ขณะที่การแพร่ระบาดของไวรัสสายพันธุ์เดลตา ทำให้ตัวเลขการติดเชื้อรายวันพุ่งสูงขึ้น ส่วนหนึ่งอาจจะมาจากการฉีดวัคซีนในประเทศที่พบว่า มี 24% แล้วของประชากรทั้งประเทศ ที่ได้รับวัคซีนครบสองเข็ม

ทั้งนี้ รัสเซียพบการติดเชื้อรายวันราว 20,000 ราย ในช่วงเดือนก.ค. และส.ค.ที่ผ่านมา นอกจากนั้น รายงานของกระทรวงสาธารณสุขยังพบอีกว่า กว่า 98% ของผู้ป่วยโรคโควิด-19 ที่เข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลนั้น ยังไม่ได้รับวัคซีนแม้แต่เข็มเดียว ส่วนการเสียชีวิตในเดือนส.ค. ก็เพิ่มขึ้นในราววันละ 800 ศพ เป็นสถิติ

ในรายงานวิจัยเรื่องสังคมรัสเซียของผู้เขียน พบว่า ชาวรัสเซียยังไม่มีความเชื่อมั่ยในเรื่องวัคซีนว่าปลอดภัย สถานการณ์การแพร่ระบาดยิ่งเลวร้าย กระทบต่อระบบสาธารณสุข เตียงรักษาผู้ป่วยติดเชื้อโควิดในโรงพยาบาลกลับมาเต็มอีกครั้ง กระทบต่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจ ยิ่งคนรัสเซียไม่เชื่อถือในหน่วยงานองค์กร ก็จะยิ่งขัดขวางความพยายามของภาครัฐ ที่จะก้าวผ่านการแพร่ระบาดไปให้ได้

ความไม่เชื่อมั่นในวัคซีน ทำให้เกิดความเคลือบแคลงสงสัยไปทั่ว แม้ทางการพยายามรณรงค์ส่งเสริมให้มีการฉีดวัคซีน จนได้รับความสนใจในระดับหนึ่ง

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซียได้ออกรายการโทรทัศน์ประจำปี “ไดเร็ค ไลน์” เมื่อเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา บอกว่า ตัวเขาเองก็ได้รับวัคซีนสปุตนิก วี หนึ่งในสี่ของวัคซีนที่มีให้บริการในประเทศ (วัคซีนชนิดอื่นคือ อีพิแวคโคโรนา, โควิแวค และสปุตนิก ไลท์ วัคซีนเข็มเดียว) ซึ่งประธานาธิบดีปูตินได้กล่าวย้ำว่า วัคซีนทุกชนิดปลอดภัย

รัฐบาลมอสโกสนับสนุนการสร้างภูมิคุ้มกันในกลุ่มชาวรัสเซีย จึงจัดการออกล็อตเตอรี่โดยจะให้รางวัลมูลค่า 1,350 ดอลลาร์สหรัฐ ให้กับผู้โชคดี 1,000 ราย แต่จะไม่บังคับให้ต้องฉีดวัคซีนทั่วประเทศ นอกจากนั้น ประธานาธิบดีปูตินยังสั่งให้มีช่วงเวลาที่ไม่ต้องทำงาน คือ คนไม่จำเป็นต้องทำงาน เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวเลขการติดเชื้อเพิ่มขึ้น แม้ว่าจะเคยใช้มาตรการเข้มงวดกับรัฐบาลท้องถิ่น 85 เขตทั่วประเทศ ซึ่งก็พยายามอย่างหนักให้มีการฉีดวัคซีน

DW News

เซอร์เก ซอบยานิน นายกเทศมนตรีกรุงมอสโก บอกว่า มอสโกแจกรถยนต์สัปดาห์ละ 5 คัน สำหรับผู้อยู่อาศัยที่ได้รับวัคซีนแล้ว และยังสั่งติดระบบคิวอาร์-โค้ด เพื่อตรวจและไม่ให้คนที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีน เข้าไปใช้บริการร้านอาหารในร่มหรือตัวอาคาร รวมถึงในบาร์ด้วย แต่ข้อกำหนดดังกล่าวถูกยกเลิกไป เพราะขัดข้องทางเทคนิค แล้วก็ไม่ได้รับความร่วมมือจากเจ้าของธุรกิจ และลูกค้าก็ไม่ชอบเช่นกัน

รัฐบาลระดับภูมิภาคส่วนใหญ่บังคับให้มีการฉีดวัคซีน สำหรับผู้อยู่ในส่วนของภาคบริการ การค้า สุขอนามัย และการขนส่ง โดยจะลงโทษหนักกับนายจ้าง หากไม่สามารถทำให้ลูกจ้างได้รับวัคซีนอย่างน้อย 60%

ตัวเลขการติดเชื่อในประเทศล่าสุดแสดงตัวเลขเพิ่มขึ้น ทำให้รัสเซียยังอยู่อีกห่างไกล ที่จะกลับมาใช้ชีวิตได้เยี่ยงปกติอีกครั้ง ซึ่งเมื่อเร็วๆนี้รัฐบาลเครมลินก็ยอมรับว่า ไม่สามารถเข้าถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้ คือการฉีดวัคซีนให้กับประชาชนได้อย่างน้อย 60% ภายในฤดูใบไม้ร่วงปีนี้

แม้มีหลักฐานยืนยันได้ถึงประเทศสิทธิผลของวัคซีนสปุตนิก วี สองเข็ม แต่รัสเซียก็ติดอันดับ ประเทศที่พบการเพิกเฉยต่อการฉีดวัคซีนมากที่สุด โดยผลสำรวจล่าสุดพบว่า 54% ของคนรัสเซียบอกว่า จะไม่ไปฉีดวัคซีน ซึ่งเป็นระดับการเพิกเฉยที่แทบจะไม่แตกต่างจากปีที่แล้วเลย คนไม่ฉีดวัคซีนส่วนใหญ่ยืนยันว่า ไม่ว่าจะยังไงก็จะไม่ฉีด แม้มีข้อพิสูจน์ออกมาว่าไม่มีผลข้างเคียงใด ๆ

ภาครัฐเองก็พยายามที่จะแก้ไขปัญหา จากการระบาดใหญ่และเศรษฐกิจซบเซา ซึ่งพบว่ามีมากขึ้น ท้าทายภาครัฐโดยไม่ต้องพูดถึงความเชื่อถือในองค์กรเลย แต่ถ้าสร้างความเชื่อถือในระบบสาธารณสุขได้ ก็จะส่งผลให้คนกลับมาใช้บริการสาธารณสุขและปฏิบัติตามมาตรการต่าง ๆ ซึ่งจำเป็นอย่างยิ่งต่อการบริหารจัดการโควิดและป้องกัน

เลนซ์ซูม

เครดิตภาพ : REUTERS