ถ้าหากว่า “บ้าน” คือปราการด่านสุดท้าย ที่จะป้องกันเราจากเหล่าปิศาจที่ชั่วร้าย หลังจากโลกเกิดการล่มสลาย คุณจะใช้ชีวิตอย่างไร? นี่คือภาพยนตร์ที่จะมาไขคำตอบจากคำถามเหล่านี้ “Never Let Go ผูกเป็น หลุดตาย” ความยาว 1 ชม. 41 นาที ฝีมือผู้กำกับมากฝีมือ “อเล็กซองดร์ อาฌา” เจ้าของผลงานอย่าง High Tension (2003) ผนึกกำลังกับ “ฮัลลี เบอร์รี” ดาราสาวชื่อดังที่ขึ้นแท่นผู้อำนวยการสร้าง ลงมือคัดสรรเหล่านักแสดง เพื่อให้เหมาะสมและใกล้เคียงกับตัวละครในเรื่องนี้มากที่สุด

เรื่องย่อ “Never Let Go ผูกเป็น หลุดตาย”
เมื่อ คุณแม่เลี้ยงเดี่ยว (รับบทโดย ฮัลลี เบอร์รี) ต้องคอยดูแลลูกชายฝาแฝด 2 คนคือ ซามูเอล และ โนเลน (รับบทโดย แอนโธนี บี. เจนกินส์ และ เพอร์ซี แดกกส์ ที่ 4) ท่ามกลางป่าบรรพกาล มีแต่ต้นไม้และทิวเขามืดครึ้ม รายล้อมไปด้วยเหล่าปิศาจสุดสยอง พวกมันพยายามล่อลวงให้คนในบ้าน เดินออกมาตัวเปล่า ๆ โดยไร้เชือกผูกมัดป้องกันภยันตราย เพราะเพียงแค่สัมผัสเดียว ก็จะเปลี่ยนคนให้เป็นปิศาจได้ คุณแม่เลี้ยงเดี่ยวกับลูก ๆ จะอยู่กันอย่างไร เมื่ออาหารเริ่มขาดแคลนลงไปเรื่อย ๆ พวกเขาจะมีชีวิตรอดหรือไม่ สามารถติดตามกันได้ในโรงภาพยนตร์เท่านั้น

จุดแข็ง
สิ่งแรกที่ต้องชื่นชมมาก ๆ คือ งานภาพและงานโปรดักชั่นที่ใส่ใจในรายละเอียด โดยเรื่องนี้ลงทุนไปถ่ายทำในสถานที่จริง โลเคชั่นบ้านกลางป่าเขาในแถบ “แวนคูเวอร์” ประเทศแคนาดา ถ่ายทอดบรรยากาศป่าเขาที่ดูยังไงก็ชวนอึดอัด (หนังใช้กล้อง 65 มม. กับเลนส์มุมกว้าง ทำให้ภาพมีความลึกทั้งที่อยู่ในวงจำกัด) ขณะที่บรรยากาศในบ้านกลับดูอบอุ่น โดยเฉพาะห้องนอนของเด็ก ๆ ซึ่งจะมีรายละเอียดบ่งบอกถึงนิสัยใจคอของเด็ก ๆ ด้วย เช่น ฝั่งของ “ซามูเอล” จะเต็มไปด้วยของสะสมจากธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นกระดูก หรือขนนก ทั้งหมดจัดวางอย่างเป็นระเบียบ ในขณะที่ฝั่ง “โนแลน” กลับตกแต่งด้วยภาพวาด แผนที่ของโลกที่พวกเขารู้จัก เท่าที่ความยาวเชือกจะพาพวกเขาไป

ในส่วนของบทหนัง มีการแฝงไปด้วยปรัชญาทางโลกมากมาย “เชือก” สื่อไปถึงตัวแทนของความปลอดภัยและการกักขัง รวมไปถึงภาพสะท้อนของ “สายสะดือ” ที่เชื่อมโยงครอบครัวเข้ากับบ้าน มุมมองวิพากษ์ปัญหาการเลี้ยงดูเด็ก การปกป้องลูกเกินไป จนกลายเป็นการจำกัดอิสระ รวมไปถึงจุดสมดุล ระหว่างการปกป้องลูกกับการให้เสรีภาพเพื่อให้พวกเขาได้เติบโต และที่ต้องชื่นชมมาก ๆ ในเรื่องนี้ก็คือ งานการแสดงของเหล่าดาราเด็ก และ “ฮัลลี เบอร์รี” ดูลื่นไหลราวกับเป็นแม่ลูกจริง ๆ โดยเฉพาะฝ่ายดาราสาว ที่ทำการบ้านมาดีมาก ลงทุนแปลงโฉมตัวเองให้โทรมลงไปเรื่อย ๆ เพื่อสื่อให้เห็นถึงบทบาทการใช้ชีวิตที่ยากลำบากมานานหลายปี

จุดอ่อน
บทหนังชวนให้ผู้ชมรู้สึกคล้อยตามและขัดแย้งในเวลาเดียวกัน บางคนอาจสับสนและงงกับการดำเนินเรื่องที่คาดเดาได้ยาก อีกทั้งช่วงท้ายเรื่อง เต็มไปด้วยหดหู่มากมาย จึงอาจไม่เหมาะกับเด็กและเยาวชน รวมไปถึงบุคคลที่จิตใจอ่อนไหวง่าย

4/5 กะโหลก ถือเป็นหนังแนวสยองขวัญที่ดูแล้วรู้สึกอิ่มเอม ไม่ต้องเน้นจังหวะผีตุ้งแช่ ก็ยังหวาดผวาได้ ฉากกลางคืนมีการใช้เทคนิค DAY FOR NIGHTทำออกมาได้วังเวงและสวยงามมาก ดูจบแล้วลุกจากเบาะได้เลยไม่มี end credit แต่เชื่อว่าหลายคนจะเกิดความคาใจในหลายประเด็น คาดเดาไปได้ว่า หากหนังประสบความสำเร็จก็อาจมีภาคต่อ หรือต้นกำเนิดบ้านกลางป่า เพื่อคลี่คลายความคาใจทั้งหมด..ก็เป็นได้

———————————————

คอลัมน์ : ดูหนังกับหมี
โดย : แพนด้าอ้วน

ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก มงคลเมเจอร์