สำหรับวันพุธที่ 24 พ.ค. 2566 …. เมื่อถึงเวลา ประชาชนเจ้าของอำนาจอธิปไตยที่แท้จริง ก็ออกมาประกาศความเป็นเจ้าของ..หลังใช้ปลายปากกากากบาทแสดงเจตนารมณ์ที่ชัดเจนว่า ยืนเคียงข้างพรรคการเมืองที่ยึดหลักการระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข…ผลการเลือกตั้ง ส.ส. ครั้งประวัติศาสตร์ครั้งนี้ คือการปฏิวัติของประชาชนแบบสันติวิธี เป็นการหาทางออกให้ประเทศไทยแบบลงตัวไม่มีข้ออ้างหรือเงื่อนไข ไม่ว่าจะเป็นข้อครหาสาดโคลน “การไม่ก้าวข้ามทักษิณ” หรือ “ธุรกิจการเมืองครอบครัว” หรือ “ดีลลับ”

ตัวเลขของจำนวน ส.ส. ที่ออกมา พรรคในขั้วประชาธิปไตย มีมากกว่า 300 เสียง ขณะที่ พรรคในขั้วอนุรักษนิยม ที่เป็นรัฐบาลที่สืบทอดอำนาจมาจาก คสช. ได้ร้อยกว่าเสียงคะแนนบริสุทธิ์ที่ประชาชนมอบให้ เหนือกว่ากระสุนจากระบบบ้านใหญ่ .. ธุรกิจการเมืองที่ทุ่มทุนมหาศาลต้องพังพาบในพริบตา จากปลายปากกาของประชาชนกว่า 25 ล้านคน ที่แสดงพลังการก้าวข้าวความขัดแย้ง และแสดงพลังต่อ โดยให้กระบวนการเลือกประมุขของรัฐสภาและเลือกนายกรัฐมนตรีเป็นไปตามหลักการของรัฐสภา ที่ยังติดล็อกระเบิดเวลาที่วางไว้จากบทเฉพาะกาล ในรัฐธรรมนูญฉบับสืบทอดอำนาจ คสช. ที่ให้ 250 ส.ว. เลือกนายกรัฐมนตรีได้เป็นวาระสุดท้าย ก่อนลงจากเก้าอี้ในเดือนพฤษภาคม 2567

กระแสในโซเชียลที่ประชาชน แสดงออกอย่างชัดเจนต่อเนื่อง เป็นพลังของคนไทยทุกระดับทุกชนชั้นไม่มีสีเสื้อ ต้องการรัฐบาลที่ยึดหลักอำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชน ต้องได้รัฐบาลตามเจตนารมณ์ของประชาชน โดยปราศจากเงื่อนงำจากกฎกติกาและระเบิดเวลาที่รอปลดชนวนโดยสภาของประชาชนที่แท้จริง… รัฐธรรมนูญฉบับประชาชนในสภาชุดใหม่คือหน้าที่ของ ส.ส. ที่ได้รับเกียรติให้เข้ามาทำหน้าที่ผู้แทนของประชาชนทั้งประเทศ จึงเป็นบทพิสูจน์ของ ส.ส. ทั้ง 500 คน ว่าจะให้ประเทศเดินหน้าต่อไปด้วยจิตสำนึกผลประโยชน์ของประเทศชาติ ที่อยู่เหนือกว่าผลประโยชน์ส่วนตนหรือพรรคพวก

สมการการจัดตั้งรัฐบาล ในยุทธศาสตร์การเมือง ที่ยังติดกับของวงจรน้ำเน่าเท่าเดิมต้องหมดสิ้นไป หากตัวเลขที่เป็นหลุมดำถูกคลุมด้วยตัวเลข ส.ส. เกินกว่า 375 จะเป็นการเจิดจ้าของประชาธิปไตยเพื่อความอยู่รอดของชาติและของ ส.ส. ผู้ทรงเกียรติ ทั้งในวันนี้และในวันข้างหน้า โดยไม่ต้องไปพะวงหรือเดินตามเกมของ ส.ว. ที่ส่วนใหญ่มาจากผลไม้พิษจากการทำรัฐประหาร แม้ว่า 50 ส.ว. ที่มาจากการเลือกทางอ้อมของประชาชนกลุ่มอาชีพเข้ามารับเงินเดือนจากภาษีของประชาชนกว่า 4 ปี จะแสดงออกทางโซเชียลว่า จะสนับสนุนตามหลักการของระบอบเสียงข้างมากในสภา… ก็เป็นแค่ความคาดหวังการช่วงชิงอำนาจทางการเมือง..ต้องเชื่อในสมการว่า “ไม่มีมิตรแท้และศัตรูถาวรทางการเมือง” การเมืองคือเรื่องการช่วงชิงอำนาจ..สำคัญว่าเป็นอำนาจของประชาชน เพื่อประชาชน ตลอดไปหรือไม่!?

หากจะให้ตรงตามเจตนารมณ์ ของประชาชนที่เลือกตั้ง ส.ส. แบบเป็นคำตอบชัดเจน ..รัฐสภาที่มาจากสภาผู้แทนราษฎรและสภาวุฒิสภา ประธานรัฐสภามาจากมติเสียงข้างมากของสภาผู้แทนราษฎร จะเป็นอื่นไม่ได้นอกจาก ส.ส. ที่พรรคเสียงข้างมากเสนอชื่อมาด้วยความเหมาะสมในคุณวุฒิและวัยวุฒิ เป็นที่ยอมรับของมวลสมาชิกรัฐสภา..รัฐบาลจะต้องมีสูตรเดียวคือรัฐบาลเสียงข้างมากมีเสถียรภาพ ไม่ใช้การเลือกนายกรัฐมนตรีเฉพาะกาลแบ่งเค้ก จะต้องเป็นรัฐบาลที่ทำความตกลงร่วมกัน เป็นสัญญาประชาคมที่ประกาศให้ประชาชนทั่วประเทศ ในการรวมอุดมการณ์เดียวกัน ปราศจากผลประโยชน์ของพรรค หรือคณะผู้บริหารประเทศ..ที่จะเป็นข้ออ้างให้อำนาจ รัฏฐาธิปัตย์ อื่นเข้ามายึดอำนาจอีก ไม่ว่าจะมีอำนาจนอกระบบรัฐสภาจะเข้ามาเป็นปัจจัยสกัดกั้นการจัดตั้งรัฐบาลรูปแบบใด ประชาชนเจ้าของประเทศจะติดตามเป็นผนังทองแดงกำแพงเหล็กให้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ด้วยความบริสุทธิ์ และพลังศรัทธาของประชาชนอย่างแน่นอน
————————————

สนามการเมืองอีสานตอนบน เป็นไปตามเจตนารมณ์ของคนอีสาน ต้องการความเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี ด้วยนโยบายพรรคที่ถูกใจ เลือกคนที่จริงใจกินสุกกินดิบกับประชาชนและมีผลงานอย่างแท้จริง…จ.กาฬสินธุ์ เขต 1 วิรัช พิมพะนิตย์ “เพื่อไทย” ได้เป็น ส.ส.หมู สมใจปรารถนาที่รอคอยมากว่า 20 ปี คะแนนพุ่งทำสถิติแบบไม่มีใครทำได้มาก่อน 5.6 หมื่น ทิ้งห่าง ชวลิต กงเพชร จาก “ก้าวไกล” มากกว่า 3 หมื่นคะแนน ไร้ข้อกังขา มาด้วยแรงศรัทธาและผลงานบริสุทธ์โปร่งใส @ เขต 2 ส.ส. ใหม่ดาวรุ่งมีทีเด็ด พลากร พิมพะนิตย์ (บอล) เป็นไปตามโพล ก่อนได้เบอร์ด้วยกระแสเปลี่ยนคนใหม่ บวกกระแสพรรค “เพื่อไทย” ชนะ วันเพ็ญ เศรษฐรักษา “นางโรงทาน” จาก “ทสท.” ที่คุณหญิงสุดารัตน์ หมายมั่นปั้นมือ แบบคะแนนทิ้งห่างเกือบ 3 หมื่นคะแนน แบบแผ่วปลายจุดกระแสไม่ขึ้น

เขต 3 ราศีดีเป็นว่าที่ ส.ส. มาก่อนได้เบอร์ จำลอง ภูนวนทา “พปชร.” ได้คะแนนสงสารและแม่ยกเทคะแนนให้ชนะแบบขาดลอยเอาชนะ ยรรยงค์รัตน์ ไชยศิวามงคล “เพื่อไทย” ที่เปลี่ยนม้ากลางศึก หลังพึ่งกระแสแลนด์สไลด์ ที่สะดุดด้วยกระสุนด้าน เจอทีเด็ดของ “ลุงป้อม” ปักธง ในเขต 3 ได้อย่างล้างตาได้สำเร็จ @ เขต 4 ..หักปากกาเซียนด้วยคอนเนกชั่นผลงานทุกรูปแบบ มียุทธศาสตร์การเมืองเหนือกว่าคู่ชิงระดับช้าง .. “เม” ประภา เฮงไพบูรณ์ นักการเมืองสาวใจเด็ด มีทีมงานแข็งแกร่ง เดินเกมเหนือชั้นมาตั้งแต่เริ่มสตาร์ต ในขณะที่ พีระเพชร ศิริกุล “เพื่อไทย” นั่งเก้าอี้ ส.ส. มา 4 สมัย หวังพึ่งกระแสแลนด์สไลด์ ที่ดันไปโผล่ที่ผู้สมัครของ “ก้าวไกล” ที่มาแรงดึงคะแนนไปกว่า 2 หมื่น .. เกิดรายการล้มช้างแบบประมาทคู่ชิงคู่เทียบไปอย่างเจ็บใจ

เขต 5 คู่คี่สูสีกันมาตลอดของสองตระกูลใหญ่ “ศรีธเรศ” กับ “วรามิตร” ตั้งแต่ออกสตาร์ตมา โด่ง-ชานุวัฒน์ วรามิตร “พปชร.” มาแรงด้วยลูกสงสารจากสอบตกนายก อบจ.กาฬสินธุ์ มาไม่กี่เดือน ในขณะที่ ตั้ม-ทินพล ศรีธเรศ ผู้สมัครหน้าใหม่ “เพื่อไทย” ที่ บุญรื่น ศรีธเรศ อดีต ส.ส.เขต 1 เปลี่ยนฐานเสียงมาให้ลูกชายลงแทน เจอศึกหนักหลายด่าน ทั้งกระแสคนเสื้อแดงที่ถูกดึงไป กระแส “ศรีธเรศ” แย่งคะแนนกันเองกับ นิพนธ์ ศรีธเรศ แต่สุดท้ายปิดป้ายจบเกมด้วยความเก๋าและความเฮง @ เขต 6 “กำนันหิต” ประเสริฐ บุญเรือง ผู้สมัครระดับ 3A มาด้วยกระแสและความนิยม ชนะขาดแบบไร้คู่แข่ง ครองใจพี่น้องประชาชนเต็มพื้นที่

จ.หนองบัวลำภู…เป็นไปตามโพลแลนด์สไลด์ ไชยยา พรหมา อดีต ส.ส. 8 สมัย เขต 2 ประธานโซนอีสานตอนบน 8 จังหวัด “เพื่อไทย” อีสานตอบบน รักษาแชมป์ได้อย่างสง่างามเหนือชั้น รอบนี้ยังจูงมือ สยาม หัตถสงเคราะห์ เขต 1 และ ณพล เชยคำแหง เขต 3 “เพื่อไทย” เข้าสภาแบบสบายๆ ลบคำสบประมาทกับคนที่ไม่เข้าใจการเมืองอย่างถ่องแท้ คะแนนที่เทให้ถือเป็นสัญญาณประชาคมว่า ชาวหนองบัวต้องการคนใจถึงพึ่งได้..รอบนี้หวังว่า “เพื่อไทย” จะให้โอกาสโชว์ฝีมือในตำแหน่งเจ้ากระทรวงใหญ่ จะได้สานฝันตอบแทนทุกคะแนนเสียงของประชาชนชาวหนองบัวลำภู และอีสานตอนบนได้อย่างเต็มที่
————————————–

อนุโมทนาบุญ…สมาคมกู้ภัยศรีสัตตนครพนม เข้าพบ นพ.ธนสิทธิ์ ไพรพงษ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลนครพนม เพื่อทำบันทึกข้อตกลงและหาแนวทางในการจัดการศพทารกและชิ้นส่วนจากการรักษาพยาบาล พร้อมทั้งการจัดการศพยากไร้ เพื่อเป็นไปในแนวทางเดียวกันในการฌาปนกิจ เบื้องต้นทางสมาคมยินดีให้การอนุเคราะห์กับโรงพยาบาลนครพนม ในการฌาปนกิจศพเด็กและชิ้นส่วนจากการรักษาพยาบาล เพื่อลดปัญหาตู้แช่หรือตู้จัดเก็บศพโรงพยาบาลเต็ม ที่ห้องประชุม รพ.นครพนม

พัฒนาวิชาการ…รศ.นพ.ภัทรพงษ์ มกรเวส ผู้อำนวยการศูนย์หัวใจสิริกิติ์ฯ ร่วมบรรยายในหัวข้อการป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือด Cardiovascular disease prevention: A regional perspective ในการการประชุมวิชาการ : NETHS and Q-Bex 2023 ที่จัดขึ้นในรูปแบบออนไลน์ ณ โรงแรมพูลแมน ราชาออร์คิด จ.ขอนแก่น โดยมีบุคลากรทางการแพทย์จากหลายสหสาขาวิชาชีพ กว่า 6,700 คน ลงทะเบียนร่วมการประชุมวิชาการในปีนี้ ยังมี นพ.พงษ์ศักดิ์ อินทรเพชร รองผู้อำนวยการศูนย์หัวใจสิริกิติ์ฯ และ รศ.พญ.แพรว โคตรุฉิน จากคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ดำเนินรายการและเป็นวิทยากร ร่วมกับผู้เชี่ยวชาญด้านโรคความดันโลหิตสูงจากทั่วประเทศ เพื่อร่วมแลกเปลี่ยนวิชาการกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ที่จะมาอัปเดตข้อมูลทางวิชาการสมัยใหม่ในการดูแลรักษาโรคความดันโลหิตสูง

กาชาดมอบทุน…วราภรณ์ เสริมภักดีกุล นายกเหล่ากาชาดจังหวัดเลย/ประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดเลย มอบหมายให้ นางกัญญาพัชร โพธิ์ชัย ภริยานายอำเภอปากชม/คณะทำงานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดเลย ร่วมพิธีมอบทุนอุปการะเด็กกองทุนพัฒนาเด็กชนบท ในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ซึ่งมีเด็กที่ผ่านการพิจารณา จำนวน 8 ราย ณ ห้องประชุมนาคาบริบาล ที่ว่าการอำเภอปากชม อ.ปากชม จ.เลย

บ้านเล็กในป่าใหญ่…พ.อ.โกสินภทรณ์ ฒโสหาญ หัวหน้ากองกิจการพลเรือน มทบ.28 เลย หัวหน้าชุดปฏิบัติการโครงการบ้านเล็กในป่าใหญ่ ผานาง-ผาเกิ้ง พร้อมคณะ เดินทางไปตรวจเยี่ยมการดำเนินงานโครงการบ้านเล็กในป่าใหญ่ ผานาง-ผาเกิ้ง อันเนื่องมาจากพระราชดำริในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ บ้านผานาง ต.ผาอินทร์แปลง อ.เอราวัณ จ.เลย เพื่อพบปะกำลังพลที่ปฏิบัติหน้าที่และสมาชิกของโครงการ

ทุกข์กลิ่นขี้หมู… ต้องขอบคุณทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่ลงพื้นที่ตรวจสอบและสั่งเร่งแก้ไขปัญหาให้เสร็จภายใน 2 เดือน (ลุยตรวจฟาร์มหมูพบกลิ่นเหม็นจริง สั่งปรับปรุงภายใน 2 เดือน) จากกรณีชาวบ้านทนไม่ไหวแล้ว กลิ่นเหม็นจากฟาร์มหมู 16 แห่ง ทำลายสุขภาพ ทำสุขภาพจิตเสื่อม ต้องกินข้าวในห้องนอน เพราะส่งผลให้เกิดมลพิษทางอากาศ ทำเสียสุขภาพจิต ที่บ้านถ้ำปลา หมู่ 3 และ หมู่ 11 ต.สหัสขันธ์ อ.สหัสขันธ์ จ.กาฬสินธุ์ … 5 เดือนที่แล้ว เคยร้องทุกข์ไปยังศูนย์ดำรงธรรมอำเภอ พร้อมบอกผู้บริหารท้องถิ่น ว่ามีนายทุนมาส่งเสริมทำฟาร์มเลี้ยงหมู แต่ไม่ควบคุมรักษาสภาพอากาศจนเกิดผลกระทบรุนแรงด้านมลพิษทางอากาศตลอด 24 ชั่วโมง .. กระทั่งล่าสุดทนไม่ไหว ตัวแทนชาวบ้านได้เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับฟาร์มหมู แต่ก็เหมือนยังไม่มีใครสนใจเท่าที่ควร..จนต้องหันมาพึ่งพาสื่อมวลชน จนนำมาซึ่งการลงพื้นที่ของคณะเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง …บรรทัดนี้จึงอยากฝากไว้สักนิด ผู้มีอำนาจและผู้เกี่ยวข้อง หากรู้ปัญหาแต่ไม่เร่งเข้ามาแก้ไขจัดการ ชาวบ้านตาดำๆ ที่เดือดร้อนจะไปพึ่งพาใคร อย่าถึงขนาดต้องปล่อยให้ชาวบ้านทนไม่ไหว ย้ายครอบครัวหนีนายทุนเลี้ยงหมูเลย ..ขอบคุณครับ
คำคม : ทุกคนมีคุณค่า แต่มีโอกาสแสดงคุณค่าไม่เท่ากัน
#เสี่ยวหลงเปา ศูนย์ข่าวภาคอีสานตอนบน