ซึ่งทฤษฎีสมคบคิดจากบางคน ก็เชื่อว่า “นายกฯเสี่ยนิดโดนวางยา” เพราะอาจมี “ใบสั่ง” จากใครบางคนให้มอบตำแหน่งเพื่อเป็นการทำให้นายพิชิต“เป็นผู้ไม่มีมลทินมัวหมอง” และอาจคิดว่า ถึงไม่เหมาะสมแต่น่าจะเป็นเสียงข้างน้อย ปรากฏว่าเสียงดันปริ่มไปข้างมากให้นายกฯเสี่ยนิดไม่มีคุณธรรมจริยธรรม ซึ่งส่งผลให้“ขาดคุณสมบัติความเป็นนายกฯโดยอัตโนมัติ” จะให้กลับมาได้ก็ต้องแก้-ยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่
Moral Effect ผลกระทบจากจริยธรรมล้นนี้ ทำให้เมื่อตั้ง “นายกฯอิ๊งค์” น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ในสภาสำเร็จ ครม.ก็ไม่ได้ตั้งเสียที เพราะเชคประวัติกันยิบ มีคลิปเสียงหลุดออกมาว่า “มีคนใหญ่คนโตในพรรคพลังประชารัฐ ( พปชร.) อยากเป็นนายกฯ” ซึ่งก็น่าจะอยากเป็นจริงๆ เพราะวันที่สภาฯลงมติเลือกนายกฯอิ๊งค์ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค โมโหแบบตีหัวนักข่าวป้าบ..ป้าบ..ทำให้กลายเป็นประเด็นให้ สส.พรรคเพื่อไทยวิพากษ์วิจารณ์ในที่ประชุมพรรคออกอาการไม่สบายใจ ว่า “ขนาดมาเลือกนายกฯ ซึ่งเป็นวาระสำคัญยังไม่มา”..แบบว่า แสดงถึงความกระด้างกระเดื่องต่อพรรคจัดตั้งรัฐบาล หรือ..ภาษาใต้เรียก..ทำนุ้ย..ที่ไม่ได้ถูกเสนอชื่อเป็นแคนดิเดตนายกฯ ..แล้วจะอยู่กันได้ไหม
พปชร.ตกต่ำลงอีก เนื่องจากตั้งรัฐบาลกันช้า “บิ๊กป้อม”พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ( พปชร.) ปรับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ออกจาก รมว.เกษตรและสหกรณ์ในโควตา พปชร.แล้วเอานายสันติ พร้อมพัฒน์ แกนนำกลุ่มมะขามหวานเพชรบูรณ์ไปเป็นแทน ทำให้ ร.อ.ธรรมนัสฉุนขาด ประกาศตัดเป็นตัด “ผมทำเพื่อคนๆ หนึ่งมาพอแล้ว” พร้อมทั้งยกโขยงกลุ่ม สส. เตรียมออกจาก พปชร.รอแค่การขับออก ซึ่งข่าวว่า “วันแถลงข่าวว่าใครกลุ่มเพื่อนธรรมนัส มีการต่อรองกันแบบสุดฤทธิ์สุดเดช ให้บางคนยังอยู่พรรคกับบิ๊กป้อม ไม่ไปฝั่งผู้กอง”
ผู้กองธรรมนัสพูดว่า “ผมทำเพื่อคนๆ หนึ่งมาพอแล้ว” ทีนี้พวกแมงลือก็หูลุกตาลุก ตั้งสมมุติฐานกันใหญ่ว่า..หรือคราวที่อภิปรายไม่ไว้วางใจ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ครั้งแรก แล้วเกิดความหมางใจอะไรกันในพรรค พปชร. จนบิ๊กตู่ประกาศปลด ร.อ.ธรรมนัส ในฐานะ รมช.เกษตรและสหกรณ์ และนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ อดีต รมช.แรงงาน ออกแบบขบเหลี่ยมกันสุดฤทธิ์ คือ ร.อ.ธรรมนัสแถลงลาออก แต่ราชกิจจานุเบกษาปรับออกดันออกเวลาเดียวกัน แสดงว่า “บิ๊กตู่จัดการไปก่อนแล้ว” …และพวกทฤษฎีสมคบคิดก็เอาเรื่องมาผูกกันว่า “สงสัยป้อมอยู่เบื้องหลังให้ธรรมนัสจัดการ” แบบว่าให้เสียงโหวตไว้วางใจนายกฯ บิ๊กตู่ขาด เพื่อเปลี่ยนนายกฯ ..แต่ก็มีแมงลือบางคนบอกว่า “บิ๊กป้อมไม่มีชื่อเป็นแคนดิเดตนะ” เขาก็ว่า..ก็อาจหวังผลให้นายกฯตู่ยุบสภาก็ได้ แล้วทีนี้เสนอตัวเป็นแคนดิเดต
คาดว่า บิ๊กตู่ก็คงรู้อะไรกับ “พี่ชายที่แสนดี” คนนี้อยู่พอสมควร แต่น้ำขุ่นไว้ในน้ำใสไว้นอก กลืนเลือดไว้ตามประสาชายชาติทหาร..ก็ถ้ายังไปกันได้ ทำไมบิ๊กตู่ต้องไปพรรครวมไทยสร้างชาติ ? ( รทสช.)
ผลจากการที่พรรคเพื่อไทยเอาพรรค พปชร.ออกจากพรรคร่วมรัฐบาล เกิดดีลประวัติศาสตร์แบบหลายคนตาค้าง .. เมื่อ “เสี่ยต่อ”นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นำพรรคเข้าร่วมรัฐบาลกับเพื่อไทย!! ทั้งที่ตั้งแต่คดีเสื้อแดงจะผีไม่เผาเงาไม่เหยียบกัน ..ซึ่งเอาจริง คนก็ทำนายกันอยู่ว่า “ประชาธิปัตย์อยากร่วมรัฐบาลอยู่แล้ว” สังเกตได้จากการเลือกหัวหน้าพรรคที่ล่มกันไม่รู้แล้ว ประชุมเช้า โหวตบ่าย องค์ประชุมหาย…จนกระทั่งครั้งที่สามถึงได้เสี่ยต่อและ “นายกชาย”นายเดชอิศม์ ขาวทอง คนดังเมืองสงขลาเข้ามาเป็นเลขาธิการพรรค ..ซึ่งวันนี้เชื่อว่า หลายคนก็ยังสงสัยว่า “นายกชาย” ไปพบอะไรกับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯที่ฮ่องกง ..วันนี้ก็พอจับแพะชนแกะได้แล้วว่า “น่าจะไปขอร่วมรัฐบาล” เพราะนายเดชอิศม์ก็คนคุ้นเคยกับอดีตนายกฯแม้ว เคยลง สส.ในนามพรรคไทยรักไทย
เล่นเอาพรรคประชาธิปัตย์แทบแตก .. คนดัง ๆอดีต สส.ลาออกไปหลายคนเพราะรู้สึกรับไม่ได้ ซึ่งก็ต้องรอดูหากมีเลือกตั้งใหม่ว่าเสี่ยต่อจะนำทัพได้ สส.มากน้อยแค่ไหน ..คนประชาธิปัตย์เดิมที่คะแนนสูงๆ ไม่ย้ายไปรวมไทยสร้างชาติ ( รทสช.) ก็ภูมิใจไทย เพราะสองพรรคนี้คะแนนดีในภาคใต้ …ก็เห็นภาพได้ว่า ก่อนตั้งรัฐบาล “อิ๊งค์1” เหมือนจะแตกไปสองพรรคเรียบร้อย ..แฟนคลับประชาธิปัตย์บางคนบอกว่า เตรียมตัวสั่งสอนพรรคโดยไปเลือกพรรคอื่น ..ส่วนทาง พปชร.ก็มีข่าวพรรคแตก กลุ่มนายสันติ พร้อมพัฒน์ และกลุ่มนายวราเทพ รัตนากร จะกลับไปเพื่อไทย ..จนถึงที่ผู้กองธรรมนัสแย้มว่า จะมีผู้สมัคร สส.พปชร.เกรดดีๆ คะแนนสองหมื่นขึ้นเข้าไปอยู่พรรคกล้าธรรม
มีข่าวลือหึ่งว่า คนที่ยังอยู่กับบิ๊กป้อม เพราะหัวหน้าพรรคอยากลงเล่นการเมืองอีกสมัย ซึ่งก็ต้องใช้เงินบิ๊กป้อมนั่นแหละ เขาให้รอดูว่า ช่วงเลือกตั้งอาจมี “ให้ความหวัง ขอเงินไปลงพื้นที่ แต่สุดท้ายกลายเป็นวิมานลอยเพราะสอบตก” ซึ่งตอนนี้ สถานการณ์ของหัวหน้าพรรค พปชร.ก็ไม่สู้จะดีเท่าไร “ไม่รู้ใครตัดตอนให้เกียรติยศศักดิ์ศรีที่เคยมีลดลง” วันก่อนมีการเลือกนายกสมาคมกีฬาทางน้ำ ปรากฏว่า บิ๊กป้อมเสียเก้าอี้ให้ พล.ท.บุญชัย เกษตรตระการ รองจเรกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร( กอ.รมน.) เสียงสนับสนุน พล.ท.บุญชัย 231 เสียง พล.อ.ประวิตร 22 เสียง ไม่ประสงค์ออกเสียง 8 เสียง และไม่ลงเสียงอีก 10 เสียง ทำให้ พล.ท.บุญชัยจะได้ทำหน้าที่นายกสมาคมกีฬาทางน้ำฯ คนใหม่ วาระระหว่างปี 2567-2571
เช่นนี้แล้ว ทำให้บิ๊กป้อมไม่สามารถลงชิงตำแหน่งประธานโอลิมปิกไทยในวาระใหม่ที่จะจะเลือกในปีหน้าได้ เนื่องจากไม่มีตำแหน่งเป็นนายกสมาคมกีฬาแห่งประเทศไทยตามข้อบังคับที่คณะกรรมการโอลิมปิกกำหนดไว้ เว้นเสียแต่ว่า ในห้วงเวลาที่เหลือก่อนการเลือกตั้งประธานโอลิมปิกไทย “บิ๊กป้อม”จะได้รับการเลือกตั้งดำรงตำแหน่งนายกสมาคมกีฬาแห่งประเทศไทยสมาคมใดสมาคมหนึ่ง ( ก็ไม่เข้าใจว่า ทำไมบอร์ดกีฬาต่างๆ ต้องให้ทหารแก่ไปคุม อยากทราบมากว่า ผลประโยชน์การเบิกจ่ายเป็นอย่างไร )
เรื่องต่อมาในฝั่งการเมือง ถัดจากเลือกนายกฯ ใหม่ คือ การเลือก สว. ซึ่งหักปากกาเซียนแบบโยนทิ้งจากชั้น 14 ได้ ก่อนการเลือก สว. ผู้มีความประสงค์จะเป็น สว.บางคนที่ออกจะเป็นขั้วส้ม ก็ทำเครือข่าย แนะนำตัวกัน แต่พอวันเลือกจริง กลายเป็นสายสีน้ำเงินภูมิใจไทยผงาดเข้ามาเป็น สว.เยอะมาก จังหวัดบุรีรัมย์ที่เดียวก็ล่อไปสิบกว่าคน แบบโวยวายกันลั่นเมืองว่า “มาจากไหนกัน” และก็มีกระบวนการเรียกร้องให้ตรวจสอบการได้มาซึ่ง สว. ว่า สุจริต โปร่งใส เที่ยงธรรม หรือไม่ ผู้สมัครบางคนคุณสมบัติตรงกับกลุ่มที่ลงสมัครหรือไม่ ก็ว่ากันไปยาวๆ
แต่ที่น่าสนใจคือ รัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 ให้อำนาจ สว.ค่อนข้างมาก โดยเฉพาะเรื่องการเห็นชอบองค์กรอิสระ เท่ากับว่า “ถ้า”สว.เป็นฝั่งภูมิใจไทย ภูมิใจไทยแทบจะขี่รัฐบาลได้ เพราะในปีนี้ กรรมการองค์กรอิสระหมดวาระหลายคน ทั้ง ป.ป.ช.และศาลรัฐธรรมนูญ และมีคดีของคนฝั่งรัฐบาลบางคนก็คาอยู่ในชั้นองค์กรอิสระ เอาง่ายๆ ก็คดี “แม้วชั้น 14” ซึ่งอดีตนายกฯ ทักษิณยักไหล่ใครจะฟ้องก็ฟ้องไป ..ถ้าองค์กรอิสระมี“ใครคุม” อำนาจให้คุณให้โทษก็ไม่เป็นกลาง แต่ที่ว่ามา คือสมมุติฐานเกี่ยวกับอำนาจ เหตุการณ์จะเป็นอย่างไรก็ต้องรอดูชุดใหม่
วาระทางการเมืองเรื่องต่อไป คือการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งดูเหมือนตอนนี้แต่ละฝ่ายประวิงเวลาไปวันๆ แบบคิดๆ เดินๆ กันมาดีๆ อยู่ๆ อ้าว!! อยากเปลี่ยนใจก็เปลี่ยน ..เดิมพอนายกฯ เสี่ยนิดโดนเรื่องจริยธรรม ก็จะแก้ไขรายมาตราก่อน ไม่ให้จริยธรรมมันประหารชีวิตทางการเมืองกันมากไป …แล้วอยู่ๆ ภูมิใจไทยก็มีมติไม่แก้รายมาตราเสียนี่ บอก “ไม่อยากให้ประชาชนครหาว่าแก้เพื่อนักการเมือง” ซึ่งต้องบอกว่า มาคิดอะไรป่านนี้ ทีช่วงรัฐบาลตู่นี่ ฝ่ายการเมืองแก้เรื่องระบบเลือกตั้งนี่ไม่เพื่อนักการเมืองเลยเนาะ …
เรื่องแก้ไขประมวลจริยธรรม ไม่ใช่ว่าจะยอมรับกันไม่ได้ รัฐบาล-ฝ่ายค้าน และประชาชนจำนวนมากก็เห็นเหมือนกันหมด ว่า มันคือปล่อยให้องค์กรอิสระแทรกแซงฝ่ายบริหารเกินไป แล้วเรื่องจริยธรรมนี่มันขึ้นอยู่กับการตีความ ว่าแบบไหนผิดร้ายแรง แบบไหนไม่ร้ายแรง ..ในกรณีนายพิชิต ชื่นบาน ศาลรัฐธรรมนูญจะตีความว่าไม่ใช่ผิดร้ายแรง เพราะเป็นการให้โอกาสคนยังได้ ..ฝ่ายค้านนี่ตัวอย่างคลาสสิคมาก คือ กรณี น.ส.พรรณิการ์ วานิช โดนตัดสิทธิ์ตลอดชีพจากภาพที่โพสต์สมัยเรียนภาพเดียว ..มันแสดงให้เห็นว่า ต่อให้คุณเยาว์วัยไร้เดียงสาขณะเกิดเหตุ ถ้าเขาจะเล่นงานก็เล่น..แต่อยู่ๆ กลัวประชาชนหาว่าเอื้อนักการเมือง ว่าซ่าน
พอจะแก้ไขทั้งฉบับ ก็ติดเรื่องประชามติ จะเอาแบบไหนเรียกประชามติผ่าน โหวตชั้นเดียว สองชั้น นับคะแนนแต่ละชั้นเท่าไร แล้วก็ต้องเสียเงินตั้ง สสร.อีก ก็จะชิงขบเหลี่ยมกันอีก ไม่ให้เลือกมาแล้วได้คนหน้าใหม่จนเหวอกันหมดแบบ สว. ..ก็เอาเป็นว่า ถ้าทำอะไรแล้วมีเหตุผลจะกินน้ำเห็นปลิงตลอดก็ไม่ต้องแค่นจะทำมันหรอก เพราะข้อมูลข่าวสารทางการเมืองก็วนๆ กันอยู่แค่คนนั้นคิดอย่างนี้คนนี้คิดอย่างนั้น.. นี่คือภาพความสุดป่วงของการเมืองที่เกิดขึ้นในปีนี้ ไม่รู้ว่าธันวาจะป่วนเรื่องอะไรอีก แค่ไหน ..มีคนเชื่อว่า “ความจริงจะมาต่อเมื่อถึงเวลาของมัน” นี่ก็รอดูอยู่ว่า ต่อไปจะมีใครโดนแฉฟ้าแล่บทางการเมืองอีก ( ซึ่งคิดว่าถ้าไม่ดวงตกจริงๆ เรื่องมันก็ไม่แดงขึ้นมา )
ขณะที่ฝ่ายอาชญากรรมนี่ดูจะเหนื่อยกว่าการเมือง แบบ “มหกรรมฉีกหน้ากากคนดีย์” มาชนิดที่ไม่ให้พักกันเลยทีเดียว เริ่มจากทอง“คุณแม่ใจบุญ ชอบทำบุญ”แต่ดันขายทองไม่ได้มาตรฐาน มาต่อที่อาหารเสริมเจ้าดังที่ถูกกล่าวหาว่าพฤติกรรมแบบแชร์ลูกโซ่ ซึ่งทำไปทำมาจะลากเอานักร้อง“คนดีย์”ที่ชอบออกหน้าเคลื่อนไหวช่วยเหลือเหยื่อมาประจานว่า เน่าในทั้งเพ เพราะมีค่าดำเนินการ เรื่องนี้ต้องให้เครดิต “บอสพอล” และทุกคนควรเอาอย่าง คือ “อัดเสียงทุกอย่างไว้เป็นหลักฐานเวลาถูกขู่กรรโชกเอาเงิน” ต่อมาก็มีทนายดังตกม้าตายเพราะไปออกรายการแล้วหลุดคำ“ให้ด้วยเสน่หา” แถมไปท้าสื่อดังดื่มปัสสาวะ..คุณูปการหนึ่งของคนเหล่านี้คือ “ถ้าใครรวยแบบไม่มีที่มาที่ไป ชอบโชว์แบบยาจกตื่นมี ให้สังเกตไว้ก่อนเผื่อวันไหนโป๊ะแตก”
นับว่าปีนี้บันเทิงแบบวายป่วงแท้ และคิดว่า สิ่งที่ประชาชนสะใจที่สุดคือ การฉีกหน้ากากคนดีย์ ฉีกหน้ากากนักร้องนี่แหละ ปีหน้าเชื่อว่าประชาชนอยากเห็นพวกหน้ากากคนดีย์ติดตะรางเยอะขึ้น.
………………………………………………………
คอลัมน์ : ที่เห็นและเป็นอยู่
โดย “บุหงาตันหยง”