ประเดิมเป็นรายแรก!! กับบริษัท เอเชียประกันภัย 1950 จำกัด (มหาชน) ที่ถูกกระทรวงการคลัง สั่งถอนใบอนุญาตประกอบธุรกิจประกันวินาศภัย เพื่อเซ่นพิษประกันโควิด เจอ-จ่าย-จบ

แม้เอาเข้าจริงแล้ว สาเหตุหลักเกิดจากปัญหาหนี้สิน เกินกว่าทรัพย์สิน มีฐานะการเงินไม่มั่นคง ไม่สามารถดำรงเงินกองทุนให้ครบถ้วนได้ตามกฎหมายที่กำหนด ก็ตาม

แต่!! ก็ปฎิเสธไม่ได้ว่า สุดท้ายแล้ว เรื่องของประกันโควิด ได้กลายเป็น “ฟางเส้นสุดท้าย” ที่ทับถมกันลงมา จนทำให้บริษัทไม่สามารถต้านทานไว้ได้ และไปต่อไม่ไหว จนสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย หรือ คปภ. ต้องสั่งให้หยุดรับประกันภัยตั้งแต่วันที่ 23 ก.ย.ที่ผ่านมา

และหลังจากที่ คปภ. เข้าไปควบคุมกิจการจนถึงเวลานี้ ได้ให้บริษัทจ่ายสินไหมทดแทนแก่ผู้เอาประกันโควิดไปแล้ว กว่า 13,000 ราย คิดเป็นวงเงินค่าสินไหมรวมกกว่า 800 ล้านบาท

ทั้งนี้ จากข้อมูล คปภ.พบว่า การขายประกันโควิดตั้งแต่ปี 2563 จนถึงสิ้นเดือน ส.ค. 2564 มียอดกรมธรรม์สะสมสูงถึง 39.86 ล้านฉบับ เบี้ยประกันภัยสะสมรวม 11,250 ล้านบาท และเคลมสะสมถึง 9,428.63 ล้านบาท

ที่สำคัญ ณ เวลานี้ จำนวนผู้ร้องเรียนเรื่องเคลมประกันโควิด ก็เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และไม่ใช่มีเพียง เอเชียประกันภัย เพียงแค่รายเดียวเท่านั้น ที่บรรดาผู้ซื้อประกันเข้ามาร้องเรียน

ยังมีบริษัทอื่น…ที่กำลังเป็นข่าวโด่งดัง มีการปล่อยคลิปการทวงสินไหม กันว่อนโลกโซเชียลอยู่ทุกวันนี้ ซึ่ง คปภ. เองก็กำลังจับตาและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพื่อไม่ให้เกิดซ้ำรอย เหมือนกับเอเชียประกันภัย เข้าให้อีก

ซึ่งก็ต้องติดตามกันอย่างใกล้ชิดกันต่อไป ว่าสุดท้ายแล้ว บริษัทที่ว่านี้จะเดินหน้าต่อกันไปอย่างไร?

เรื่องประกันโควิด เจอจ่ายจบ นี้ ได้กลายเป็นบทเรียนอันยิ่งใหญ่ เป็นบทเรียนครั้งสำคัญให้กับบริษัทประกันภัยทุกแห่ง ซึ่งหลายรายก็ไหวตัวทัน ปรับเปลี่ยนเงื่อนไขกรมธรรม์ใหม่เมื่อครบระยะเวลา ไม่ให้กระทบกระเทือนฐานะการเงินของตัวเอง

เพราะประกันภัยโควิด จะเป็นการคุ้มครองแบบปีต่อปี ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องแปลกของผู้ทำธุรกิจ ที่เห็นท่าไม่ดี ก็ต้องเปลี่ยนแปลง แม้ คปภ.ออกคำสั่งไม่ให้ยกเลิก แต่ก็มีการเปลี่ยนแปลงกรมธรรม์ เพื่อให้รับไหว

แล้วก็ไม่ใช่เพียงแค่ธุรกิจประกันเท่านั้น ที่ต้องพบเจอกับความโหดของพิษโควิด แต่ทุกธุรกิจก็หนีไม่พ้นพิษของโควิด บางรายต้องล้มหายตายจาก บรรดาแรงานเดือดร้อนตกงานเป็นหลักล้านคน

เพียงแต่เรื่องของประกันเจอจ่ายจบ เหมือนเป็นหลุมดำ ที่ผู้ทำธุรกิจเห็นประโยชน์ เห็นผลตอบแทนมหาศาล เพียงแต่เรื่องมันกลับตาลปัตร กลายเป็นว่า…พิษโควิดกลับขยายใหญ่โต จากผลประโยชน์ก้อนโตกลายเป็นติดลบ

ผู้บริหารในแวดวงประกันภัย ให้ข้อคิด ไว้ว่า แม้ไม่มีที่ใดในโลกขายประกันโควิด แต่เมืองไทยมีก็เพื่อช่วยเหลือคนไทยได้มีหลักประกันคุ้มครองตัวเอง แล้วก็เชื่อได้เลยว่าแต่ละคนที่มีกำลัง ไม่ได้ถือกรมธรรม์โควิด เพียงฉบับเดียว

ด้วยเหตุนี้…จึงทำให้ประกันโควิด กลายเป็นที่ต้องการของตลาดมากมาย และด้วยฝีมือการสกัดกั้นเชื้อโควิดได้ดีเมื่อปีที่แล้ว ก็ทำให้บรรดาบริษัทต่างโกยกำไรกันถ้วนหน้า

พอมาเจอระบาดในระลอกเดือน เม.ย. ที่ผ่านมา กลายเป็นว่าประกันโควิดยิ่งขายดี เพราะคนต้องการหลักประกัน ยิ่งในช่วงวิกฤติของเหตุการณ์ระบบประกันต้องเข้ามาดูแลรับผิดชอบค่าใช้จ่ายสารพัดแทนผู้เอาประกัน

สารพัดค่าใช้จ่ายจึงบังเกิดขึ้นกับธุรกิจ หลายรายพอรับได้ แต่หลายรายก็รับไม่ไหว จึงเกิดเป็นข่าวอย่างที่เห็น!

อย่างไรก็ตามในแง่ของระบบประกันภัยทั้งหมดแล้ว “สุทธิพล ทวีชัยการ” เลขาธิการ คปภ. การันตี ว่าไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง เพราะเงินกองทุนแต่ละรายยังเป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนด และสามารถรองรับได้

เพื่อความไม่ประมาท ทาง คปภ.เองได้ออก 7 มาตรการ ช่วยเสริมสภาพคล่องให้กับบริษัทประกัน เพื่อลดปัญหาการจ่ายค่าสินไหมล่าช้า ไม่ทำให้ประชาชนเดือดร้อน

ในกรณีที่เกิดขึ้นจากบริษัทเอเชียประกันภัย มีกองทุนประกันวินาศภัย เข้ามาดูแลผู้ถือกรมธรรม์ทุกราย พร้อมจัดตั้งศูนย์ให้คำแนะนำ รับเรื่องร้องเรียน รับคำขอรับชำระหนี้ ตามกระบวนการดูแล

แต่อย่าลืมว่า ณ เวลานี้ การระบาดของไวรัสโควิด ยังไม่สิ้นสุด แม้แนวโน้มดูดีขึ้น ทั้งผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิต แต่ก็ใช่ว่าจะดีขึ้นทุกวัน เพราะการติดเชื้อในแต่ละวันยังอยู่ในหลักหมื่นราย แถมอีกไม่กี่วัน ก็จะมีการเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยวกันแล้ว และเชื่อว่ายังไม่มีใครดาเดาสถานการณ์ได้ว่า มีอะไรเกิดขึ้นบ้าง

เอาเป็นว่า…ถ้าคุมได้ เหตุการณ์ไม่เลวร้าย ก็ถือว่าโชคดีไป แต่ถ้าตรงกันข้าม!! ก็เชื่อได้ว่าไม่ว่าธุรกิจไหนก็มีความเสี่ยง!!

……………………………………….
คอลัมน์ : เศรษฐกิจจานร้อน
โดย “ช่อชมพู”