สถานการณ์โควิด-19 ช่วงกันยายนนี้ ทางรัฐบาลไทย เริ่มผ่อนคลายให้พ่อค้าแม่ค้าหายใจหายคอ กลับมาขายของได้ปกติเช่นเดิม แต่ก็ยังกำหนดห้ามขายในบางสิ่ง ร้านอาหารก็เปิดให้คนเข้าไปนั่งได้แล้ว ทุกสิ่งที่อย่างก็เพื่อให้เกิดการผ่อนคลาย จะเหลือก็แต่เพียงโรงหนังที่ยังไม่อนุญาตให้เปิดฉาย ซึ่งท่านผู้ชมก็ยังคงต้องดูหนังสนุกๆ จากแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งที่ถูกกฎหมายกันต่อไป

โดยสัปดาห์นี้พบว่ามีหนังใหม่จากค่ายดัง ทยอยฉายให้ได้ชมกันเพียบ หนึ่งในนั้นมีหนังแอ๊คชั่นดุเดือดรวมอยู่ด้วยเรื่องหนึ่ง ด้วยต้นทุนการถ่ายทำที่ค่อนข้างสูง แล้วก็ไม่ใช่แค่ยิงกันไปมาอย่างเดียว แต่ยังมีสาระแง่มุมกระแทกสังคม กลายเป็นหนังติดเทรนด์อันดับ 1-5 ยาวนาน นั่นก็คือ SAS : Rise of the Black Swan หรือ หงส์ดำผงาด

เรื่องย่อ SAS : Rise of the Black Swan
ภาพยนตร์แอ๊คชั่นดุเดือด ความยาว 2 ชม. 5 นาที ถ่ายทำในประเทศอังกฤษทั้งหมด ดัดแปลงจาก จากนวนิยายเรื่องดัง “Red Notice” ของผู้เขียน “แอนดี้ แมคแนบ” อดีตนักรบหน่วยพิเศษอังกฤษ ว่าด้วยเรื่องราวของ “ทหารรับจ้าง” ที่ชื่อว่า “กลุ่มหงส์ดำ” หรือ Black Swan ที่มีหัวหน้าอย่าง “วิลเลียม ลูอิส” (ทอม วิลคินสัน) สุดยอดนักวางแผนทางการทหาร ก่อนหน้านี้ทางกลุ่มได้จัดกำลังเข้าไปล้างบางชุมชนหมู่บ้าน มีการสังหารผู้ชายทิ้งจนหมดไม่เว้นแม้เด็กชาย ส่วนผู้หญิงจะปล่อยให้มีชีวิตอยู่ต่อไปเพื่อให้หวาดกลัว

หลังการสังหารหมู่ทำให้ กลุ่ม “หงส์ดำ” มีชื่อเสียงในฐานะ อาชญากรสงคราม ถูกตั้งค่าหัวและไล่ล่าแบบจับตาย 100% แน่นอนว่า “วิลเลียม” ต้องจบชีวิตอย่างอนาถ ด้วยเหตุนี้ “เกรซ ลูอิส” (รับบทโดย รูบี้ โรส) ลูกสาวของหัวหน้ากลุ่ม ต้องออกโรงนำทีมแก้แค้นรัฐบาลอังกฤษ แต่การแก้แค้นครั้งนี้ก็ใช่ว่าจะราบรื่น เมื่อพระเอกของเรื่อง “โทมัส บักกิงแฮม” เจ้าหน้าที่หน่วยปฏิบัติการพิเศษ IM5 (รับบทโดย แซม ฮิวแฮน) ตามแกะรอย “เกรซ” และพวกพ้อง เพื่อทำให้ภารกิจของเธอไม่สำเร็จ จนกระทั่งเขาเริ่มรับรู้เรื่องราวของความเป็นจริงบางอย่างที่รัฐบาลพยายามปกปิดมันเอาไว้

จุดเด่นของ SAS : Rise of the Black Swan
ถือเป็นงานแอ๊คชั่นที่ลงทุนสูง โชว์แหล่งท่องเที่ยวดังๆ ไว้เพียบ ตั้งแต่ พระราชวังบักกิงแฮม ลอนดอนอาย เมืองชายทะเล รถไฟยูโรสตาร์ วิ่งผ่านช่องแคบอังกฤษ ขณะที่ฉากบู๊โชว์ปืนยิงกันแบบโหดเลือดกระฉูด ไม่มีการเซ็นเซอร์ให้วุ่นวายใจ งานแอ๊คชั่นไล่ล่ากันไปมาค่อนข้างสมจริง มีซีนลองชอตแบบยาว ๆ ให้ดูด้วย บทของดาราแต่ละคนล้วนมีความสำคัญต่อเรื่อง การวางน้ำหนักบทตัวละครทำได้เจ๋งมาก

ซีนกระแทกสังคมปนอยู่ อย่างเช่น “ฮันนาห์ จอห์น คาเมน” ที่มารับบทเป็นคุณหมอ และแฟนสาวของ “โทมัส” จากที่ต้องช่วยเหลือชีวิตคนใน รพ. ต้องมาโดนคนร้ายจับเป็นตัวประกัน และมันก็ยิงสังหารผู้บริสุทธิ์ต่อหน้าต่อตา นั่งจึงทำให้เธอมีทัศนคติที่เปลี่ยนไปทันที ประโยคที่ว่า “ฆ่าพวกมันให้หมด” หรือ “…kill them all…” กลับออกจากปากคุณหมอซะเอง!! เธอบอกให้แฟนหนุ่มจัดหนักพวกเหล่าร้ายให้ตายไปจากโลกนี้ เพื่อจะได้ไม่ให้คนบริสุทธิ์ต้องมาล้มตายกันอีก!!

จุดอ่อนของ SAS : Rise of the Black Swan
การดำเนินเรื่องทำลักษณะหนังแนวสูตรสำเร็จ เดาทางง่ายไป แล้วการเกริ่นนำไปจนถึงฉากโจมตีหมู่บ้านช่วงแรก ๆ ก็ค่อนข้างยืดยาว ยิ่งเข้ามากลางเรื่องกว่าจะไปลุยบู๊กันบนรถไฟก็แทบหลับ เพราะชอบมีการสลับฉากคุยสนทนาให้หนังมีบทเป็นเชิงสืบสวนไปด้วย ขณะที่ CG งานค่อนข้างหลุด ไม่ค่อยเนียนเท่าที่ควร บทบาทของดาราแม้จะทำให้เด่นได้แทบทุกตัว แต่บางตัวก็หายไปจากจอแบบดื้อ ๆ ซึ่งก็ไม่ได้บอกว่าตาย หรือไม่อย่างไร

3/5 กะโหลก สำหรับแอ๊คชั่นสุดเดือดเลือดท่วมจอ มีฉากสถานที่ท่องเที่ยวสุดสวย บทสนทนากระแทกสังคม แต่คงไม่เหมาะกับเยาวชนและคุณหนูๆ คุณพ่อคุณแม่ ควรพิจารณาก่อนให้ชมนะครับ


คอลัมน์ : ดูหนังกับหมี
โดย : แพนด้าอ้วน

ขอบคุณข้อมูล ภาพจาก เว็บไซต์ Youtube และ netflix