@เริ่มต้นที่”การเมืองภาพใหญ่” ของประเทศไทย ที่ วันนี้”รัฐบาลนิดหนึ่ง” ภายใต้การ”ขับเคลื่อน”โดย”เศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรี ที่แม้ว่า”คลื่นลม” ใน”พรรคร่วม” จะเป็นไปด้วยความ”สงบเรียบร้อย” เพราะ ทุกพรรคการเมืองต่าง”ตระหนัก” ดีว่าทุกพรรคยังไม่ต้องการ”ไม่พร้อม” ที่จะเห็น”การเมืองในพรรคร่วม” มีปัญหา และ”ทุกพรรค”ต่างพยายามที่จะ”หาคะแนนเสียง” ด้วยการ”ผลักดัน” โครงการที่”หาเสียง”ไว้กับ”ประชาชน” รวมทั้งอยู่ในห้วงเวลาของการ”สะสมเสบียงกรัง” เพื่อรับการ”เลือกตั้ง” ครั้งหน้าให้มากที่สุด เพราะไม่มีอะไรที่จะ”การันตี”ได้ว่า “รัฐบาล” จะอยู่คนเทอม 4 ปี แต่ ทุกพรรคต่าง”คาดหวัง” ที่จะเป็น”รัฐบาล” ให้อยู่แบบ”ครบเทอม” เพราะทุกพรรค”ไม่พร้อม” ที่จะ”เลือกตั้ง” หากรัฐบาลเกิด”อุบัติเหตุ” ที่ต้อง”ยุบสภา” หรือ”ลาออก” ดังนั้นจึงเป็น”โชคดี” ของ”เศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรี และของ”พรรคเพื่อไทย” ที่ไม่ต้อง”รับศึกภายใน” กับ”พรรคร่วมรัฐบาล” ทำให้มีเวลาในการ”รับมือ” กับ”พายุเศรษฐกิจ” ที่ยังโหมกระหน่ำ” มา”รอบทิศทาง” ปัญหา”เศรษฐกิจถดถอย” ที่ยังไม่เห็นผลจากการ”ขับเคลื่อน” ในหลายๆโครงการ เช่น”ฟรีวีซ่า” กับ ประเทศจีน และ ประเทศอื่นๆ เพื่อหวัง”ดึงเม็ดเงิน” จาก “นักท่องเที่ยว” เข้าประเทศ  ซึ่งยังไม่มี”ตัวเลข” ที่”ชี้ชัด” ว่าจะได้ผลหรือไม่ ในขณะที่ ผลกระทบจาก”สงคราม” รัสเซีย-ยูเครน ที่ทำให้ สินค้าหลายอย่าง “แพงขึ้น” เช่น “ปุ๋ยเคมี” ที่มีความจำเป็นสำหรับเกษตร และวันนี้ “สงครามในทะเลแดง” ที่ประทุขึ้น ระหว่าง”สหรัฐอเมริกากับพันธมิตร” กับ  กับกลุ่มติดอาวุธใน”เยเมน” และประเทศใน”ตะวันออกกลาง” ที่ทำให้”ค่าขนสิ่ง”สินค้าทางเรือแพงขึ้นตามราคา”ระวางเรือบรรทุกสินค้า” ที่ขยับขึ้น 5 เท่า เพื่อรองรับ”ความเสี่ยง” นั้นหมายความว่าสินค้าจำนวนมากในประเทศไทย จะต้องมีการ”ปรับราคา” ตามต้นทุนการขนส่ง เป็นการ”ซ้ำเติม”คนส่วนใหญ่ในประเทศ โดยเฉพาะ”รากหญ้า” และ”ผู้”ใช้แรงงาน” ที่วันนี้”เพื่อไทย” ยังไม่ได้”ขึ้นค่าแรง” และ”เงินเดือน” ตามที่มีการ”หาเสียง” กับประชาชน เช่น”ค่าแรง 400บาท” เงินเดือน”ปริญญาตรี” 25,000 บาท ซึ่งก็ไม่รู้ว่าทั้ง” เสี่ยนิด” และ”อุ้งอิ้ง” ยังจำได้หรือไม่ว่าเคย”ประกาศ” ไว้ทุกเวทีที่ไป”หาเสียง” …..

@ที่สำคัญเรื่องโครงการ”เงินดิจิตัววอลเล็ต” ที่จะ”แจก” ให้ทุกคนทีอายุ 16 ปี ขึ้นไป ที่”เพื่อไทย”หวังที่จะ”ยิงปืนนัดเดียวได้นก 2 ตัว” คือได้เรื่องการ”กระตุ้นเศรษฐกิจ” แบบ”คลื่นยักษ์สึนามิ” และหวังที่จะได้”คะแนนเสียง”จาก”ประชาชน”หวังที่จะเรียก”ศรัทธา”คืนจาก”ประชาชน” ที่ในการ”เลือกตั้ง” ที่ผ่านมา”แปรพักตร์” ไปอยู่กับ ก้าวไกล” จนทำให้ผลการ”เลือกตั้ง” ที่ออกมา”เพื่อไทย” กลายเป็นพรรคที่ถูกเลือกมาเป็น”อันดับสอง” ไม่สามารถที่จะเป็น”แลนด์ไสลด์” ตามที่”คาดหวัง” วันนี้”ดิจิตัลวอลเล็ต” ยังไป”ไม่ถึงฝั่งฝัน” ดังนั้นทั้งเรื่องการ”กระตุ้นเศรษฐกิจ” ก็ยังไม่เกิด และยังเป็นการ”รอความหวัง” ของประชาชนที่ต้องการเงิน” 10,000 บาท เพื่อแก้ปัญหา”ความขัดสนจนยาก” ที่ได้รับ ดังนั้น”เศรษฐกิจ”โดยภาพรวมของประเทศยังคง”ติดกับดัก” ที่”เดินหน้า”ไม่ไป”ถอยหลัง”หกล้ม” และ”เสี่ยง” กับการที่จะเกิด”ต้มยำกุ้ง” ถ้า”เสี่ยนิด” และ”เพื่อไทย” รวมทั้ง”คนชั้น 14 “ ยังคิด”แผนสอง” เพื่อใช้ในการ”กระตุ้นเศรษฐกิจ”และคิดอยู่อย่างเดียวว่า”ดิจิตัลวอลเล็ต” ต้องเกิดได้……

@อีกเรื่องคือ”สินค้าจาก”ประเทศจีน” ที่ได้เปรียบทั้งในเรื่อง”ภาษี” และ”ค่าแรง” ค่าวัตถุดิบ” ที่ถูกกกว่าผู้ผลิตในประเทศไทย ที่กำลังทำให้กลุ่ม”เอสเอ็มอี” ในประเทศไทย”กระอักเลือด” เพราะ”ผลิต”แล้วสู่ราคา “สินค้าจากจีน”ไม่ได้ ต้อง”เจ๊งบ๊ง” กันเป็นแถว ยกตัวอย่าง”กางเกงช้าง” ที่กลายเป็นข่าวใหญ่ ในขณะนี้ ซึ่งผู้ผลิตจากจีน ส่งเข้ามา”ตีตลาด”ในราคาที่”ถูกกว่า” ทั้งที่”กางเกงช้าง” มีการจด”ลิขสิทธิ์” แต่”กฎหมาย”ก็ทำอะไรไม่ได้กับ”สินค้าเลียนแบบ” ที่เข้ามา”แย่งตลาด” ของ”ผู้ผลิตที่เป็นคนไทย” เรื่องนี้เป็น”เรื่องใหญ่” ที่” เศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรีจะอ้างว่าเป็น”ซีทูรมาร์เก็ต” เพียงอย่างเดียวไม่ได้ ต้องมีการ”แก้ปัญหา” ที่เกิดขึ้นด้วยเพราะนี่แหละที่เป็น”สารตั้งต้น” ในการทำให้”เศรษฐกิจ”ของ”ประเทศไทย” อยู่ในอาการ”ถดถอย” ไม่มีการ”ฟื้นคืน” ผิดกับ”ประเทศอื่น” ที่หลังจากพ้นเรื่องของ”โควิด 19 “ เศรษฐกิจ”ของเขา”กลับคืนมา”และ”ก้าวหน้า”กว่าของ”ประเทศไทย”…..นี่ยังดีนะที่ รัฐบาลชุดนี้ยัง”โชคดี” ที่ทำให้ราคา”พืชเศรษฐกิจ” ของ”เกษตรกร”ทุกภาค มีราคา เช่น”ยางพารา” ที่ไม่เคย”ขยับสูง” ในรอบ 9 ปี ของรัฐบาล”พล.อ.ประยุทธิ์ จันทร์โอชา” อดีตนายกรัฐมนตรี ก็”ขยับ” ไปถึง กิโลกรัมละ 70 บาท และเชื่อว่า ถ้ายังคงราคานี้ต่อไป ปีนี้จะเห็น”ชาวสวนยาง” ไม่มีการ”หยุดกรีด”ในฤดูยาง”ผลัดใบ” แน่นอน วันนี้ “เกษตรกร” หลายคน”เลิกจากการ”ขายแรงงาน” ไป”กรีดยาง” ….เช่นเดียวกับราคา”มันสำปะหลัง” ที่ขึ้นไปถึง กิโลกรัมละ 4 บาท และ”อ้อย” ที่ขายได้ในราคาตันละ 1,200 กว่าบาท ทำให้”เกษตรกร”ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ “ยิ้มออก” แต่ ทั้งหมด กลับไม่ใช่”ฝีมือ” ของ”เสนาบดี” กระทรวงพาณิชย์ และ”กระทรวงเกษตร แต่เป็นเพราะ”กลไก” ของ”ตลาดโลก” ต่างหาก….

@ในขณะเดียวกัน ก็เป็นอย่างที่”ผู้เขียน”ว่าไว้ คือเรื่อง”ปาล์มน้ำมัน” ที่พอถึง”ฤดูกาล” ที่ผลผลิตปาล์มน้ำมันออกสู่ตลาด ราคา”ผลปาล์มสด” ก็ร่วงลงทันที่ กิโลกรัมละ 1-2 บาท ซึ่ง ล่าสุด “ตัวแทนเกษตรกรชาวสวนปาล์มภาคใต้” ก็ได้ยืนหนังสือถึง”ชัยธวัช ตุลาธน” หัวหน้าพรรคก้าวไกล ที่ลงพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราช ให้ทำการ”ผลักดัน พรบ.ปาล์มน้ำมัน”เข้าสู่”สภาผู้แทนราษฏร” ซึ่งที่ผ่านมา” พรบ.ปาล์มน้ำมัน” ที่มีการนำเข้าสภาฯใน 20 ปี ที่ผ่านมาแท๊งกลางสภาฯทุกครั้ง  ส่วนการแก้ปัญหา “ราคาผลปาล์มสดตกต่ำ” ก็ต้องดู”ฝีมือ” ของ” ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” เสนามบดี” กระทรวงเกษตร ว่าจะใช้”มาตรการ”ใดในการช่วยเหลือชาวสวนปาล์มในครั้งนี้…..

@ประเด็น”เพลิงไหม้” ที่กระทรวงพาณิชย์ ที่เป็น”ตึกทำการของ”ไชยา พรหมมา” รมช. กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่มีผู้คนจำนวนไม่น้อยสงสัยว่าเป็นการ”วางเพลิง” นั้นเป็นเรื่องที่ห้าม”ความคิด”ของผู้คนไม่ได้ เพราะใน”อดีต”หลายหน่วยงานราชการที่มีเรื่อง”ทุจริต” ใช้การ”วางเพลิง” เพื่อการ”ทำลายหลักฐาน” เพราะ”กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นกระทรวงใหญ่ ที่มี”งบประมาณ” จำนวนมาก และหลายกรมมีเรื่อง”อื้อฉาว” ที่มีเรื่องให้ ปปช. ตรวจสอบอยู่หลายเรื่อง ทั้ง”หมูเถื่อน” เรื่อง”ตีนไก่เถื่อน” เรื่อง”วัวเถื่อน” จาก”เมียนมา” ยังอยู่ระหว่างการ”ดำเนินคดี”ของ”ดีเอสไอ” ทั้งหมดต่างอยู่ในกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และยังไม่จบแค่นี้แน่ ยังมีอีกหลายเรื่อง หลายประเด็น ที่ยังไม่มี”นักร้อง”นัก”ขุดคุ้ย” นำออกมา”ตีแผ่” ให้ ประชาชนได้รับรู้……วันนี้เรื่อง หอม-กระเทียม” ที่”ลักลอบ”นำเข้าประเทศ ทำให้”เกษตรกร”ไทยที่เป็นผู้”ปลูกหอม-กระเทียม” ได้รับผลกระทบ ราคาตกต่ำ เพราะสู้”ของเถื่อน” จากประเทศจีนไม่ได้ “เสนาบดี” กระทรวงเกษตรยังไม่ได้แก้ไข ที่ภาคใต้มีการ”ลักลอบ”นำเข้าและยังมีการนำเข้าจาก”ชายแดนด้านแม่น้ำโขง อย่าง”เป็นล่ำเป็นสัน” และที่สำคัญคือการนำเข้าทาง”ท่าเรือแหลมฉบัง” ด้วยการ”สำแดงเท็จ” เช่นเดียวกับ “ขบวนการหมูเถื่อน” และ”ตีนไก่”ส่วนที่”หาดใหญ่” โกดัง”หรือ”เอเย่นต์”ใหญ่” ในการ”กระจายสินค้า”หอม – กระเทียม เถื่อน” ข่าวว่าตั้งอยู่ในย่าน”ถนนรัถการ” ถ้าผ่านไปทางนั้น จะเห็นผู้คนแวะเวียน เข้าไป”เจี๊ยะเต้” เป็นประจำ ก็ฝากถึง”ชยพล สายทวี” ผอ.ดีเอสไอ ภาคใต้ไป ตรวจสอบด้วย…..

@หลายวันก่อนเจ้าหน้าที่”ดีเอสไอ” ที่ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ รักษาการ อธิบดี เข้า จับกุม ขบวนการ” การพนันออฟไลน์-ออนไลน์” ของ”โกฟุก” ซึ่งเป็น”กลุ่มทุนรายใหญ่” ของ”จ.ระนอง ที่เป็น”กลุ่มทุน” ข้ามประเทศใน”น่านน้ำอันดามัน” ระหว่าง”ไทย-เมียนมา” บ่อนการพนันออนไลน์ของ”โกฟุก” และ”บ่อนกาสิโน” ใน”เกาะสอง”ประเทศเมียนมา สถานที่เป็นชื่อของ”โกฟุก” แต่ผู้ที่ดำเนินการคือ”โกต๋อง” ทั้งสองคนเป็น”หุ้นส่วน” ที่เป็นคน”สองสัญชาติ” เมื่อข้ามไป”เมียนมา” ก็เป็น”ประชาชนเมียนมา “ เมื่อข้ามมาฝั่งไทยก็เป็น”ประชาชนไทย” เรื่อง ขบวนการ การพนันออนไลน์ ออฟไลน์ ของ”โกฟุก-โกต๋อง” จำนวน 18 กลุ่ม ถ้า”ดีเอสไอ” เอาจริง คนที่เป็น”ผู้ต้องหา” ไม่ใช่แค่”โกฟุก”กับ”โกต๋อง” แต่มีมากกว่านั้น ที่สำคัญมี”คนมีสี” และ”นักการเมือง” รวมอยู่ในนั้นด้วย….ส่วนเรื่องที่”โกฟุก” และ”เครือข่าย” ถูก”ดีเอสไอ” แจ้งข้อกล่าวหา”ค้าน้ำมันเถื่อน” และมีการ”ส่งออกน้ำมันทิพย์” และใช้หลักฐานการ”ส่งออก” เพื่อ”ขอคืนภาษี” ใน 10 ปี ที่ทำให้”รัฐเสียหาย”มีมูลค่า”10,000 ล้านนั้น  ถ้าจะมีการ”เอาจริง” นอกจาก”โกฟุก” ที่ต้องเป็น”ผู้ต้องหา” แล้ว ยังต้องมี”เจ้าหน้าที่รัฐ ที่เกี่ยวข้อง เรื่องนี้”ดีเอสไอ” ต้องหา”หลักฐาน” และ”พยาน” เพื่อหา”มูลฐานในการทำผิด” 

@ลึกๆลงไปเรื่อง”อื้อฉาว” ของโครงการ”โคบาลชายแดนใต้” ทั้งหมดมาจากความ”หละหลวม” ในการไม่ตรวจสอบ และติดตามโครงการ เพื่อการ”แก้ปัญญา” ให้กับ”เกษตรกร” ใน”กลุ่มวิสาหกิจชุมชน” ที่ตั้งขึ้นมาทั้ง 40 กลุ่ม และจากการตรวจสอบ ใน จ.ปัตตานี และ นราธิวาส พบว่า ที่ จ.นราธิวาส ไม่มีปัญหา ทั้งในเรื่องของ”วัว” ที่ได้รับถูกต้อง”ตรงปก” และ”เกษตรกร” ปฏิบัติตาม”เงื่อนไข”ได้ทั้งหมด ส่วนที่ จ.ปัตตานี ที่ “กลุ่มวิสาหกิจ” ที่เข้าร่วมโครงการจำนวน 16 กลุ่ม มีปัญหา”สองกลุ่ม” ที่ออกมา”เรียกร้อง” ให้”บริษัทแก้ปัญหา ซึ่งได้ทำการ”เปลี่ยน” วัวผอม” เพราะ การเลี้ยงที่”ปล่อยปละ” ไปแล้ว 1 กลุ่ม และ”ยกเลิก”ไปแล้ว 1 กลุ่ม….ส่วนเรื่องการ”รับมอบโค” ระหว่าง”บริษัท”กับ”เกษตรกร” ที่อ้างว่าไม่มีการ”ชั่งน้ำหนัก” ไม่มีการ”วัดส่วนสูง” จะไปโทษใคร นอกจากต้องโทษ “กลุ่มวิสาหกิจ” และ”คณะกรรมการ” ในการ”ตรวจรับ” ที่”หละหลวม” ไม่”รอบคอบ” อ้างว่าไม่มี”ตาชั่ง” เป็นเรื่องที่”ฟังไม่ขึ้น”โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ของ”ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ ( ศอ.บต. ) เจ้าของโครงการที่”ปล่อยปละละเลย” และหลังจากเกิดปัญหาระหว่าง”บริษัทเจ้าของวัว” กับ”เกษตรกร”ผู้เลี้ยง ก็ไม่มีการ”ประสานงาน” เพื่อแก้ไขอย่างทันท่วงที งานนี้”ศอ.บต. เสียหาย ที่ทำให้ “ โครงการดีๆ” กลายเป็นโครงการที่มีปัญหา และถูกมองว่ามีเรื่อง”ทุจริต”หรือไม่…..

@ส่วนที่ จ.สตูล ซึ่งเป็น จังหวัด”นำร่อง” ที่ ศอ.บต. ให้ บริษัทเอกชน”วิชัยฟาร์ม” เข้าไป”นำร่อง” ตั้งแต่ต้นปี 2566 เพราะเป็นจังหวัดที่มีความพร้อมของ”เกษตรกร” ซึ่งมีการตั้งกลุ่ม”วิสาหกิจชุมชน”เพื่อการ”เลี้ยววัว” 18 กลุ่ม โดย”วิชัยฟาร์ม” ได้ นำวัว มาให้ “เกษตรกร” เลี้ยงก่อน ทั้งที่ยังไม่ได้เข้าโครงการ ”วิชัยฟาร์ม” เป็นผู้”ลงทุน” ในการปลูกแปลงหญ้า แปลงละ 100,000   บาท สร้าง”คอกรวม” คอกละ 350,000 บาท วัวตัวละ 17,000 บาท ต่อมา กลุ่มเกษตรกรทั้ง 18 กลุ่ม เข้าเงื่อนไขของโครงการ”โคบาลชายแดนใต้” เพียง 8 กลุ่ม ส่วนอีก 10 กลุ่ม ติด”เงื่อนไข” ที่ กลุ่มของผู้เลี้ยงอาศัยอยู่ในที่ สงวนแห่งชาติ และที่ สาธารณประโยชน์  “คอกรวม” และ”แปลงหญ้า” ที่สร้างแล้ว จึงกลายเป็น”ผิดกฎหมาย” จนทำให้”เกษตรกร” มีการร้องเรียนขึ้น เพราะ”วัว” ที่”เกษตรกร” เลี้ยงอยู่ ครัวเรือนละ 5 ตัว กลุ่มละ 50 ตัว กลายเป็น”ภาระ” ทั้งเรื่อง”เงิน” ที่ใช้ในการซื้ออาหารวัวและ”ค่าแรง”ของคนเลี้ยง ที่เมื่อ”เข้าโครงการไม่ได้” ก็เบิกเงินไม่ได้เช่นกัน นั้นคือ”ภาระ”และ”รายจ่าย” ที่เป็น”ต้นทุน” ของ”ผู้เลี้ยง ส่วน”วิชัยฟาร์ม” ลงทุนทั้ง”แปลงหญ้า” ทั้ง”คอกรวม” และ”ทั้งโค” รวมแล้วกว่า 20 ล้าน วันนี้ยังไม่รู้ว่าจะ”เบิกเงิน” จำนวนนี้จากใคร….ทั้งหมดคือ”ข้อเท็จจริง” และคือ”ปัญหา” ที่”ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ต้องเร่งแก้ไข และที่ สำคัญ หลังเกิดปัญหา”ศอ.บต.” ขาดการ”ประชาสัมพันธ์ในเชิงรุก” เพื่อ”สร้างความเข้าใจ” ให้กับ”ประชาชน” ได้รับรู้ เรื่องนี้ พ.ต.ท. วรรณพงษ์ คชรักษ์” เลขาธิการ ศอ.บต. ต้องให้ความสนใจ เพราะการ”เดินหน้า” ทำงานอย่างเดียว โดยขาดการ”สื่อสารกับสังคม” จะกลายเป็น”จุดอ่อน” ของ”ศอ.บต. โครงการนี้ “ใครผิด ใครถูก” ไม่มีใครรู้ แต่ถูก”ประชาชน” เข้าใจว่าเป็น”ผู้ทำผิด”ไปแล้ว คือ”ศอ.บต. ไม่ใช่”กรมปศุสัตว์” หรือ”วิชัยฟาร์ม” หรือ” กลุ่มวิสาหกิจชุมชน” ซึ่งพบว่าหลายคนที่ออกมา”เรียกร้อง” มี”นัยแอบแฝง”…..

@ที่ สำคัญ หลังเกิดเรื่อง”อื้อฉาว”ในโครงการ”โคบาลชายแดนใต้” ผอ.ปปช. ทั้ง 3  จังหวัดต่าง”รับลูก” เข้าทำการ”ตรวจสอบ” โครงการนี้แล้ว   ว่ามีการ”ฉ้อราษฎร์บังหลวง” หรือไม่ อย่างไร  แต่ใน”เบื้องต้น” ยังไม่พบ”หลักฐาน” ถึงการ”ทุจริตคอร์รับชั่น” ทั้งในส่วนของ”ศอ.บต. และในส่วนของ”กรมปศุสัตว์”แต่ แค่”บกพร่อง” โดย”สุจริต” ก็กลายเป็น”จำเลย”ของสังคมไปแล้ว   ถ้ามีเรื่อง”ทุจริต” หรือ”เงินทอน” เข้ามาเกี่ยวข้องอีกเข้ามาอีก “ศอ.บต.ก็จะเป็นหน่วยงานที่”หมดราคา” ในการที่จะเป็น”ที่พึ่ง” ของคนในจังหวัดชายแดนภาคใต้…..อีกเรื่องนะ สำหรับเรื่องที่”ไม่ชอบมาพากล” คือเรื่องของ”ที่ดิน”จำนวน 8,000 ไร่ ที่เป็น”ทุ่งเลี้ยงสัตว์” ใน ต.โคกกลอย อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา ที่จะเป็นพื้นที่”สร้างสนามบินภูเก็ต 2 “ซึ่งเป็นโครงการ”ส่งเสริมขยายการท่องเที่ยว” ในฝั่งจังหวัดอันดามัน” เพื่อสร้างความเติบโตทางเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว  ปัญหาที่ต้องมีการ”ตรวจสอบ” คือที่ดิน”ทุ่งเลี้ยงสัตว์ 8,000 ไร่” สำนักงานที่ดิน จ.พังงา ต้องไป “รางวัด”ว่า ยังเป็นที่ดิน”ทุ่งเลี้ยงสัตว์” ซึ่งเป็น”ที่หลวง” อยู่หรือไม่ หรือกลายเป็น”โฉนด” หรือเป็น” นส. 3 ก.”ไปแล้ว มากน้อยเท่าไหร่ เพราะมี”พรายกระซิบ” ว่า มี”อีแอบ” นำที่ดิน”ทุ่งเลี้ยงสัตว์” แห่งนี้ไปออกเป็น”เอกสารสิทธิ์” ให้กลุ่ม”นายหัว”ไปแล้วกว่า 2,000 ไร่ เรื่องนี้เป็นเรื่อง”มหึมา” ถ้าเป็นเรื่องจริง ก่อนที่จะดำเนินการเรื่อง”สนามบิน” นายกรัฐมนตรี”เศรษฐา ทวีสิน” และ”เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกุล”  เสนาบดี” กระทรวงมหาดไทย ผู้กำกับดูแล”กรมที่ดิน” สั่งการให้”อธิบดีกรมที่ดิน” ตรวจสอบหน่อย หรือนักร้อง” คนไหน สนใจก็หา”ข้อมูล”ไป”ร้องเรียน” ให้เป็น”ข่าว” ก็ไม่สงวน”ลิขสิทธิ์” แต่อย่างใด เพราะการป้องกันการ”ทุจริต” เป็นหน้าที่ของ”คนไทยทุกคน” แต่อย่า”ร้อง”เพื่อ”รีด” อย่าง กรณีของ”พี่ศรี” ก็ แล้วกัน…..

๑นี่ก็เรื่อง”อื้อฉาว” จาก”เงิน” และ”วัสดุ” ที่มีผู้”บริจาค” กับชาวบ้านใน ต.มูโนะ อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส เพื่อใช้ในการ”ก่อสร้างบ้านเรือน” ที่ถูก”โกดังเก็บพลุและดอกไม้ไฟ ระเบิด” จนได้รับความเสียหายกว่า 300 หลัง วันก่อนมีการสอบถามว่าเงินบริจาค 100 ล้าน อยู่ที่ไหน และมีการ”บริหารจัดการ” อย่างไร วันนี้มีข่าวจากชาวบ้านว่า มี “กลุ่มคน” ที่เกี่ยวข้องกับการแก้ปัญหาความเดือดร้อนของชาวบ้านนำเอา”กระเบื้อง มุงหลังคา” ที่มีผู้”บริจาค” ให้ผู้เดือดร้อนเพราะ”บ้านพังเสียหาย” มาขายให้ชาวบ้าน แผ่นละ 20 บาท เรื่องนี้ “ว่าที่ ร.ต.ตระกูล โทธรรม” ผวจ. ต้องเร่ง”ตรวจสอบ” เพื่อหาข้อเท็จจริง เพราะถ้ามาการ”ทำจริง” คนพวกนี้ต้องประณามว่า”เลวชาติ” จึงจะสาสม เพราะเป็นการ”เพิ่มทุกข์” ให้กับผู้ที่”ทุกข์ทน” อยู่แล้วให้”ทุกขเวทนา” ยิ่งขึ้น…..

@ยุคนี้เป็นยุคที่ ปปช. จ.ตรัง มีผลงาน ให้ปรากฏแก่สายตาของประชาชนอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด มีการลงพื้นที่”อุทยานแห่งชาติ”ในหลายแห่ง เพื่อการ”ตรวจสอบ” การ”จัดเก็บรายได้” ว่าเป็นไปอย่างถูกต้องหรือไม่ เพราะเคย”ตรวจสอบ”พบว่ามี”อุทยายานแห่งชาติ” หลายแห่ง ที่มีความไม่”โปร่งใส” ในการ”จับเก็บรายได้” ทำดี ก็ต้องชม…..เช่นเดียวกับ “สมนึก พรหมเขียว” ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ที่ วันนี้สามารถ”สั่งการ” ให้ ฝ่ายปกครอง เป็น”พระเอก” ในการ”จับกุม” และ”สั่งห้าม” มิให้ ผู้ค้า”น้ำกระท่อม” ในพื้นที่ ผลิตน้ำกระท่อมขาย เพราะเป็นเรื่อง”ผิดกฎหมาย” โดยแต่ละอำเภอ สามารถ”จับกุม” ผู้ผลิตและผู้ขาย ได้ เป็นจำนวนมาก และ อันดับ 1 ที่มีการ”ผลิต” และ”จำหน่าย” มากที่สุดคือ” อ.จะนะ จ.สงขลา ส่วนในพื้นที่ อำเภอเมือง สงสัย นายอำเภอมาใหม่ ยังไม่”คุ้นชิน”พื้นที่ จึงยังไม่เห็น”ผลงาน” ในการ”กวาดล้าง” ผู้ขาย”น้ำกระท่อม” ซึ่งมีอยู่ 20 กว่าราย บนถนนสายกาญจนวนิช ตั้งแต่บ้าน”เกาะหมี” จนถึง”บ้านน้ำกระจาย”ยังเปิดขายตามปกติ  ก็บอกไว้เป็น”ข้อมูล” ข่าวว่าผู้ผลิต”น้ำกระท่อมรายใหญ่” ใน อ.เมืองสงขลา มีการ”จ่ายส่วย” ให้”เจ้าหน้าที่”จาก 2 หน่วยงาน หน่วยละ 10,000 บาท ส่วนจะเป็นใคร หน่วยไหนไป สืบค้น เอาเอง…..

@เรื่องของ”ไฟใต้” ไม่กล่าวถึงไม่ได้ เพราะ”ไฟใต้” ยังคง”ร้อนแรง” สัปดาห์นี้มี”อาสาสมัคร” ทั้งที่ถูก”กับระเบิด”เสียชีวิต และที่ถูก”ซุ่มยิง”ได้รับบาดเจ็บ ในพื้นที่ จ.ปัตตานีไปแล้ว 2 ราย มีการ”เผากล้องวงจรปิด” ไปจำนวนมาก ในหลายอำเภอของ จ.ปัตตานี เห็นที “พล.ท.ศานติ ศกุนตนาค” แม่ทัพภาคที่ 4/ ผอ.กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ต้อง”สั่งการ” ให้ “ทหาร,ตำรวจ,ปกครอง” บูรณาการ การป้องกันเหตุ เพื่อหา”จุดอ่อน” ที่เกิดขึ้น เพราะที่”แนวร่วม” ยัง”ก่อเหตุ”ได้ เป็นเพราะยังมี”เสรีภาพในการเคลื่อนไหว” ทั้งในการ”ก่อเหตุ”และการ”หลบหนี” หลังการก่อเหตุ”จุดอ่อน” นี้เป็นมาแล้ว 20 ปี จะแก้อย่างไร…..และที่ จ.นราธิวาสมีการ”ปลิดชีพ” แลอาลี คอปเตอร์  วาจิ อดีต”แกนนำบีอาร์เอ็น” ที่เป็น”คู่จิ้น”ของ”มะแซ อูเซ็ง” เจ้าของแผนการ”บันได 7 ขั้น” ที่ออกมา”รายงานตัวเป็นผู้”ร่วมพัฒนาชาติไทย” ในสมัยของ” พล.อ.อุดมชัย ธรรมสาโรรัชต์” หรือ” แม่ทัพเมา” เป็น แม่ทัพภาคที่ 4  ที่ถูก”ถล่มด้วยอาวุธสงคราม” เสียชีวิต ใครคือผู้ที่”ปลิดชีพ”ของ” แกนนำตัวเอ้ที่เคยมีค่าหัวในการนำจับ 1 ล้านบาท เป็นฝีมือของ”กองกำลังติดอาวุธ”ของ”บีอาร์เอ็น” ใช่หรือไม่ เพราะรู้กันใน”วงใน”ว่า” “แวอาลีคอบเตอร์ วาจิ ” คือ”มือทำงาน” ให้กับ”นายพล” บางคน…..เหตุการณ์ ทั้งหมด เกิดขึ้นก่อนการที่จะมีการ”ขับเคลื่อน” เวทีการ”พูดคุยสันติสุข” ครั้งที่ 1 ของ”รัฐบาล” ชุดนี้ ในวันที่ 6-7  ก.พ. ที่ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย โดยมี”รัฐบาลมาเลเซีย “ เป็นผู้”อำนวยความสะดวก” หรือเรียกให้ถูกคือผู้”ควบคุมเกม” นั่นเอง และ เหตุ”รุนแรง” ที่เกิดขึ้น การ”ปลิดชีพ” ของ”แวอาลีคอปเตอร์ วาจิ ” อาจจะเกี่ยวกับการ”พูดคุย” ระหว่าง”บีอาร์เอ็น” กับ”รัฐบาลไทย” ก็เป็นไปได้สูง…..

@เรื่องของการ”พูดคุย” ก็อย่า”คาดหวัง” อะไรให้มากมาย เพราะไม่ว่าจะเป็นการ”พูดคุย” ในยุคของ”รัฐบาลทหาร” หรือ”รัฐบาลพลเรือน” การ”พูดคุย” ของ”คณะพูดคุย” ของ”รัฐบาลไทย” ยังคงเป็นไปภายใต้กรอบของ”กองทัพ” หรือฝ่าย”ความมั่นคง” ที่ตัวแทน”รัฐบาล” หรือ”หัวหน้าคณะพูดคุย” อย่าง”ฉัตรชัย บางชวด” รอง เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ จะมี”อิสระเสรี” ในการ”ขับเคลื่อน”การพูดคุยได้อย่างที่ต้องการ…..ที่น่าสนใจคือเรื่อง”การพูดคุยสามฝ่าย” ระหว่าง”รัฐไทย,บีอาร์เอ็น,มาเลเซีย” เป็นเรื่องของการ”นอนเตียงเดียวกัน แต่ฝันคนละเรื่อง” มาเลเซียเป็นผู้”อำนวยความสะดวก”เข้ามาเป็น”ผู้อำนวยความสะดวก” เพื่อต้องการ”ควบคุมบีอาร์เอ็น” ภายใต้”กฎหมายของมาเลเซีย” และต้องการให้”ไทย”ที่เป็น”พันธมิตร” เห็นว่า ได้ทำการ”ช่วยเหลือ” ให้”รัฐไทย” ได้พบปะพูดคุยกับ”บีอาร์เอ็น”ที่เป็น”คู่ขัดแย้ง” และให้”สังคมโลก”ได้เห็นว่าให้ความสำคัญในเรื่อง”สันติภาพ” ส่วนจะคุยกันรู้เรื่อง”สำเร็จ” หรือ”ล้มเหลว” เป็นเรื่องของพวกคุณสองฝ่าย มาเลเซียไม่เกี่ยว ส่วน”บีอาร์เอ็น” เข้าสู่ขบวนการ”พูดคุย” เพื่อการ”ยกระดับขององค์กร” จาก”โจรก่อการร้าย” เป็น”ขบวนการแบ่งแยกดินแดน” ที่”สหประชาชาติ”ยอมรับ” และ”บีอาร์เอ็น” รู้ดีว่า”เงื่อนไข” ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ยังไม่”เข้มแข็ง”เพียงพอ”มวลชน” ยังมีเพียง”หยิบมือ” ไม่เพียงพอในการที่จะ”เปลี่ยนแปลง”การ”ปกครอง” ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ดังนั้น”บีอาร์เอ็น” จึงเสนอ”เงื่อนไข” ในสิ่งที่”รัฐบาล”ทำไม่ได้ เพื่อให้เวทีการเจรจาลากยาวออกไปเป็นการ”ซื้อเวลา” เพื่อสร้างงาน”มวลชน”ในพื้นที่ให้มากพอและเข้มแข็ง  และใช้เวทีนี้ ในการ”กล่าวหา” ว่า”รัฐบาลไทย” ไม่”จริงใจ” กับการ”พูดคุยเพื่อสันติภาพ” เป็นแผนการ”เอาดีใส่ตัว” และ”เอาความชั่วให้รัฐไทย”…..

@ส่วน”รัฐบาลไทยรู้อยู่”เต็มอก”ถึงแผนการของ”มาเลเซีย” และ”บีอาร์เอ็น” เพราะ”ฝ่ายความมั่นคงของไทย” ไม่ใช่”คาราบาว” แต่”รัฐบาลไทย” ก็พร้อม”กระโจน” ลงสู่เวทีการ”พูดคุย” เพราะต้องการ แสดงให้”สหประชาชาติ” และ”องค์กรจากชาติตะวันตก” ที่เข้ามา”ยุ่มย่าม” ทั้งใน”เวทีการพูดคุย” และในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ว่าเห็นด้วยกับการแก้ปัญหา”ไฟใต้” ด้วย”สันติวิธี” หรือเวทีแห่ง”สันติภาพ” รวมทั้งต้องการใช้”เวทีแห่งนี้” ในการ”เปิดโปง” ตัวตน”ของ”บีอาร์เอ็น” และของ”มาเลเซีย” ต่อ”สาธารณะ” ทั้งหมดคือเรื่องของการ”นอนเตียงเดียวกัน แต่ ฝันคนละเรื่อง” ของ”เวที”พูดคุยสันติสุขชายแดนใต้” ที่สุดท้ายการ”พูดคุย” แบบนี้ จบที่ได้ใช้”งบประมาณ” แต่ไม่มีความ”สำเร็จ” ในเรื่องการดับ”ไฟใต้” นั่นแล…..

@ตั้งแต่ ผู้กำกับหนุ่ม อย่าง “พ.ต.อ.สุรจิต เพชรจอม” มาทำหน้าที่ ผกก.สภ. สะเดา จ.สงขลา หลายปัญหาได้รับการแก้ไข เช่นเรื่องของ”ยาเสพติด” เรื่อง รณรงค์การขับขี่ปลอดภัย แต่เรื่องใหญ่ ที่มี ประชาชน ต้องการให้แก้ปัญหาคือเรื่อง”จราจร จลาจล” ในเขตเทศบาลตำบลสำนักขาม ชายแดนไทย-มาเลเซีย ที่”รถบรรทุกสินค้า” แย่งชิง “ผิวจราจร” จนทำให้”รถติดยาวเหยียด” ในชั่วโมงเร่งด่วน เรื่องนี้ถ้า”แก้ได้” จะกลายเป็น”พระเอก” เพราะที่ผ่านมา แม้แต่”นายพล” บางคน ก็เคยเข้ามาแก้ไข แต่ไม่”สำเร็จ” เพราะ”พ่ายแพ้” ต่อ”อิทธิพล”ของ”บริษัทผู้”ส่งออก” ที่เป็นตัวปัญหา…..

@เปิดตัว”ทีมปลัดแป้น” เพื่อ”ชิงตำแหน่งนายกเทศบาลนครหาดใหญ่” จ.สงขลา ตั้งแต่”ไก่ยังไม่โห่” คือ” ณรงค์พร ณ พัทลุง” หรือ”ปลัดแป้น” อดีต ปลัดจังหวัดสงขลา ซึ่ง เที่ยวนี้เจ้าตัวบอก”พร้อมในทุกด้านในการเข้ามาเพื่อ”เปลี่ยนหาดใหญ่เพื่อชาวหาดใหญ่” ก็ถือเป็น”คู่แข่ง” ที่”พล.ต.ท.สาคร ทองมุณี” นายกเทศมนตรีเทศบาลนครหาดใหญ่ ประมาทไม่ได้ รวมทั้ง”พ.อ.พิเศษ สุชาติ จันทรโชติกุล” ที่เปิดตัวไปก่อนหน้านี้ ก็ต้อง”หนาว” และที่”ชาวหาดใหญ่” ให้ความ”สนใจ” คือผู้สมัครของ”ก้าวไกล” จะเป็นใคร เพราะถือว่า”ก้าวไกล” เป็น”ตัวเลือก” ของคน”รุ่นใหม่” ที่พร้อมในการ”วัดพลัง” กับ”ผู้สมัครจากทุกทีม ดังนั้น การเลือกตั้งผู้บริหารเทศบาลนครหาดใหญ่ในสมัยหน้าถือว่า” ดุเด็ดประดาบเลือดเดือด” แน่นอน ….แล้วพบกันใหม่ในวันศุกร์หน้า สวัสดีครับ

—————————————————————

ไชยยงค์ มณีพิลึก

สวัสดีปีใหม่.    วิสุทธ์ สิงห์ขจรวรกุล  อดีตรองปลัดกระทรวงมหาดไทย ประธานชมรมข้าราชการบำนาญกระทรวงมหาดไทยภาคใต้ จัดงานสังสรรค สวัสดีปีใหม่ 2567 โดยมีสมาชิกชมรมร่วมงานอย่างคับคั่ง

ชุมชนบำบัด.  พล.ท.ศานติ ศกุนตนาค แม่ทัพภาคที่ 4 /ผอ.กอ.รมน.ภาค 4ลงพื้นที่ศูนย์ชุมชนบำบัด (cbt x) บ้านสะโลว์ ต.มะรือโบตก  อ.ระแงะ จ.นราธิวาส  เพื่อติดตามการบำบัดผู่ติดยาเสพติด เพื่อคืนเยาวชนสู่อ้อมกอกครอบครัว

แลกเปลี่ยนความติดเห็น.   พล.ต.นิรุจ ดวงปัญญา ผอ.ศูนย์ศึกษายุทธศาสตร์ สถาบันวิชาการป้องกันประเทศและคณะ เข้าพบ ไชยยงค์ มณีรุ่งสกุล นายกสมาคมนักหนังสือพิมพ์ภูมภาคแห่งประเทศไทย เพื่อสัมภาษณ์แลกเปลี่ยนความคิดเห็นในเรื่องความมั่นคงในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ณ สำนักงานสมาคมฯ ถนนไทยอาคาร อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา

มิติใหม่ หาดใหญ่.   พล.ต.ท.สาคร ทองมุณี นายกเทศมนตรีเทศบาลนครหาดใหญ่ และ เอก ยังอภัย ณ สงขลา นายอำเภอหาดใหญ่ จ.สงขลา ร่วมประชุมเพื่อ บูรณาการ สร้าง หาดใหญ่ปลอดภัย และ พัฒนา เศรษฐกิจ สังคม ท่องเที่ยว เพื่อให้ หาดใหญ่ เป็นเมืองเอกของภาคใต้ อย่างแท้จริง ณ ห้องประชุมสภาฯ เทศบาลนครหาดใหญ่ จ.สงขลา

พบผู้นำท้องที่.    นพพร หนูเพชร  นายอำเภอเมืองยะลา  ลงพื้นที่พบปะเยี่ยมเยียนกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ต. บุดี  พร้อมให้กำลังใจในการทำงานที่ให้ความร่วมมือร่วมใจกันทำงานบำบัดทุกข์ บำรุงสุข ให้แก่พี่น้องประชาชนในพื้นที่ ณ ที่ทำการผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 3 ต.บุดี อ.เมือง จ.ยะลา

น้ำใจสภาเกษตร.   กนกรัตน์ พงษ์ธัญญะวิริยะ ผู้ช่วยเลขาธิการ ศอ.บต. ร่วมกิจกรรมสภาเกษตรกรแห่งชาติร่วมใจ นำข้าวสารกว่า 1,600 ถุง ช่วยเหลือเกษตกรผู้ประสพภัยน้ำท่วมใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ณ ห้องประชุมชั้น 1 ศูนย์ราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ อ.เมือง จ.ยะลา

ลงนาม MOU.  ชนธัญ แสงพุ่ม รองเลขาธิการ ศอ.บต. รับมอบหมายจาก พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ เลขาธิการ ศอ.บต. ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการ กับวิทยาลัยเทคโนโลยีไออาร์พีซี เพื่อพัฒนาคุณภาพการศึกษาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ณ.ห้องประชุมปทุมทิพย์ IRPCT ต.เชิงเนิน อ.เมือง จ.ระยอง

ร่วมไว้อาลัย.   พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ส่วนงานที่เกี่ยวข้องกับการเยียวยา ร่วมงานฌาปนกิจศพ วิลาภ บุญรัตน์ อาสาสมัคร อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี ที่ถูกกับระเบิดเสียชีวิต พร้อมมอบเงินเยียวยาให้ครอบครัว ณ วัดดอนตะวันออก อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี

เยี่ยมครอบครัว.  วิชาญ  ชัยเศรษฐสัมพันธ์  รอง ผวจ.ตรัง ร่วมกับหัวหน้าบ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดตรัง นายอำเภอกันตัง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้บริหารท้องถิ่น ในพื้นที่ร่วมให้กำลังใจ เยี่ยมครอบครัวแม่เลี้ยงเดี่ยว ที่ดูแลลูก  5 คน อายุ 15 ปี 11 ปี 7 ปี 5 ปี และ 1 ปี ทาง ได้มอบกระเช้าและเงินสด ส่วนทาง พม.(One home) ได้มอบเตาแก๊สเพื่อเป็นอุปกรณ์ในการประกอบอาชีพต่อไป

เยี่ยมนักเรียน .   พัทธนันท์ นิลพัฒน์  ผอ.สพป.ตรัง เขต 2 มอบหมายให้  วัลภา  จันทร์มีศรี  นักวิชาการศึกษาชำนาญการพิเศษ ปฏิบัติหน้าที่ ผอ.กลุ่มส่งเสริมการจัดการศึกษา สพป.ตรัง เขต 2 ผอ.โรงเรียนบ้านหนองหมอ และครูโรงเรียนบ้านหนองหมอ ลงพื้นที่ให้กำลังใจแก่นักเรียนหญิงชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ที่ประสบอุบัติเหตุทางรถจักรยานยนต์ นอนพักรักษาตัวอยู่ที่ รพ.ห้วยยอด พร้อมมอบเงินช่วยเหลือจากเงินกองทุน 60 ปี ครองราชย์ สพป.ตรัง เขต 2 จำนวน 2,000 บาท

เยี่ยมคารวะ.   ฮัสบูเล๊าะ หิเล นายกสมาคมผู้นำอิสลามชายแดนใต้ และผู้บริหารสมาคม เข้าเยี่ยมคารวะ Dato Panglima Perang Haji muhd nassuruddin Bin Haji Daud  Menteri Besar Kelantan Darul Naim เพื่อกระชับความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นระหว่าง สมาคมผู้นำอิสลามชายแดนภาคใต้ กับรัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซีย ณ สำนักงานใหญ่มุขมนตรี รัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซีย

วันสตรีไทย-มุสลิม.   มุขตาร์ มะทา นาย อบจ.ยะลา เปิดกิจกรรม”วันสตรีไทยมุสลิม” จังหวัดยะลา & HALAL FOOD FEST & YALA เพื่อหารายได้จัดตั้ง “กองทุนวากัฟสตรีไทยมุสลิมจังหวัดยะลา”สนับสนุนกิจกรรมสตรี 8 อำเภอในเขตจังหวัดยะลา โดยมี ดร.ระเด่น สะมะแอ รอง นายก บจ.นายอำเภอรามัน เป็นเกียรติ ณ สนามโรงพิธีช้างเผือก เทศบาลนครยะลา อ.เมืองยะลา จ.ยะลา

เปิดนิทรรศการ.   ผศ.ดร.ศิริชัย นามบุรี รักษาราชการแทน อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา เปิดนิทรรศการและเปิดกิจกรรม Open House Satit YRU. ประจำปีการศึกษา 2566 (SPE Student Project Exhibition) ของโรงเรียนสาธิต มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา  ณ หอประชุมเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา มหาวิทยาลัยราชภัฎยะลา

ช่วยเหลือ.   พงษ์ศักดิ์ ยิ่งชนม์เจริญ นายกเทศมนตรีนครยะลา พร้อมด้วย คณะสมาชิกสภาเทศบาลนครยะลา ลงพื้นที่ อำเภอรือเสาะ จังหวัดนราธิวาส เพื่อมอบเครื่องใช้ไฟฟ้าสำหรับการอุปโภคบริโภค ที่จัดซื้อจากยอดเงินที่ทุกท่านร่วมบริจาคผ่านบัญชี “ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยฯ” มอบแก่พี่น้องประชาชนที่ประสบภัยน้ำท่วมในพื้นที่ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส

ช่วยเพื่อนมนุษย์.  โจเซ่ เฮนริเก้ ซิทูเน่ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บมจ.หาดทิพย์ เป็นผู้แทนมอบเงินบริจาค จำนวน 10 ล้านบาท ให้แก่ มูลนิธิโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วย อาคารเย็นศิระ โดยมี รศ.นพ.พุฒิศักดิ์ พุทธวิบูลย์  รองประธานและประธานฝ่ายดำเนินการประสานงานวิ่งกรุงเทพ-หาดใหญ่เป็นผู้รับมอบ ในพิธิเปิด Bangkok – Hatyai “Thankขอบคุณที่ร่วมเป็นส่วนหนึ่งบนเส้นทางแห่งความสำเร็จ ณ ถนนหน้าศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร

รณรงค์ขับขี่ปลอดภัย  สภ.สะเดา จ.สงขลา โดย พ.ต.อ.สุรจิต เพชรจอม ผกก.ร่วมกับ ศูนย์ส่งเสริมการเรียนรู้อำเภอสะเดา โดยให้เด็กมาอบรมการขับขี่ปลอดภัย และสนับสนุนให้ความรู้ และจัดสอบใบขับขี่ ร่วมกับโรงเรียนสอนขับรถสะเดายานยนต์ เพื่อให้เด็กที่เข้ารับการอบรมมีใบขับขี่ และรู้จักการใช้รถใช้ถนน ในโครงการขับขี่ปลอดภัยสร้างวินัยจราจร

เปิดการแข่งขัน.   ปารเมศ เห้งสวัสดิ์ นายอำเภอสทิงพระ จ.  สงขลา เป็นประธานในพิธีเปิดการเเข่งขันศิลปหัตถกรรมนักเรียน ครั้งที่ 71 ระดับศูนย์เครือข่ายการศึกษา โดยมีผู้บริหาร คณะครู บุคลากรและนักเรียนในศูนย์เครือข่ายการศึกษาสมเด็จเจ้าพระโคะ จำนวน 11 โรงเรียนเข้าร่วมการเเข่งขัน ณ ร.ร. วัดนางเหล้า  อ.  สทิงพระ จ.สงขลา

โคกหนองนาโมเดล.  นพดล สุระสังวาลย์นายอำเภอสิงหนคร  จ.สงขลา เป็นประธานเปิดกิจกรรมโคกหนองนาโมเดลและโครงการ”บ้านนี้มีรักปลูกผักกินเอง”ณบ้านเทพยา ต.ป่าขาด อ. สิงหนคร  จ. สงขลา

ร่วมเปิดงาน.   ร.ต.อ.บรรจง ซุ้นสุวรรณ รองสว.ป.สภ.สทิงพระ จ.สงขลา  ร่วมเปิดงานวิชาการ”เปิดบ้านสทิงพระวิทยา”วิชาการศึกษา ณโรงเรียนสทิงพระวิทยา อ.สทิงพระจ. สงขลา  โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมด้วย