19 ก.ย. 64 ครบรอบ 15 ปี การทำรัฐประหารปี 49 โดย พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ. ขณะนั้น ก่อการรัฐประหารยึดอำนาจจากรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร และฉีกรัฐธรรมนูญ (รธน.) ปี 40 ที่ว่ากันว่าเป็น รธน.ดีที่สุดในประเทศไทย

พล.อ.สนธิทำรัฐประหารด้วยแรงส่งของม็อบพันธมิตรฯหรือ “ม็อบมีเส้น” แต่ได้เป็นแค่รองนายกรัฐมนตรีในรัฐบาลขิงแก่อยู่ได้ปีเดียว ก็ปล่อยให้มีการเลือกตั้งด้วย รธน. ปี 50 ซึ่ง พล.อ.สนธิเล่นการเมืองเป็นหัวหน้าพรรคมาตุภูมิ ลงเลือกตั้งเดือน ก.ค.54 พรรคมาตุภูมิได้ ส.ส. เข้ามา 2 คน ต้องเป็นฝ่ายค้านในรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร

ต่อมาปี 61 พรรคมาตุภูมิถูกยุบเนื่องจากไร้ผู้สนับสนุน พล.อ.สนธิ จึงนำสมาชิกที่เหลือไปซบพรรคชาติไทยพัฒนา ก่อนที่ชื่อเสียงของหัวหน้าคณะรัฐประหารเมื่อ 19 ก.ย. 49 จะค่อย ๆ เงียบหายไปกับสายลมและแสงแดด

จนกระทั่งวันที่ 22 พ.ค. 57 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ในขณะนั้น เข้ามาทำรัฐประหารตามแรงส่งของ “ม็อบนกหวีด” ที่ไปขัดขวางการเลือกตั้งวันที่ 2 ก.พ. 57 ทั้งที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ประกาศยุบสภาตั้งแต่วันที่ 9 ธ.ค. 56

ม็อบนกหวีดไม่เอาเลือกตั้ง แต่จะขอ “ปฏิรูปการเมือง” ก่อน! สุดท้ายได้ พล.อ.ประยุทธ์เข้ามาแตะมือทำรัฐประหารฉีกรธน.ปี 50 โดยบอกว่ารัฐประหารครั้งนี้จะไม่ให้ “เสียของ” แถมยังคุยด้วยว่า “บริหารประเทศไม่เห็นยากตรงไหน”

รธน.ปี 60 ซึ่งเป็นมรดกของ พล.อ.ประยุทธ์ใช้คนร่างฯ 2 คน กว่าจะผ่าน เพื่อให้อำนาจ คสช. ตั้ง ส.ว. 250 คนมาโหวตเลือก พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ โดยมีคู่เขยและน้องชายของพล.อ.ประยุทธ์ ได้เป็น ส.ว. ด้วย

รธน.ปี 60 “ดีไซน์มาเพื่อพวกเรา” มีทั้งการแก้ไขแบ่งเขตเลือกตั้ง 2-3 ครั้ง มีบัตรเขย่ง มี ส.ส.ปัดเศษ ได้ ส.ส. 1,700 ต้องอุ้มพรรคเล็ก พรรคน้อยเข้าร่วมรัฐบาลเกือบ 20 พรรค สมใจอยากม็อบนกหวีดที่ต้องการ “ปฏิรูปการเมือง” ฉุดประเทศถอยหลังเข้าคลอง จนถึงปัจจุบันได้รับการพิสูจน์แล้วว่า “ไม่เสียของ”จริง ๆ เนื่องจากคนจำนวนมาก “ตาสว่าง”

หลังจากเห็นผลงานบริหารประเทศของ พล.อ.ประยุทธ์ สร้างหนี้ไว้หลายล้าน ๆ บาท แต่มีคนจนมากขึ้น ยิ่งมาเจอโควิด-19 ระบาด ผู้คนยิ่ง “ตาสว่าง” เมื่อเห็นการบริหารจัดการล้มเหลวเรื่องวัคซีน ทำให้คนป่วยนอนรอเตียง รอตายที่บ้าน บ้างก็ไปตายบนถนน รอคิวเผา ส่วนใครที่ยังไม่ตายก็ไปนั่งรอแจกข้าว รอบัตรคนจน!

บริหารประเทศไม่เห็นยากตรงไหน! แต่ประเทศเพื่อนบ้านได้สนามบินใหม่ มีนิคมอุตสาหกรรมใหม่ ๆ โดยเฉพาะ สปป.ลาว จะเปิดวิ่งรถไฟความเร็วปานกลาง 160 กม./ชม. เส้นทางเวียงจันทน์-หลวงพระบาง-คุนหมิง (จีน) วันที่ 2 ธ.ค.นี้

หันมาดูไทยเรา รัฐบาลเลือกตั้งขอกู้ 2.2 ล้านล้านบาทในปี 56 ทำเมกะโปรเจคท์หลายสิบโครงการ รวมรถไฟความเร็วสูง 4 เส้นทาง โดยมีหลายประเทศสนใจ แต่ถูกคนกลุ่มหนึ่งคัดค้านหัวชนฝา อ้างว่ากลัวใช้หนี้ยันชั่วลูกชั่วหลาน

แต่ทนทานอยู่กับ พล.อ.ประยุทธ์มา 7 ปี จนหนี้สาธารณะพุ่งเกือบ 9 ล้านล้านบาท และยังต้องกู้อีกต่อไปเรื่อย ๆ ดังนั้นช่วงเวลา 7 ปี จึง “แก้ผ้า” คนทำรัฐประหารอย่างล่อนจ้อน! ว่าทำงานได้เรื่องแค่การซื้อรถถัง เครื่องบิน เรือดำน้ำ!

แต่ทำงานอื่นไม่ได้เรื่อง! เปรียบเทียบกับ สปป.ลาวทำรถไฟไปคุนหมิง แต่รถไฟความเร็วสูงของ พล.อ.ประยุทธ์เสร็จแค่ 3.5 กม. แถว ๆ ปากช่อง จ.นครราชสีมา ล่าสุดญี่ปุ่นบริจาครถไฟอายุ 40 ปี 17 คัน แต่ไทยเสียค่าขน 42.5 ล้านบาท

เป็นรถไฟดีเซลรางที่ญี่ปุ่นใช้มาตั้งแต่ปี 24 ซึ่งตอนนั้น พล.อ.ประยุทธ์ อายุ 27 ปี คงมียศราว ๆ “ร้อยเอก” รับราชการจนเป็น “พลเอก” ทำรัฐประหารบริหารประเทศ 7 ปี คนไทยได้รถไฟความเร็วสูง 3.5 กม. ได้รถไฟซาเล้งอายุ 40 ปี อีก 17 คัน

15 ปี รัฐประหาร 2 ครั้ง คนไทยไม่ได้อะไรเลย! มีแต่เสียเวลา เสียโอกาส ได้สิ่งของต่าง ๆ แพงขึ้น แถมอับอายชาวโลก ดังนั้นจึงควรเข็ดหลาบ! อย่าไปหลงคารมใครง่าย ๆ เพื่อลากทหารเข้ามาบริหารประเทศอีก!!.

—————
พยัคฆ์น้อย