“ธุรกิจอาหารจากพืช” หรือ “Plant-based foods” กำลังได้รับความสนใจ และมีตลาดมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งในหลายประเทศทั่วโลก รวมไปถึงประเทศไทย ซึ่งนับเป็นโอกาสของผู้ประกอบการในการสร้างมูลค่าเพิ่มจากธุรกิจชนิดนี้ อย่างไรก็ตาม แต่ก็มีหลาย ๆ ปัจจัยที่ผู้ประกอบการจะต้องเร่งปลดล็อก ที่วันนี้คอลัมน์นี้มีคำแนะนำกับแนวทางนี้มาฝากกัน…
สำหรับแนวทางเรื่องนี้เป็นของ ผศ.ดร.สุภัทร์ ไชยกุล อาจารย์ประจำภาควิชาโภชนวิทยา คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ที่แนะนำว่า ในระหว่างการพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารทางการแพทย์จากข้าวและแป้งมันสำปะหลังไทยนั้น กรณีนี้ก็ได้มีการถ่ายทอดเทคโนโลยีจากงานวิจัยดังกล่าว เพื่อขยายผลสู่ การสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์อาหารจากพืช หรือ “แพลนต์เบส” ซึ่งเป็นเทรนด์น่าจับตาเมื่อ 2 – 3 ปีก่อน ที่ขณะนี้ตลาดดังกล่าวกำลังประสบปัญหาจากกำลังซื้อที่ลดลงของผู้บริโภคทั่วโลก
อย่างไรก็ดี ในฐานะผู้สร้างสรรค์และถ่ายทอดเทคโนโลยีอาหาร ผศ.ดร.สุภัทร์ ได้ให้มุมมอง พร้อมคำแนะนำถึงผู้ประกอบการผู้ผลิตอาหารแพลนต์เบสว่า อย่าเพิ่งรีบถอดใจ เนื่องจากตัวเลขที่เพิ่มขึ้นเมื่อ 2 – 3 ปีก่อนเป็นแค่กลไกทางการตลาด จากกลุ่มเป้าหมายที่ผู้บริโภคอาหารจากพืชเป็นประจำอยู่ก่อนแล้ว ที่ยังคงมีเป็นจำนวนมากในตลาดปัจจุบัน แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นซึ่งส่งผลทำให้กำลังซื้อลดลงนั้น ส่วนตัวมองว่าเกิดจากปัจจัยหลาย ๆ สาเหตุ ได้แก่ 1.เกิดจากการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ยังไม่ตอบโจทย์ จนไม่สามารถทำให้เกิดผู้บริโภคหน้าใหม่เพิ่มจำนวนขึ้นได้ 2.เกิดจากความรู้สึกคุ้นเคยในรสสัมผัสเดิมของเนื้อสัตว์ ที่ผู้ประกอบการยังไม่สามารถพัฒนาขึ้นมาทดแทนการบริโภคเนื้อสัตว์ได้อย่างสมบูรณ์ และ 3.เกิดจากผู้บริโภคบางส่วนยังคงวิตกเกี่ยวกับความปลอดภัยจากสารเติมแต่ง ซึ่งอุปสรรคเหล่านี้เป็นสิ่งผู้ประกอบการธุรกิจแพลนต์เบส “ต้องเร่งปลดล็อก”
ทั้งนี้ ผศ.ดร.สุภัทร์ อาจารย์ประจำภาควิชาโภชนวิทยา ย้ำถึงผู้ประกอบการแพลนต์เบสของไทยว่า ประเทศไทยยังคเป็นหนึ่งในแหล่งอาหารที่สำคัญของโลก จากความอุดมสมบูรณ์ของพื้นที่ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ยังคงมีผลิตผลทางการเกษตรอีกมากมายที่สามารถนำไปต่อยอดพัฒนาสู่ผลิตภัณฑ์อาหารแพลนต์เบสที่มากด้วยคุณค่า และคุณภาพได้ อาทิ การต่อยอดผลิตภัณฑ์อาหารทางการแพทย์จากข้าวไทยที่เหลือจากโรงสีข้าว ที่นอกจากจะสร้างมูลค่าเพิ่มได้ถึง 10 เท่าแล้ว ยังช่วยงทำให้ต้นทุนการผลิตลดต่ำลง โดยถ้าผู้ประกอบการด้านนี้ของไทย ยิ่งได้รับการส่งเสริมจากทุกภาคส่วนช่วยผลักดันไปด้วย ส่วนตัวแล้วเชื่อมั่นว่า “ธุรกิจแพลนต์เบสไทย” มีโอกาสเติบโต และแจ้งเกิดได้อย่างแน่นอน เพียงแต่สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ “ต้องตีโจทย์ให้แตกให้ได้ไวที่สุด”.
ศิริโรจน์ ศิริแพทย์ [email protected]