เพราะการแพร่ระบาดของ”โควิด-19″ ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาทำให้โรงภาพยนตร์ต้องปิดการให้บริการ ซึ่งแน่นอนว่าภาพยนตร์ทำเงินจากหลายค่ายเป็นอันต้องเลื่อนฉายออกไปแบบไม่รู้กำหนด จนหนึ่งในหนังดังแห่งปีอย่าง “Cruella” หรือ “ครูเอลล่า” ถูกจับมาลงสตรีมมิ่งใน “ดิสนีย์พลัส ฮอตสตาร์” เพื่อให้แฟนคลับหนังดังได้ยลกันเต็มที่ โดยเฉพาะบทบาทที่เชือดเฉือนกันของสองนักแสดง เจ้าของรางวัลออสการ์ “เอมมา สโตน” และ “เอมมา ธอมป์สัน” ที่งานนี้ไม่มีใครยอมใคร

สำหรับ “ครูเอลล่า” เป็นตัวละครในภาพยนตร์ แอนิเมชั่น ‘101 Dalmatians’ ที่ออกฉายตั้งแต่ปี 1961ก่อนจะดัดแปลงทำเป็นภาพยนตร์ไลฟ์แอ๊คชั่น 101 Dalmatians (1996) หรือ “101 ไอ้จุดมหาสนุก” นำแสดงโดย “เกลนน์ โคลส” พล็อตเรื่องจะเป็นแนวดราม่าสัตว์เลี้ยงตลกขบขัน เมื่อเจ้าแม่แฟชั่นชั้นนำต้องการเอาสุนัขดาเมเชี่ยนไปทำเสื้อขนสัตว์ลายจุดสุดหรูหรา จนทำให้เกิดเรื่องวุ่นวายป่วนเมือง ซึ่งท้ายที่สุดแผนการของ “ครูเอลล่า” ก็พังไม่เป็นท่า เพราะมีทั้งคนรักน้องหมา และตัวน้องหมาเองที่พยายามขัดขวางไม่ให้เจ้าแม่แฟชั่นทำอะไรแผลงๆ ได้อีก

แม้ภาพลักษณ์ของ “ครูเอลล่า” จะดูเป็นหญิงสาวใหญ่วัยกลางคนที่มีท่าทางเย่อหยิ่ง ทะนงตน และหัวสูง แต่กลับแฝงไว้ด้วยความมุ่งมั่น ที่จะทำอะไรที่เป็นไปไม่ได้…ให้เป็นไปได้ ด้วยเหตุนี้เอง ค่ายดิสนีย์ จึงได้จบเอาความมุ่งมั่นแบบสุดโต่งของเจ้าแม่แฟชั่นมานำเป็นหนังใหม่ สร้างความเฉิดฉายอลังการเพื่อให้ผู้ชมรู้จักตัวตนจริง ๆ ของเธอ ก่อนที่จะกลายเป็นตัวร้ายในสายตาของใครๆ

เรื่องย่อ “Cruella”
ในยุค 70 ยุคทองของแฟนชั่น เอสเตลลา ที่มีการเปลี่ยนแปลงและความหลากหลาย “เอสเตลลา” (รับบทโดย เอ็มมา สโตน) หญิงสาวที่มีความมุ่งมั่นจะเป็นผู้นำทางด้านแฟชั่นตั้งแต่เด็ก ซึ่งนับเป็นความโชคดีของเธอหลังจากแม่ของเธอเสียชีวิต เธอได้อาศัยอยู่กับสองเพื่อนซี้หัวขโมยตัวพ่อ อย่าง แจสเปอร์ (รับบทโดย โจเอล ฟราย) และ ฮอร์เรซ (รับบทโดย พอล วอลเทอร์ เฮาเซอร์) จนกระทั่งมีโอกาสไปทำงานเป็น ดีไซเนอร์สังกัดของ “บารอนเนส ฟอน เฮลแมน” (รับบทโดย เอ็มมา ธอมป์สัน) เจ้าแม่แฟชั่นชั้นนำแห่งยุค 70s ซึ่งภายหลังเธอสืบจนรู้ว่า "บารอนเนส" เป็นผู้อยู่เบื้องหลังการตายของแม่ของเธอ “เอสเตลลา” จึงไม่ขอเป็นสาวแว่นที่จะอดทนกับทุกเรื่องอีกต่อไป เธอเปลี่ยนบุคลิกภาพให้กลายเป็น “ครูเอลล่า” สาวผมสองสีปากร้าย เพื่อร่วมมือกับเพื่อนวางแผนจัดหนักจัดเต็มล้างแค้นทวงคืนได้อย่างเจ็บแสบ

จุดเด่นของ “Cruella”
การเอาดาราแม่เหล็กมา 2 คนมาเชือดเฉือนบทบาทกันนั้น เป็นอะไรที่น่าดูที่สุด แล้วก็ไม่ผิดหวังแต่อย่างใด “เอ็มมา สโตน” สามารถถ่ายทอดความน่าสงสาร จากการถูกกดดัน ดูถูกเหยียดหยามต่าง ๆในบทของ “เอสเตลลา” สาวผู้ใจดี ขณะเดียวกันเมื่อเธอต้องเล่นบทร้ายแบบร้ายสุด ๆ อย่าง “ครูเอลล่า” ก็เล่นเอาเพื่อนใกล้ตัวยังกลัว เช่นเดียวกับบทบาทของ “เอ็มมา ธอมป์สัน” ที่ต้องโชว์ความเป็นเจ้าแม่ที่สูงสง่า เอาแต่ใจตนเอง และไม่มีวันโทษตัวเอง แต่กลับแฝงความร้ายลึกในสายตาเสมอ 2 สาว 2 ความร้ายกาจ ใครจะร้ายที่สุด คงต้องไปหาคำตอบในเรื่องเท่านั้น

ในส่วนของงานโปรดักชั่น ขึ้นชื่อว่า “ดิสนีย์” คงการรันตีงานภาพต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดีอยู่แล้ว บรรยากาศของลอนดอนในยุค 70s เพลงดังในยุค 70s และ 80s อย่างเช่น เพลง Come Together-Ike & Tina Turner, เพลง Stone Cold Crazy-Queen, เพลง Whisper, Whisper-Bee Gees และเพลงดังอื่น ๆ ก็ถูกนำมาใช้ประกอบภาพยนตร์เรื่องนี้ได้อย่างลงตัว และที่สำคัญที่สุดคืองาน แฟชั่นดีไซน์ ที่เนรมิตการโชว์ องค์รวมของเสื้อผ้าในปี 70s ที่จะสร้างความเฉิดฉาย กลายเป็นหนังโชว์แฟชั่นได้อย่างสะใจ

จุดอ่อนของ “Cruella”
แทบจะหาจุดอ่อนไม่เจอ เพราะหนังมีซีนดราม่าชีวิตติดลบซะเยอะ การโชว์ตลกร้ายแบบจิกกัดสังคมก็ยังทำออกมาได้ดี องค์รวมของหนังก็เป็นอะไรที่ล้ำลึก เพียงแต่บทของตัวนางเอกไปเน้นเรื่องสางแค้นเอาคืน จนลืมเรื่องความรักของคนหนุ่มสาว ซึ่งก็มีเพียงซีนเดียวเท่านั้น ที่ “ครูเอลล่า” เปิดเผยความในใจเรื่องนี้ อย่างไรก็ดี “ครูเอลล่า” ยังคงเป็นตัวแทนของผู้ที่มีความมุ่งมั่นตั้งใจทำในสิ่งที่ตัวเองใฝ่ฝัน แม้ว่ามันจะยากแค่ไหน ก็จะพยายามปีนป่ายไปให้ถึง ซึ่งความสำเร็จที่ได้มานั้น ไม่ได้เกิดขึ้นจากตัวเธอคนเดียวอย่างแน่นอน….

5/5 ถือเป็นหนังที่เด็กดูได้ผู้ใหญ่ดูดี ไร้พิษภัย และความน่ากลัว มีความตลกร้ายและเฮฮาหลายๆ ซีน พร้อมกับบทเรียนสอนใจเกี่ยวกับมิตรภาพของเพื่อนอีกด้วย