปลอดภัยในการเดินทางแล้ว
ปัญหาคุณภาพอากาศของประเทศไทย โดยเฉพาะสถานการณ์ค่าฝุ่นพิษ PM 2.5 ยังมีแนวโน้มเกินมาตรฐานและส่งผลกระทบต่อสุขภาพประชาชนในหลายพื้นที่ บวกกับสภาพอากาศร้อนจัด อาจเกิดอาการเพลียแดด หรืออาจรุนแรงถึงขั้นเป็นโรคลมแดดหรือฮีทสโตรกได้ รวมทั้งต้องระมัดระวังรังสีอัลตราไวโอเลต (ยูวี) ที่จะทำให้เกิดผิวหนังเกรียมแดด
มีข้อแนะนำจากนักวิชาการทางการแพทย์ ควรสวมเสื้อผ้าสีอ่อน ระบายความร้อนได้ดี สวมหมวกปีกกว้าง แว่นกันแดด และทาครีมกันแดดป้องกัน รวมถึงดื่มน้ำสะอาดบ่อยๆ หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมกลางแจ้ง หลีกเลี่ยงการออกแดดช่วงเวลา 09.00-15.00 น. ถ้าจำเป็นควรใช้เวลาอยู่กลางแดดให้น้อยที่สุด หากเกิดอาการผิดปกติ เช่น หน้ามืด เวียนศีรษะ ปวดศีรษะ คลื่นไส้ หายใจเร็ว รีบแจ้งบุคคลที่อยู่ใกล้ให้ช่วยเหลือ
สงกรานต์ 2566 เป็นปีที่ต้องสู้แดด–สู้ร้อน ขอให้ทุกท่านระมัดระวังดูแลสุขภาพเป็นพิเศษ เดินทางปลอดภัย ท่องเที่ยวด้วยความสนุกสนาน และกลับบ้านฉลองสงกรานต์อย่างมีความสุขชุ่มฉ่ำหัวใจ
…ทีมข่าวนวัตกรรมขนส่งเดลินิวส์…
