วันนี้ขอพูดเกี่ยวกับความเดือดร้อนของเกษตรกรผู้เลี้ยงวัวเป็นอาชีพหลัก-อาชีพเสริม เนื่องจากปัญหาวัวไทยล้นตลาดนับแสนตัว ตามสภาพเศรษฐกิจ ผู้คนลดการบริโภคเนื้อวัว ส่งผลให้ราคาตกต่ำ ภาวการณ์ซื้อ-ขายฝืด  จากราคา กก.ละ 90-95 บาท (วัวเป็น ๆ ในตลาดล่าง) ปัจจุบันเหลือไม่ถึง กก.ละ 70 บาท

นอกจากนี้ช่วงกลางเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา ยังมีข่าวออกมาซ้ำเติมเกษตรกรผู้เลี้ยงวัว ว่ากระทรวงเกษตรฯ โดยคณะกรรมการนโยบายพัฒนาโคเนื้อ-กระบือ และผลิตภัณฑ์แห่งชาติ (Beef Board) มีมติปลดล็อก! ให้มีการนำเข้าวัวเนื้อ-กระบือ จากประเทศเมียนมา โดยอ้างนำเข้ามาเลี้ยงไปสักพัก แล้วพ่วงกับวัวไทยเพื่อการส่งออกไปเวียดนาม และจีน

วัวในประเทศไทยยังล้นตลาดอยู่เป็นแสน ๆ ตัว แล้วจะเอาวัวจากเมียนมาซึ่งมีต้นทุนการเลี้ยงอยู่ที่ กก.ละ 40 บาท เข้ามาซ้ำเติมเกษตรกรไทยทำไม? ตราบใดที่การส่งออกวัวไปเวียดนามในปัจจุบันทำได้ไม่มากนัก ยังไม่มากมายเหมือนในอดีต ขณะที่ตลาดจีนแม้จะมีความต้องการบริโภคเนื้อวัวอีกจำนวนมาก

แต่การเจรจาระหว่างกรมปศุสัตว์ของไทยกับหน่วยงานของจีนกำลังดำเนินไปด้วยแนวโน้มที่ดี หลังจากฝ่ายจีนส่งคำถามมาให้ตอบถึง 11 ข้อ

ขณะที่ฝ่ายไทยยื่นข้อเสนอขอส่งวัวเป็น ๆ เข้าไปเมืองจีน โดยไม่ต้องผ่าน สปป.ลาว เพื่อลดค่าใช้จ่ายในด้านต่าง ๆ ลงไป และลดระยะเวลาการขนส่ง ด้วยการขนส่งทางเรือ ทั้งทางทะเลและแม่น้ำโขง แบบรวดเดียวถึงเมืองจีน

“พยัคฆ์น้อย” ทราบว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ตัดสินใจสั่งเบรก! ยังไม่ให้มีการนำเข้าวัวจากเมียนมา เพราะรู้เรื่องสถานการณ์วัวในประเทศไทยล้นตลาด-ราคาตกต่ำ!

ดังนั้นถ้าขืนปล่อยให้นำเข้ามาแล้วอาจมีช่องโหว่ เรื่องทุจริต การจ่ายใต้โต๊ะให้เจ้าหน้าที่รัฐ เพื่อไม่ต้องนำวัวจากเมียนมาอยู่ที่ด่านกักกันโรคตามแนวชายแดนครบ 45 วัน คือมองดูแล้วมี “ผู้นำเข้าวัว” ได้ประโยชน์เพียงไม่กี่ราย แต่เกษตรกรจะเดือดร้อนกันอย่างหนักทั่วประเทศ

ที่สำคัญคือการเจรจาระหว่างกรมปศุสัตว์กับหน่วยงานจีน อาจสะดุดหรือล่าช้าออกไปอีก จากความวิตกกังวลเรื่องโรคระบาดในวัว ที่กิน-นอนอยู่ในด่านกักกันโรคไม่ครบ 45 วัน! จากเงื่อนไข “เงินใต้โต๊ะ” ตัวละ 1,500-2,000 บาท

ปัจจุบันรัฐบาลนายเศรษฐาทราบดีว่า 1.ถึงจะสั่งเบรก! ยังไม่ให้มีการนำเข้าวัวจากเมียนมา แต่ยังคงมีการลักลอบนำเข้ามาบ้างในปริมาณไม่มาก ซึ่งเป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่รัฐทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ชายแดนทางด้าน จ.ตากกาญจนบุรี-แม่ฮ่องสอน-ประจวบคีรีขันธ์-ระนอง ต้องสอดส่องดูแลและจับกุมอย่างเข้มงวด แต่ถ้าไม่สั่งเบรกไว้เลย! วัวจากเมียนมาจะทะลักเข้ามาเป็นจำนวนมาก

2.การส่งวัวออกไปต่างประเทศ ถ้าไม่ทำให้ถูกต้อง! ประเภทที่ว่าลักลอบส่งออก ก็ต้องจ่ายใต้โต๊ะกันเพียบ! ซึ่งสุดท้ายแล้วไปไม่รอด! ดังนั้นจึงต้องค่อย ๆ เจรจาให้มีการส่งออกวัวเข้าไปอย่างถูกต้องตามระบบ

3.การเจรจาค้าขายกับฝ่ายจีน หลาย ๆ กรณีมีการตัดพ้อถึงโครงการรถไฟฟ้าจีน-ไทย ที่หยุดอยู่แค่กรุงเวียงจันทน์ สปป.ลาว ยังไม่ต่อเชื่อมเข้ามาถึงฝั่งไทย ส่งผลให้การเจรจาในหลายกรณียังสะดุดอยู่ รวมไปถึงการส่งออกวัว

วันนี้รัฐบาลทราบว่าวัวล้นตลาด ขณะที่วัวเมียนมานอนอยู่ตามชายแดนจำนวนมาก เพื่อรอเข้าไทย ท่ามกลางสภาพเศรษฐกิจไม่ค่อยดี จึงต้องเร่งเจรจากับจีน-ตะวันออก กลาง เพื่อระบายวัวออกไป ส่วนโครงการโคแสนล้าน ไม่รู้ว่ารัฐบาลทราบหรือเปล่า? ว่าสภาพปัจจุบันเป็นแบบนี้ ใครจะไปกู้เงิน ธ.ก.ส.มาเลี้ยงวัว? ขอกู้แล้วจะผ่านหรือเปล่ายังไม่รู้?.

………………………………………….
พยัคฆ์น้อย

อ่านบทความทั้งหมดที่นี่…