จากนั้นไม่นานก็เกิดอาฟเตอร์ช็อก สมาชิกพรรคทยอยลาออกต่อเนื่อง ที่หลายคนต่างฟันธงว่า เกิดจากปมร้าวคนในพรรคเองที่ก่อนหน้านี้มาร่วมกันเป็นพรรคเฉพาะกิจ เกิดเป็นพรรคอนุรักษ์นิยมหนุน ”ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ชูเป็นนายกฯในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา แต่สุดท้ายไปไม่ถึงฝั่งฝัน เกิดเป็นสูตรพิสดารข้ามขั้วจัดตั้งรัฐบาล

มาถึงวันนี้ดูเหมือนพรรครวมไทยสร้างชาติอ่อนกำลังลงแพเริ่มแตก“คอลัมน์ตรวจการบ้าน” จึงต้อมาสนทนากับ “เลขาฯขิง “เอกนัฏ พร้อมพันธุ์“ เลขาธิการพรรครทสช.ถึงเรื่องราวภายในพรรคมีความขัดแย้งกันหนักจนอาจถึงขั้นพรรคแตกจริงหรือไม่

โดย “เลขาฯพรรครทสช.”เปิดประเด็นขอยืนยัน ว่า ข่าวที่ปรากฏเป็นข่าวลือทั้งหมด มีการผสมกันระหว่างเรื่องจริงและเรื่องไม่จริง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเรื่องที่ไม่จริง ไปสอบถามข้อเท็จจริงภายในพรรคกับสส.ของพรรคหรือใครก็ได้ จะออกมายืนยันเป็นเสียงเดียวกันหมดว่าภายในพรรคมีความกลมเกลียวและมีความสามัคคีกัน และสส.ที่ทำงานขับเคลื่อนการเมืองกับพรรคทุกคนรู้ดีว่า ส่วนตัวแต่ละคนต้องปฏิบัติหน้าที่อะไร ทำงานเพื่อรักษาฐานคะแนนเสียงไว้ให้มากที่สุด ส่วนสส.บัญชีรายชื่อก็มีการแบ่งภารกิจให้แต่ละคนไปทำอย่างชัดเจน

“ผมยืนยันมาตลอดว่าเราทุกคนทำงานเป็นทีมเดียวกัน แต่เพราะว่าเราแบ่งงานกันทำ ภาพจึงออกมาเหมือนต่างคนต่างทำงาน แต่ไม่ใช่ และผมต้องถามย้อนไปว่า ที่บอกว่าพรรคแตกต้องแตกขนาดไหน   ถึงเรียกว่าพรรคแตก”

 ในทางการเมืองวิวัฒนาการของพรรคการเมืองทุกพรรค เป็นเรื่องปกติมากที่จะต้องมีคนเข้าและคนออก วันนี้เรามาโฟกัสอยู่ที่คนออกไม่กี่คน แต่เราไม่เคยไปดูเลยว่าพรรครทสช.มีคนมาสมัครสมาชิกเพิ่มเท่าไหร่ ในแต่ละเดือนมีเยอะมาก ไม่ใช่มีแต่สมาชิกออกอย่างเดียว ยอมรับว่าเรื่องการหมุนเวียนเปลี่ยนผ่านภายในพรรค เป็นเรื่องปกติของทุกพรรคการเมือง และคนที่ออกไปก็ไม่ได้ออกด้วยความขัดแย้ง แต่เขามีภารกิจส่วนตัว ที่เขาต้องไปทำ ซึ่งพรรคก็รับทราบและเข้าใจตรงนี้

@ ปัญหาที่เกิดขึ้นจะทำอย่างไรให้ภายในพรรคเกิดความสมัครสมานสามัคคีกัน ให้สามารถกลับมาทำงานร่วมกันได้ต่อไป

ทุกพรรคการเมืองมีปัญหาเหมือนกันหมดและมีอยู่ตลอดเวลา ขึ้นอยู่ว่าปัญหาคืออะไร ทุกพรรคผมเชื่อว่าภายในพรรคมีความคิดที่แตกต่าง และหลากหลายกันออกไป อาจจะมีความไม่ลงตัวบ้าง แน่นอนปัญหามีบ้าง แต่ปัญหามีไว้แก้ไข ฉะนั้นผมคิดว่าจะมีหรือไม่มีปัญหา เรื่องความพยายามที่จะรวบรวมทุกคนมาทำงาน เพื่อให้เกิดความสมัครสมานสามัคคี และความกลมเกลียวกันเป็นสิ่งที่ผู้บริหารทุกคนภายในพรรคพยายามทำกันอยู่แล้ว

@ในวันที่ไม่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อยู่พรรครทสช. ความยึดโยงของพรรคเหมือนไม่เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน จะเดินหน้าพรรคกันต่อไปอย่างไร

ผมยืนยันได้ว่าจิตวิญญาณของพล.อ.ประยุทธ์ยังอยู่กับพรรค เพราะต้องยอมรับว่าถือเป็นประวัติศาสตร์ที่ท่านเข้ามาร่วมก่อตั้งพรรครทสช. เรื่องนี้ลบออก และเปลี่ยนออกไปไม่ได้ เพราะท่าน คือ คนที่มีคุณูปการกับพรรคและเป็นคนที่ก่อตั้งพรรค และตั้งชื่อให้กับพรรค รวมถึงยังเป็นผู้นำคนแรก ที่อาสามาเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ของพรรค ฉะนั้นยิ่ง “พล.อ.ประยุทธ์” ไม่อยู่ ผมยืนยันว่า พรรคเราต้องสานต่อเจตนารมณ์ของพล.อ.ประยุทธ์ ที่เคยให้ไว้ตรงนี้ต่อไปให้ได้  คือเจตนารมณ์ที่ทุกคนในพรรคจะต้องทำงานอย่าง “ซื่อสัตย์สุจริต เพื่อประเทศชาติ และบ้านเมือง”

“ผมเชื่อว่าแรงบันดาลใจและจิตวิญญาณของพล.อ.ประยุทธ์จะยังคงอยู่กับพรรคไม่ไปไหน และยุทธศาสตร์ของเรายังคงเหมือนเดิม ที่หลายคนเรียกว่า พรรคฝั่งขวา แต่ต้องเป็นขวาที่ทันสมัยและเป็นขวารุ่นใหม่  เป็นยุทธศาสตร์ที่เปลี่ยนไม่ได้ แต่กลยุทธ์หรือการบริหารจัดการ เราต้องปรับปรุงเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาอยู่แล้ว ทั้งเรื่องการวางแผนในระดับพื้นที่ การจัดตั้งเตรียมความพร้อมในการเลือกตั้งครั้งหน้า ในทุกระดับตั้งแต่ระดับท้องถิ่น ไปจนถึงเลือกตั้งระดับประเทศ พรรคเรามีการเตรียมความพร้อมไว้หมดแล้ว”  

ที่ผมพูดอยู่ ผมไม่อยากพูดมาก ว่า เรามีอะไรหรือทำอะไร เพราะเดี๋ยวจะหาว่าพรรคผมดีแต่พูด แต่ไม่ทำอะไร  เรามีการเตรียมความพร้อมกันตลอดเวลาทั้ง เรื่องการปรับปรุงการสื่อสารให้ทันสมัยมากที่สุด มีการดึงคนรุ่นใหม่เข้ามาช่วยกันทำงาน แต่การปรับปรุงอะไรก็แล้วแต่ จะต้องยังคงต้องสะท้อนภาพลักษณ์ของพรรคแบบที่เราอยากให้เป็นต่อไปด้วย

@มีความเป็นไปได้หรือไม่ในอนาคตที่พรรคจะไปยุบรวมกับพรรคอื่น หรือจะยังคงอยู่เป็นพรรครวมไทยสร้างชาติแบบนี้เหมือนเดิม

พรรคยังคงเป็นพรรครวมไทยสร้างชาติอยู่เหมือนเดิม ก็มีข่าวต่างๆว่า พรรคโน้น พรรคนี้จะมาอยู่กับเรา หรือเราจะไปยุบอยู่รวมกับพรรคไหน ยืนยันว่า ไม่มี สำหรับเรา เราเดินหน้าทำงานการเมืองด้วยอุดมการณ์ และจุดยืนที่ชัดเจน ตั้งแต่ก่อนเข้าร่วมรัฐบาล ซึ่งไม่ว่าจะถูกแรงเสียดทาน มีความท้าทาย หรือมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างไร เราก็เดินไปข้างหน้าด้วยอุดมการณ์นี้ และจุดยืนที่แน่วแน่ ซึ่งเป็นสิ่งที่เราได้ประกาศไว้ชัดเจนตั้งแต่เริ่มตั้งพรรค

ตนได้ประกาศไว้ว่าต้นทุนสำคัญที่สุดของพรรค คือแรงศรัทธา ไม่ใช่อย่างอื่น เพราะที่เราได้คะแนนเสียงมา มาจากคะแนนเสียงของประชาชนที่เลือกเรามา ฉะนั้นเราต้องทำงานให้ตอบโจทย์กับคนที่เลือกเรามา นั่นคือสิ่งที่สำคัญที่สุด สิ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนคือจุดยืน และอุดมการณ์ของพรรครวมไทยสร้างชาติอย่างที่ผมเคยประกาศไว้

@หลายคนมองว่าพรรครทสช.ที่ตั้งขึ้นมาเป็นได้แค่พรรคเฉพาะกิจคิดอย่างไร

ผมยืนยันมาไม่รู้กี่ครั้งแล้วว่าพรรครวมไทยสร้างชาติไม่ใช่พรรคเฉพาะกิจล้านเปอร์เซ็นต์ มีเสียงวิจารณ์ว่าพรรคตั้งขึ้นมา เพื่อเป็นนั่งร้านให้กับพล.อ.ประยุทธ์ เราก็เห็นชัดเจนว่าหลังจากที่พล.อ.ประยุทธ์ ลาออกจากสมาชิกพรรคไปเป็นองคมนตรี พรรคนี้ก็ยังเดินหน้าทำงานต่อไป ด้วยสิ่งที่เราเรียกว่า จิตวิญญาณในการทำงานที่ทุกคน

พวกเราสวมจิตวิญญาณของพล.อ.ประยุทธ์ ที่เคยให้ไว้ตั้งแต่เป็นสมาชิกพรรค  รวมถึงมีดีเอ็นเอรูปแบบการทำงาน ที่มี ความซื่อสัตย์ สุจริต มีความตรงไปตรงมา และปณิธานที่แน่วแน่ของพล.อ.ประยุทธ์ที่จะทำงานให้กับส่วนรวมให้กับประเทศชาติบ้านเมือง นี่คือ “ดีเอ็นเอ” ที่เราพกติดตัวและเดินหน้าทำงานสานต่อเจตนารมณ์ตรงนี้  ถึงแม้วันนี้จะไม่มีพล.อ.ประยุทธ์พรรครวมไทยสร้างชาติ ก็เดินหน้าทำงานต่อไป ยืนยันและย้ำอีกครั้งว่า พรรครวมไทยสร้างชาติ เราไม่ใช่พรรคเฉพาะกิจ และทุกคนในพรรคก็ตั้งหน้า ตั้งตาทำงาน เพื่อสู้ศึกการเลือกตั้งในครั้งต่อไป.

คลิกอ่านบทความทั้งหมดได้ที่นี่