“รัฐบาลแพทองธาร” แถลงผลงาน 90 วัน ชู 6 วิชั่น ครอบคลุมทุกมิติ คิกออฟนโยบาย ปี 2568 “โอกาสไทย ทำได้จริง” ลุยแก้หลายปัญหาอย่างจริงจัง และยั่งยืน ดึงธุรกิจใต้ดินเข้าระบบภาษี ทลายทุนผูกขาด ตั้งเป้าให้ไทยท่องเที่ยวได้ทั้งปี
แต่ 3 เดือนที่ผ่านมารัฐบาลอยู่กับมรสม อุทกภัยภาคเหนือภาคใต้ พร้อมประกาศปักหมุดปูพรหมแก้ปัญหาประชาชน 6 นโยบาย
โดยนโยบายแรกคือ นโยบายหนึ่งอำเภอหนึ่งทุน (ODOS) ส่งเด็กเรียนเก่งเรียนดีไปเรียนต่อระดับปริญญาตรีในมหาวิทยาลัยชั้นนำในต่างประเทศ และโครงการหนึ่งอำเภอหนึ่งซัมเมอร์แคมป์ ส่งเด็กไทยไปเรียนซัมเมอร์แคมป์ที่ต่างประเทศ เพื่อให้เรียนรู้ประสบการณ์ใหม่ๆ โดยนำเงินกองสลากฯมาใช้และพัฒนาโรงเรียนประจำอำเภอ
นโยบายที่ 2 โครงการSML EMPOWERING THAIS กระจายอำนาจสู่ชุมชน ส่งเงินถึงมือประชาชนโดยตรงในทุกหมู่บ้าน ให้คนในพื้นที่เลือกประกอบอาชีพ
นโยบายที่ 3 โครงการ “บ้านเพื่อคนไทย” ให้คนไทยโดยเฉพาะเด็กจบใหม่ที่ไม่เคยมีบ้าน ได้มีที่อยู่อาศัยใจกลางเมืองเดินทางสะดวก โดยจะใช้พื้นที่ของรัฐที่ไม่ได้ทำประโยชน์ โดยเริ่มที่ที่ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ในกรุงเทพฯ ค่าเช่าเดือนละ 4,000 บาทผ่อนได้ยาว 30 ปีมีสิทธิ์อยู่ถึง 99 ปี
นโยบายที่ 4 โครงการรถไฟฟ้า 20 บ้านตลอดสายจะเกิดขึ้นในปี 68 แน่นอน
นโยบายที่ 5 โครงการดิจิทัลวอลเล็ตเฟตสอง 2 สำหรับผู้สูงอายุ 4 ล้านคนจะได้ในวันตรุษจีนปี 68 และเฟส 3 บุคคลทั่วไปจะให้ในรูปแบบดิจิทัล เสร็จในปี 68
นโยบายที่ 6 โครงการ “คุณสู้ เราช่วย ลดหนี้ครัวเรือน” เน้นที่หนี้ “รถยนต์” และ “บ้าน” พักดอกเบี้ย 3 ปี ให้ลูกหนี้จ่ายคืนเงินต้นได้เต็มจำนวน โดยจะเริ่มดำเนินการในต้นปี 2568 พร้อมมาตรการประนอมหนี้แบบพิเศษที่จะล้างหนี้ให้ทั้งหมด
“นายกฯอิงค์” จุดพุลโครงการประชานิยมให้เห็นกันแบบฉ่ำๆ แต่จะเป็นไปอย่างที่ประกาศไว้หรือไม่ต้องรอพิสูจน์ในปีหน้านี้ ว่าจะได้ดอกไม้หรือจะกลายเป็นระเบิดเวลาของรัฐบาล
แต่ที่แน่ๆก็ต้องมาเจอฉากดราม่าทันที จากฝ่ายค้านไม่รอช้า “ณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์” สส.กทม. พรรคประชาชน ออกอาการควันออกหู ลุกขึ้นหลอกด่าฟาดตรงไป “นายกฯอิ๊งค์” จงใจเบี้ยวการตอบกระทู้ตั้งแต่วันแรกของการเปิดเทอมสภาผู้แทนราษฏร วางแผนจัดอีเวนท์แถลงนโยบายรัฐบาลให้ชนกันกับวันเปิดประชุมสภา 12 ธันวาคม แบบนี้จะบริหารได้อย่างไรเป็นคนแบบไหน
ทำสภาเดือดขึ้นมาทันที เพราะบรรดาเหล่าองครักษ์พิทักษ์นายกฯ ต้องออกมากางปีกป้อง ประท้วงจะมาด่านายกฯลอยๆแบบนี้ไม่ได้ แต่ฝ่ายค้านไม่ลดละพร้อมประกาศจองคิวถามกระทู้ใหม่ในการประชุมสภาสัปดาห์หน้า แถมเตรียมจองกฐินเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี และครม.ในสมัยประชุมสภาสมัยนี้ด้วย
ก็ต้องจับตาดูว่า “นายกฯอิ๊งค์” จะมาตอบกระทู้หรือไม่ เพราะก่อนหน้าประกาศไว้ว่า ไม่หนีการตอบกระทู้ไปแน่นอน แต่ขอให้รอดูในช่วงเวลาที่เหมาะสมแต่ก็มีคำถามว่าจะมาเมื่อไหร่และกี่โมง
ระหว่างนี้“นายกฯอิ๊งค์”ขอลาราชการในวันที่ 13 ธันวาคม ควง “คุณพ่อทักษิณ” พร้อมสมาชิกพรรคขึ้นรถไฟไปงานสัมมนาของพรรคเพื่อไทย(พท.) ที่จัดภายใต้กิจกรรม “โครงการเสริมศักยภาพ สส. และบุคลากรทางการเมือง ระหว่างวันที่ 13-14 ธ.ค. ที่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ประชุมที่หัวหิน ต้องจับตาประเด็นร้อน ว่าจะมีการส่งสัญญาณ ขยับหมากเคลื่อนทัพสู่การเลือกตั้งครั้งหน้าปี 70 อย่างไร
นาทีนี้การเมืองเข้าสู่โหมดเข้มข้นหลัง 2 พ่อลูก “ทักษิณ ชินวัตร กับ แพทองธาร ชินวัตร” เดินจูงมือกันเดินหน้าปะฉะดะ ตอบโต้การเมืองกันแบบแซ่บๆ
“ทักษิณ” ไม่ทิ้งลายเดิมออกมาเบรก พร้อมสอนมวยพรรคภูมิใจไทย “รีบหล่อเร็วไปนิด หล่อช้าๆอีกนิดก็ได้ บางทีหล่อเร็วไปก็ไม่ดี หล่อช้านิดนึง จะหล่อขึ้น” จากกรณีการเสนอร่างพ.ร.บ.จัดระเบียบกระทรวงกลาโหมฯ สกัดรัฐประหาร เพราะเรื่องนี้ยังไม่ได้เข้าพรรคพิจารณา เป็นการเสนอโดย ประยุทธ์ ศิริพานิชย์ สส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นสิทธิ์ของสส.
เรื่อนี้จะเป็นการเติมเชื้อไฟร้อนการเมือง หรือเป็นการเดินเกม เล่นใหญ่เพื่อมากลบกระแส “สนธิ ลิ้มทองกุล” ที่พามวลชนบุกทำเนียบฯ ยื่นหนังสือถึง “นายกฯ อิ๊งค์” เรียกร้องให้นายกรัฐมนตรียกเลิกเอ็มโอยู 44 และแถลงการณ์ร่วมระหว่าง นายทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีไทยกับสมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา (JC 2544) ซึ่งจะเป็นต้นเหตุเปิดทางให้ไทยเสียดินแดน ทั้งนี้ได้ขีดเส้น 15 วัน กลับมาทวงคำตอบ ลั่น พร้อมลงถนน สู้ครั้งนี้ต้องชนะลูกเดียว
ภาพหลอนการเมืองเก่าเริ่มปรากฏชัดขึ้น เพราะ 2 พ่อลูก ก็ยังไม่ให้ราคา โนสนโนแคร์ ต้อ
รอดูว่า “เจ้าพ่อม็อบ” ยังมีมนต์ขลังปลุกม็อบรักชาติจนเป็นพลังได้แค่ไหน
เห็นได้จากการให้สัมภาษณ์ของ“ทักษิณ” ลงพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี ได้พูดถึงกรณีที่ “ศัตรูเก่าสนธิ” ขู่จะลงถนนหากไม่ยกเลิกเอ็มโอยู 44 ว่า ไม่เป็นไร อธิบายกันได้ในฐานะที่เอ็มโอยู 2544 เกิดขึ้นในสมัยตนจะถือโอกาสอธิบายให้ฟังพร้อมดักคอ “นี่การทำอย่างเดิม ก็ไม่จำเป็นต้องเหมือนเดิมนะครับ”
ขณะที่ “ลูกอิ๊งค์” ก็พกความมั่นใจเปิดฉากโต้เช่นกัน “แน่ใจว่าจะเป็นนายกฯคนแรกในตระกูลชินวัตรที่ไม่ถูกรัฐประหาร เรื่องที่“คุณสนธิ” มายื่นหนังสือให้ ข้อเรียกร้องต่างๆ ก็ดูหมดแล้ว อยากให้ทุกฝ่ายใจเย็นๆ ไม่มีการบิดเบือนอะไรไป ที่มายื่นหนังสือก็ถือเป็นการรับฟังความคิดเห็นทุกอย่างที่ได้มาเรารับพิจารณา คงไม่ได้เปิดเวทีสาธารณะ กำลังดูรายละเอียดอยู่ว่ามีผลกระทบอะไรอย่างไรบ้าง กำลังพิจารณาในสิ่งที่มีการนำเสนอมาให้รอบคอบมากยิ่งขึ้น ส่วนการตั้งคณะกรรมการร่วมด้านเทคนิคไทย-กัมพูชา (JTC) มีความคืบหน้าแต่ยังไม่เสร็จสิ้น ยังมีรายละเอียดที่อ่อนไหวพอสมควร แต่เร่งอยู่ไม่ได้ปล่อย
แต่กลับเป็นไฟร้อนกว่าเมื่อเจอคนกันเองอย่าง “อนุทิน ชาญวีรกูล” รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย เป็นหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ก็ออกอาการไม่กลัว สวนกลับ “ทักษิณ” แบบทันควันเช่นกันว่า ที่ไม่เห็นด้วยต่อร่างพ.ร.บ.จัดระเบียบกระทรวงกลาโหมฯ สกัดรัฐประหาร ที่เสนอโดย ประยุทธ์ ศิริพานิชย์ สส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นสิทธิ์ของสส.และก็รู้ว่ายังไม่ผ่านที่ประชุมพรรคเพื่อไทย แต่พออ่านเนื้อหาและหลักการแล้วพรรคภูมิใจไทยก็ไม่เห็นด้วย ไม่ใช่เรื่องพูดชิงหล่อหรืออะไรตรงไหนเลย เป็นการพูดตามเนื้อผ้า ตามเจตนารมณ์ และแนวทางของพรรคภูมิใจไทยแต่ละพรรคมีจุดยืน พรรคภูมิใจไทยก็มีจุดยืน
“เห็นหลักการและเนื้อหาแล้ว พรรคภูมิใจไทยไม่เห็นดวย อย่าสร้างเงื่อนไขให้เกิดความจำเป็นที่ต้องมาทำการปฏิวัติ เพราะไม่ดีสำหรับประเทศ”
คำพูด 2 พ่อลูกเป็นการส่งสัญญาณชักธงรบ เดินหน้าเปิดโหมดกดปุ่มการเมืองให้ร้อนขึ้นเรื่อยๆ ต้องจับตาสถานการณ์การเมืองหลังจากนี้ เพราะยังมีดีลสำคัญของคนตระกูลชิน คือการพา “อดีตนายกฯปู” “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” กลับบ้าน นอกจากนี้ยังมีปัญหาขบเหลี่ยมปีนเกลียวกับพรรคภูมิใจไทย ทั้งเรื่องแก้กฎหมายประชามติ แก้รัฐธรรมนูญ นิรโทษกรรม
ขณะเดียวกันโหมดบ้านป่าก็เริ่มแซ่บไม่แพ้กันหลังเจอกระบวนการเปิดเกมปิดป่า พร้อมขุดคดีหวานใจ ส่อเอี่ยวรุกที่ดินส.ป.ก.ภูนับดาว จ.สระบุรี
เพราะมีเด็ก ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ออกมาแฉถึงเส้นทางการเงินทำเอา “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ต้องยอมถอยปล่อย ก๊วน ร.อ.ธรรมนัส ให้หอบ 20 สส.ออกจากป่า วิ่งเข้าบ้านใหม่พรรคกล้าธรรม ทำเอามีเสียงสส.พุ่งถึง 24 เสียง ถือเป็นอีกหนึ่งพรรคที่จะเป็นแกนสำคัญทางการเมืองที่ต้องจับตา
แม้ร.อ.ธรรมนัส จะได้ออกจากพรรคไปแล้ว แต่ก็ต้องจับตาดูว่า คดีหวานใจ จะปิดจ็อบกันอย่างไร เพราะ “ธนดล สุวัณณะฤทธิ์ ” ยังออกมาแชร์ไม่หยุดถึงแม้ถูก “น้องร.อ.ธรรมนัส” อัครา พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ ออกมาติดเบรก แต่เจ้าตัวยังเดินหน้า
นอกจากนี้ยังมีเส้นทางการเงินที่“หวานใจ”ถูกป.ป.ง.,ป.ป.ท.ตรวจสอบ จะเคลียร์คดีอย่างไรยังไม่รู้ นี่ยังไม่รวมการรุกไล่ปิดบ้านป่ารอยต่อ ยึดอำนาจหลังจากไม่ได้เป็นประธานคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทย บ้านป่ารอยต่อที่อยู่ภายในกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ (ร.1.รอ.)ที่ต้องคืนหลวง
การเมืองต่อจากนี้ต้องจับตากันอย่ากระพริบ เพราะอะไรก็เกิดขึ้นได้ !.