เรียนคุณหมอ ดร.โอ สุขุมวิท 51 ที่นับถือ
ผมอายุ 77 ปี เมื่อ 4 ปีที่ผ่านมาป่วยเป็นต่อมลูกหมากโต มีอาการปัสสาวะบ่อย หมอตัดชิ้นเนื้อไปตรวจพบว่าไม่มีมะเร็ง แต่ก็ได้ทำการผ่าตัดต่อมลูกหมากให้ด้วยวิธีส่องกล้อง หลังจากนั้นก็ทำการรักษามาจนถึงปัจจุบันโดยพบหมอและรับยาเป็นคราว ๆ ตามที่หมอนัด ขณะเดียวกันก็มีโรคเกาต์และความดันโลหิตสูงพ่วงเพิ่มกับต่อมลูกหมากด้วย

ก่อนที่จะผ่าตัดต่อมลูกหมากยังมีอารมณ์ทางเพศและร่วมเพศได้แม้ว่าอสุจิจะออกมาน้อยแต่ก็มีความสุขตามอัตภาพ แต่หลังผ่าตัดแล้วพบว่าไม่มีอสุจิออกมา เวลาร่วมเพศจะมีความรู้สึกเสียวแต่ไม่มากเหมือนมีอสุจิหลั่ง แต่หลังผ่าตัดยังมีอารมณ์ทางเพศอยู่ ได้ซื้อยาสมุนไพรยี่ห้อหนึ่งมารับประทานเป็นตัวช่วยเพื่อให้ร่วมเพศได้สำเร็จ หลังจากนั้นไม่นานก็เริ่มมีอาการคล้าย ๆ ต่อมลูกหมากโตอีกเพราะต้องเบ่งเวลาปัสสาวะ และปัสสาวะบ่อยมากตอนกลางคืน จึงอยากทราบว่ายาสมุนไพรที่ซื้อมากินนั้นมีอันตรายต่อต่อมลูกหมากและโรคความดันหรือไม่ และเป็นยาฮอร์โมนหรือเปล่า

ด้วยความนับถือ
สมบูรณ์

ตอบ สมบูรณ์
ชายวัย 77 ปี มีโรคประจำตัวคือโรคเกาต์ โรคความดันโลหิตสูง และต่อมลูกหมากโต ซึ่งปัจจุบันได้รับการผ่าตัดต่อมลูกหมากด้วยวิธีส่องกล้องไปเรียบร้อยแล้ว ซึ่งหลังจากผ่าตัดต่อมลูกหมากก็ยังพบว่ามีความต้องการทางเพศอยู่แต่จะมีปัญหาเรื่องการแข็งตัวของอวัยวะเพศไม่เต็มที่ จึงหันไปซื้อยาสมุนไพรมารับประทานโดยไม่รู้ว่ายาสมุนไพรที่รับประทานนั้นมีผลเสียต่อร่างกายของตนมากน้อยเพียงใด ขอแค่ช่วยให้สำเร็จกิจทางเพศก็พอ หลังจากกินยาสมุนไพรดังกล่าวได้ไม่นานก็พบว่าเริ่มมีอาการปัสสาวะบ่อยขึ้นในตอนกลางคืนและจะต้องออกแรงเบ่งปัสสาวะซึ่งเป็นอาการหนึ่งของโรคต่อมลูกหมากโต

จากข้อมูลที่ให้มาจะพบว่ายาสมุนไพรนั้นมีคำเตือนห้ามใช้กับผู้ที่เป็นโรคหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง และเป็นไข้หวัด ดังนั้นเมื่อมีโรคดังกล่าวมาจึงไม่ควรรับประทานเพราะอาจมีอันตรายต่อชีวิตได้ แต่ไม่สามารถบอกได้ว่าเป็นฮอร์โมนเพศเพราะไม่ได้บอกรายละเอียดส่วนประกอบของตัวยา ในผู้ที่มีประวัติเกี่ยวกับการเป็นต่อมลูกหมากโต และมะเร็งต่อมลูกหมากแม้จะได้รับการรักษาหายดีแล้วก็ยังเป็นข้อห้ามในการใช้ฮอร์โมนเพศชายทดแทนเพราะจะไปกระตุ้นให้กลับมาเป็นได้อีก การผ่าตัดต่อมลูกหมากโตด้วยการส่องกล้องเป็นการขูดต่อมลูกหมากบางส่วนออกไป (Transurethral resection of the prostate หรือ TUR-P) ถือเป็นการผ่าตัดที่ค่อนข้างปลอดภัย โอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนต่ำ อวัยวะเพศไม่แข็งตัวหลังการผ่าตัดต่อมลูกหมากพบได้ 3-30% ซึ่งเกิดจากการบาดเจ็บของเส้นประสาทที่ไปเลี้ยงองคชาต หลังผ่าตัดต่อมลูกหมากโตแล้วต่อมลูกหมากสามารถกลับมาโตได้อีก ซึ่งมักเกิดหลังผ่าตัดไปแล้ว 5 ปี หากมีอาการผิดปกติเกี่ยวกับต่อมลูกหมากควรเข้ารับการตรวจรักษาจากแพทย์โดยตรง

ส่วนอาการอีดีในผู้ที่ผ่าตัดต่อมลูกหมากแล้วสามารถฟื้นฟูได้ ปัจจุบันนี้มีการใช้วิธีกระตุ้นเส้นเลือดที่องคชาต คู่กับการบริหารกล้ามเนื้อเพศแข็งแรงเกิดการขยายตัวของเส้นเลือดที่องคชาต การแข็งตัวที่อ่อนแอก็จะกลับมาแข็งแรง เป็นการฟื้นฟูอีดีที่ปลอดภัยและไม่มีผลกระทบต่อโรคประจำตัวต่าง ๆ รักษากับแพทย์ปลอดภัยต่อชีวิตแบบไร้กังวล เหตุการณ์นี้อาจเป็นอุทาหรณ์ในชายที่มีอาการอีดีที่มักง่ายไม่อยากรักษากับแพทย์ โดยให้เหตุผลว่าไม่สะดวก อยู่ไกล หวังแค่อยากได้ยาแล้วอาการจะหาย การรักษาโรคทุกชนิดไม่สามารถหายได้ในวันเดียวต้องอาศัยเวลาในการฟื้นฟูทั้งนั้น ก่อนการใช้ยาที่ไม่เคยใช้มาก่อนจะ ต้องได้รับการตรวจร่างกายจากแพทย์ก่อนเสมอ เพื่อให้เกิดผลแทรกซ้อนต่อสุขภาพของผู้ใช้และโรคประจำตัวที่เป็นอยู่น้อยที่สุด ปัจจุบันการรักษาอีดีใช้เวลา 2 ครั้งก็จะแข็งแรงดีหรือดีกว่าเดิม จึงแนะนำให้ตัดสินใจเองอย่าลังเล.

………………………………………
ดร.โอ สุขุมวิท51

อ่านบทความทั้งหมดที่นี่…