หากพูดถึงการเดินทางกันแล้ว โดยเฉพาะในพื้นที่ตัวเมืองใหญ่ หรือในพื้นที่กรุงเทพฯ เอง หลายๆ คนคงจะนึกถึงภาพการจราจรที่ติดขัด รถที่หยุดนิ่งอยู่กลางถนนกันไม่ใช่น้อยใช่ไหมละคะ? แต่เมื่อพูดถึงการเดินทางไปรักษาพยาบาลในวินาทีชีวิตของรถพยาบาลนั้น ก็คงจะล่าช้ากันไม่ใช่น้อย และอาจส่งผลต่อความรุนแรงของโรคได้

แต่เคยสงสัยกันไหมคะ ว่าในเมื่อการจราจรที่ติดขัดก็อาจจะเป็นอุปสรรค แต่เมื่อความรุนแรงของสถานการณ์ความเจ็บป่วยก็ดูท่าจะรอไม่ได้ แล้วแบบนี้ “เมื่อไหร่ที่เราควรจะเรียกรถพยาบาล” กันนะ? วันนี้ Healthy Clean มีคำตอบมาฝากกันค่ะ

โดย พญ.ทานตะวัน จอมขวัญใจ แพทย์เฉพาะทางเวชศาสตร์ฉุกเฉิน ศูนย์บริการผู้ป่วยฉุกเฉินและอุบัติเหตุ (Emergency Room) โรงพยาบาลนวเวช ได้อธิบายความรู้ความเข้าใจเกี่ยวอาการป่วยแบบไหน ลักษณะใด ที่ทุกท่านควรจะต้องเรียกรถพยาบาล เพื่อจะได้ทำการรักษาได้อย่างทันท่วงทีมาฝากกัน

สำหรับ “รถพยาบาล หรือ Ambulance” เป็นรถที่ออกแบบมาเพื่อการดูแลผู้ป่วย โดยมีระดับของรถพยาบาลอยู่ 3 ระดับ คือ
– ระดับทั่วไป: การรับผู้ป่วยออกมาจากที่เกิดเหตุมาส่งที่โรงพยาบาล สามารถปฐมพยาบาลเบื้องต้นสำหรับผู้ที่บาดเจ็บเล็กน้อยได้ อุปกรณ์ในรถพยาบาลจะมีเปลขนย้ายที่สามารถยึดติดกับรถพยาบาลได้ และอุปกรณ์ช่วยชีวิตขั้นพื้นฐาน เช่น กระเป๋าชุดปฐมพยาบาล เป็นต้น
– ระดับเบสิก: มีลักษณะพิเศษเพิ่มขึ้นมา สามารถช่วยเหลือผู้ป่วยเบื้องต้นในภาวะไม่รุนแรง ไม่คุกคามต่อชีวิต อุปกรณ์ในรถพยาบาลประกอบด้วย อุปกรณ์ช่วยชีวิต ออกซิเจน อุปกรณ์ให้ออกซิเจน อุปกรณ์การขนย้ายลำเลียง กระเป๋าชุดปฐมพยาบาล
– ระดับ Advanced :  รถพยาบาลจะมีความเฉพาะทางมากยิ่งขึ้น ประกอบด้วยทีมงานที่ผ่านการฝึกอบรมมาอย่างดี และรถพยาบาลที่มีความพร้อมมากขึ้น ในรถพยาบาลจะมีอุปกรณ์ช่วยชีวิตขั้นสูง เช่น สามารถใส่ท่อช่วยหายใจได้ในกรณีที่พบผู้ป่วยไม่หายใจ สามารถปั๊มหัวใจได้หรือให้ยาช่วยชีวิตในเบื้องต้น มักจะมีทีมแพทย์เฉพาะทางและพยาบาลที่มีความชำนาญการไปกับรถพยาบาลด้วย ดังนั้นอัตราการเสียชีวิตของผู้ป่วยก็จะลดลง
ซึ่งการประเมินการใช้รถพยาบาลขึ้นกับหลายปัจจัย เช่น อาการของผู้ป่วย ระยะเวลาเข้าถึงในการช่วยเหลือผู้ป่วย เป็นต้น

แล้ว “เมื่อไรที่คุณควรเรียกรถพยาบาลกันล่ะ?” เนื่องจากความต้องการทางการแพทย์ในภาวะฉุกเฉินเกิดขึ้นได้ทุกที่ ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่บ้าน หรืออยู่นอกบ้าน อย่างไรก็ตาม หากคุณเกิดข้อสงสัยว่าควรเรียกรถพยาบาลเมื่อไหร่ คำถามนี้เรามีคำตอบที่สามารถช่วยเป็นแนวทางให้คุณได้ดังนี้
– ผู้ป่วยกำลังอยู่ในภาวะที่คุกคามต่อชีวิตหรือไม่? เช่น มีอาการเจ็บหน้าอกรุนแรง อาการของผู้ป่วยอาจแย่ลงกว่านี้ และอาจคุกคามต่อชีวิตขณะกำลังเดินทางไปยังโรงพยาบาลหรือไม่? เช่น มีอาการหายใจผิดปกติเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว หน้าเขียว
– การเคลื่อนย้ายผู้ป่วยอาจทำให้ผู้ป่วยมีอาการบาดเจ็บยิ่งขึ้นหรือไม่? เช่น มีประวัติตกจากที่สูง แขนขาผิดรูป
– จำเป็นต้องใช้ทักษะของบุคลากรทางการแพทย์และเครื่องมือทางการแพทย์ในสถานการณ์นี้หรือไม่
– ระยะทางและการจราจรอาจทำให้เกิดความล่าช้าจนเป็นอันตรายต่อผู้ป่วยหรือไม่?
ถ้าคุณตอบว่า “ใช่” ในข้อใดข้อหนึ่งหรือคุณไม่แน่ใจ โปรดเรียกรถพยาบาลฉุกเฉินทันทีที่หมายเลขโทรศัพท์ 1669

EMS Paramedics Provide Medical Help to an Injured Patient on the Way to a Healthcare Hospital. Emergency Care Assistants Putting On Non-Invasive Ventilation Mask in an Ambulance.

สิ่งที่ควรรู้ก่อนโทรฯ เรียกรถพยาบาล
เนื่องจากการออกไปรับผู้ป่วย ทางทีมแพทย์และพยาบาล ต้องมีการเตรียมความพร้อมก่อนออกไปรับ เพื่อให้การดูแลผู้ป่วยสามารถทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ ข้อมูลที่ควรรู้ก่อนเรียกรถพยาบาล คือ
1. ต้องให้ข้อมูลว่าเกิดอะไรขึ้น มีผู้ป่วยหรือผู้บาดเจ็บในลักษณะใด อาการเป็นอย่างไร
2. บอกสถานที่เกิดเหตุและเส้นทางให้ชัดเจน
3. บอกชื่อ เพศ และอายุของผู้ป่วยได้
4. บอกระดับความรู้สึกตัวของผู้ป่วยได้
5. บอกความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น เช่น เหตุเกิดบนท้องถนน หรือ สถานที่มีก๊าซพิษ
6. บอกชื่อผู้แจ้ง และเบอร์โทรศัพท์ที่สามารถติดต่อได้

ทั้งนี้ “หลังแจ้งเหตุ” จะได้รับคำแนะนำเบื้องต้นจากเจ้าหน้าที่โรงพยาบาล ผู้แจ้งเหตุควรทำการดูแลผู้ป่วยตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่โรงพยาบาล และรอทีมจากรถพยาบาลไปดูแลเพิ่มเติมต่อไป เพราะทุกวินาทีมีค่าเท่ากับชีวิต..