5 เม.ย.ที่ผ่านมา หลังจบศึกอภิปรายโดยไม่ลงมติตาม ม.152 อุ๊งอิ๊งแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย เป็นประธานประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2567 โดยมี นายกฯ เศรษฐา ทวีสิน สมาชิกพรรคลาร่วมประชุมและพูดปลุกใจว่า 3 ปีครึ่งที่เหลือ อย่างเดียวที่ต้องการในชีวิตคือ ชัยชนะในเลือกตั้งครั้งหน้า เรียกเสียงปรบมือดังสนั่นห้องประชุม

ไฮไลต์คือเปิด “วีดิทัศน์” ผู้นำทางจิตวิญญาณ ทักษิณ ชินวัตร ตอนหนึ่ง คือ การปฏิเสธไม่ใช่พรรคอนุรักษนิยมใหม่ “บอกได้เลย ไม่อยู่ใน ดีเอ็นเอ ดีเอ็นเอเรา คือ พรรครีฟอร์ม เป็นผู้นำในการเปลี่ยนแปลง ตั้งแต่ระบบประกันสุขภาพ เอาเงินจากเมืองหลวงไปสู่ชนบท…วันนี้ก็กำลังจะทำดิจิทัลวอลเล็ต โคตรใหม่ ไม่ใช่ใหม่ธรรมดา วันนี้ไม่อยู่กับเรื่องโบราณแน่นอน เพราะโลกเปลี่ยนไป เพื่อไทย ก็ต้องปรับตัว” ก่อนรับประกัน นายเศรษฐา เป็นนักบริหาร มีประสบการณ์ มีเครือข่าย เหมาะกับช่วงเปลี่ยนผ่านที่มีหลายพรรค ขณะที่กล่าวถึง อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร ว่า

มั่นใจว่าสามารถนำทีมพลิกเกมได้ไม่ยาก เป็นดีเอ็นเอระหว่างคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ กับผม ผสมกันเป็น น..แพทองธาร คือเอาส่วนเข้มแข็งอดทนเด็ดขาดจากคุณหญิงพจมาน และเอาส่วนที่ชอบพบปะผู้คนเข้าใจการเมืองมาจากผม ไม่ใช่มาเชียร์ลูก แต่ในเมื่อผมทำได้ ดีเอ็นเอของผม ก็ต้องทำได้และทำได้ดีกว่าด้วยราวตอกยำ้ พรรคครอบครัว

ด้านหนึ่งต้องยอมรับ อุ๊งอิ๊ง เรียนรู้ได้เร็ว ปรับตัวเก่ง ตอนเป็นแคนดิเดตนายกฯแรก ๆ เรตติ้งอันดับ 1 ก่อนลดลงเรื่อย ๆ และหลุดโค้ง เมื่อ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ประกาศจุดยืนการเมืองมีลุงไม่มีเรา มีเราไม่มีลุง แล้วจบที่เพื่อไทยตระบัดสัตย์ ตั้ง รบ.สลับขั้ว แลกดีลลับ ทักษิณกลับบ้าน ที่กลายเป็นดาบ 2 คม ด้านหนึ่ง เพื่อไทย ได้เป็นรัฐบาล ด้านหนึ่ง เพื่อไทย สูญเสียความศรัทธาจากพรรคต่อสู้เผด็จการกลายเป็นพรรคตัวแทนอนุรักษนิยม

ทั้งหมดโทษอุ๊งอิ๊งคนเดียวไม่ได้ 20 ปีที่แล้ว ไทยรักไทยขายประชาธิปไตยกินได้ เป็นชัยชนะที่ครองใจประชาชน ส่งต่อมาถึง พลังประชาชน แต่ตอนนี้ การรีฟอร์มของเพื่อไทย คือ จะเปลี่ยนอะไร หากโครงสร้างการเมืองมีแต่ถอยหลังลงเหว รธน.ปี 60 แทบแก้ไม่ได้ แต่เพื่อไทยไม่กล้าแม้แต่พูดคำ ปฏิรูป ได้แต่อ้อมแอ้ม พัฒนาร่วมกัน ใด ๆ คือ พรรคเพื่อไทย กำลังเพลิดเพลินกับความได้เปรียบที่อำนาจอนุรักษ์มอบให้ชั่วคราวเพื่อกำจัดก้าวไกลหรือไม่

เฉพาะหน้าเลย สว.ลากตั้งที่กำลังจะหมดวาระ 11 พ.ค.นี้ รธน.อัปยศปี 60 เขียนกติกาสุดอัปลักษณ์ ใครจะเข้าไปเลือกสว.ต้องเสียเงิน 2,500 บาท อุบาทว์มั้ยล่ะ สว. 200 คนจาก 20 กลุ่มอาชีพ ต้องเลือกกันเอง เลือกไขว้ เลือกไต่ ในระดับตำบล จังหวัด ประเทศ จนไม่รู้คนธรรมดาจะเข้าใจได้ไง นอกจากเทวดา เราเคยเห็นพรรคเพื่อไทยประณามหรือรณรงค์ให้ประชาชนเข้าไปมีส่วนร่วมสมัครเป็น สว. เพื่อแก้ รธน.อัปลักษณ์ปี 60 หรือไม่ ปล่อยก้าวไกลกับ i Law เต้นแร้งเต้นกา ทำไปโดดเดี่ยว ราวกับเพื่อไทยพอใจกับกฎเกณฑ์บ้าบอนี้ ดีเอ็นเอ เพื่อไทย คือ การรีฟอร์ม กี่โมงหรือ

กลับมาที่ ดีเอ็นเอ แพทองธาร ที่พ่อทักษิณบอกได้จากตนกับคุณหญิงแม่นั้น หากฟัง นพ.มานพ พิทักษ์ภากร หมอผู้เชี่ยวชาญอายุรศาสตร์เวชพันธุศาสตร์ ให้สัมภาษณ์ในรายการเฮีย สุทธิชัย หยุ่น ทางยูทูบแล้ว เป็นอีกด้าน (ปรบมือให้เฮียหยุ่น ช่างสรรหาคนมาให้ความรู้ได้คมเฉียบจริง ๆ) คุณหมอถูกถามเรื่อย ๆ ว่า ตรวจ DNA ดูพรสวรรค์เด็กได้หรือไม่ จนต้องบอก เป็นเรื่องไร้สาระ เชื่อถือไม่ได้  ชัดพอยัง พ่อแม่ทั้งหลาย เลิกซะทีเถอะ

หมอนั้นไม่ได้พูดลอย ๆ ล่าสุด มีคนเอาเส้นผมคีตกวีเอกของโลกชาวเยอรมัน บีโธเฟน ไปวิเคราะห์ความถนัดทางดนตรี ผลคือ คะแนนอยู่แถว 10 เปอร์เซ็นต์ไทน์ของประชากร ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยสุด ๆ ทั้งที่บีโธเฟนคือ อัจฉริยะทางดนตรีของโลก เค้าสร้างผลงานเพลง “คลาสสิก” ทิ้งไว้มากมายก่ายกอง จนได้รับการยกย่องมากสุดในประวัติศาสตร์ก็ว่าได้ แถมหูหนวกสนิทตั้งแต่อายุ 32 ปี โดยหมอไม่รู้สาเหตุ เป็นชะตากรรมที่ตลกอย่างโหดร้ายสุดขีด

เชื่อเหอะ หมอไม่ได้จะไปสวนหรือขัดคอใครหรอก ถ้าเฮียหยุ่นไม่ซอกแซกไปเชิญมาสัมภาษณ์ แต่นี่คือความรู้ทางวิทยาศาสตร์ที่น่าสนใจ ไม่ใช่ได้คิดเอาเอง เชื่อต่อ ๆ กันมา หรือครูบอก  แบบกาลามสูตร ก็สอนเราไว้

แพทองธาร จะเป็นผู้นำเพื่อการ “รีฟอร์ม” ได้มากน้อยแค่ไหน ดีเอ็นเอ เลยไม่เกี่ยว พ่ออาจเป็นที่ปรึกษาได้ แต่ที่สุดย่อมอยู่ที่จะมีความเก่งกาจ รอบรู้ กล้าปักธง นำพรรค “เพื่อไทย” สู่การปรับตัวให้ก้าวทันโลกได้แค่ไหนต่างหาก.  

……………………….
ดาวประกายพรึก