เดือน ม.ค.-ก.พ.นี้ มีแขกบ้านแขกเมืองเดินทางมาเยือนประเทศไทยแบบ “หัวกระไดไม่แห้ง” เพื่อหารือกับนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง นับตั้งแต่นายฟรังค์-วัลเทอร์ ชไตน์ไมเออร์ ประธานาธิบดีเยอรมนี เพื่อยกระดับความสัมพันธ์สู่การเป็นหุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์ และขยายความร่วมมือด้านต่าง ๆ

ทั้งการค้า การลงทุน สิ่งแวดล้อม ภาวะโลกร้อน พลังงานสะอาด อีวี ระบบราง เกษตรยั่งยืน การแก้ไขปัญหาฝุ่น PM2.5 นอกจากนี้นายเศรษฐายังขอให้ทางเยอรมนีสนับสนุนในการขอยกเว้น “เชงเกน วีซ่า” ของไทยด้วย

ตามมาด้วย นายจาคอบ เจ. ซัลลิแวน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐอเมริกา เข้าพบหารือกับนายเศรษฐา เพื่อกระชับความร่วมมือระหว่างกันในทุกมิติ นอกจากนี้นายจาคอบ เจ. ซัลลิแวน ยังได้ประชุมหารือกับนายหวังอี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของจีน ที่กรุงเทพฯ ด้วย

หลายคนอาจรู้สึกเฉย ๆ กับการพบกันระหว่างนายจาคอบ เจ. ซัลลิแวน กับนายหวังอี้ แต่สื่อต่างประเทศตีข่าวว่าสองประเทศมหาอำนาจเลือกไทยเป็นพื้นที่เจรจาความสัมพันธ์หลายด้าน ด้วยการเดินหน้าสื่อสารกันระหว่างเจ้าหน้าที่ระดับสูง เพื่อรักษาโมเมนตัมในความสัมพันธ์ หลังจากมีสัญญาณกระเตื้องขึ้น ภายหลังนายสี จิ้นผิง ผู้นำจีน และนายโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ ได้พบกันในที่ประชุมเอเปค ในนครซานฟรานซิสโก เมื่อปลายปี 66

ถัดมานายหวังอี้เข้าพบนายเศรษฐา และ นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกฯ และ รมว.การต่างประเทศ พร้อมกับลงนามความตกลง “ฟรี วีซ่า” สำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางธรรมดาหนังสือเดินทางกึ่งราชการ เริ่มตั้งแต่ 1 มี.. 67 เป็นต้นไป

การมาเยือนไทยของนายหวังอี้ นอกจากเรื่อง “ฟรี วีซ่า” ที่จะช่วยส่งเสริมเรื่องการท่องเที่ยว ยังมีการลงนามเพื่อส่งออกสินค้าเกษตรจากไทยไปจีนเพิ่มเติมด้วย เพราะจีนมีออร์เดอร์เรื่องวัว-ทุเรียน และสินค้าเกษตรอื่น ๆ มากขึ้น ที่สำคัญจีนยังสนใจโครงการแลนด์บริดจ์ และพร้อมร่วมมือในการเร่งก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงจีน-ลาว-ไทย ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว

นายชัย วัชรงค์ โฆษกรัฐบาล บอกว่าหลังจากการลงนามความตกลงยกเว้นการลงตราซึ่งกันและกันสำหรับนักท่องเที่ยวไทยจีน (ฟรี วีซ่า) จะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 มี.. 67 เป็นต้นไป ทำให้มีจำนวนนักท่องเที่ยวจีนค้นหาข้อมูลที่เกี่ยวกับประเทศไทยเพิ่มขึ้นถึง 7 เท่าจากปกติ ผ่านเว็บไซต์บริการท่องเที่ยวที่ใหญ่ที่สุดของจีน โดยระบุว่า 5 จุดหมายในไทยที่ถูกค้นหามากที่สุด ได้แก่ กรุงเทพฯ ภูเก็ต เชียงใหม่ เกาะสมุย และพัทยา

ขณะเดียวกันนักท่องเที่ยวไทยก็ค้นหาข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยวในจีนมากขึ้นเช่นเดียวกัน โดยเพิ่มขึ้นมากกว่า 4 เท่า เมื่อเทียบกับวันก่อนหน้า บนแพลตฟอร์มชื่อดัง

จากข้อมูลดังกล่าวสอดคล้องกับสถิติของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ระบุว่านักท่องเที่ยวชาวจีนที่เดินทางเข้าไทยเฉลี่ยกว่า 20,000 คน/วัน เป็นอันดับ 1 ของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าไทยในปี 67 นับตั้งแต่วันที่ 1-28 ม.ค.67 ประเทศไทยรับนักท่องเที่ยวชาวจีนแล้ว 444,702 คน และไทยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาเที่ยวแล้วกว่า 2,743,000 คน

ต่อมาคือวันที่ 7 .. 67 สมเด็จมหาบวรธิบดี ฮุน มาเนต นายกฯ กัมพูชา จะเดินทางมาเยือนไทยอย่างเป็นทางการ โดยมีประเด็นการหารือที่น่าติดตามหลายเรื่อง ทั้งการค้า การลงทุนตามแนวชายแดนการท่องเที่ยวปัญหา PM 2.5-ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และน่าสนใจมากที่สุดการเจรจาพัฒนาแหล่งพลังงานบริเวณพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลไทยกัมพูชา

ยังไม่หมดแค่นี้ เพราะเดือน ก.พ. 67 ยังมีมหาอำนาจจากตะวันออกกลาง คือ ซาอุดีอาระเบียจะมาเยือนไทยแบบเต็มคณะ เพื่อเจรจาความสัมพันธ์-การค้า-การลงทุน ในทุกมิติ

ความเคลื่อนไหวเหล่านี้ คือผลจากการเดินสายไปโน่นไปนี่ของ “เซลส์แมนเศรษฐา” ด้วยการวางกลยุทธ์ทางการทูตควบคู่ไปกับการค้า การลงทุน เพื่อดึง “เงินนอก” เข้ามา เห็นได้จากช่วง 2 เดือนของปี 67 ประเทศไทยหัวกระไดไม่แห้ง!!.