ลืมกันยัง เสาร์ 1 ..นี้แล้ว จะมีการเลือกตั้งนายก อบจ.และสมาชิก อบจ. 47 ทั่วประเทศ 47 จังหวัด อีก 29 จังหวัด เลือกแต่สมาชิก อบจ. เพราะนายกเก่าชิงลาออกก่อนครบวาระ มีการเลือกไปเรียบร้อยก่อนหน้าแล้ว ใด ๆ คือ กกต.เอาตัวเองเป็นศูนย์กลางจักรวาล อ้างวันเสาร์สะดวก ทั้งที่คนต้องทำงานเยอะแยะ วันหยุดปกติทั่วประเทศ คือวันอาทิตย์นะ ทำไมไม่เลือกตั้งวันอาทิตย์ ได้งบปีละหลายพันล้าน คนก็ 3-4,000 ทำได้แค่นี้ ให้มหาดไทยทำก็ได้

แม้จะเป็นการเลือกตั้งท้องถิ่น แต่ทุกพรรคมองข้ามช็อตถึงเลือกตั้งใหญ่แล้ว ดูได้เลย หาเสียง พูดแต่นโยบายใหญ่ แทบไม่ได้พูดถึงการพัฒนาท้องถิ่น พรรคไหนคว้านายก อบจ.ได้ จะบ่งบอกถึงอนาคตอีก 2 ปีครึ่ง กูรูคาดเพื่อไทยมาวิน ภูมิใจไทยก็ไม่ขี้เหร่ พรรคประชาชนได้ไม่เกิน 6 เก้าอี้ มีลุ้น สมุทรปราการ ชลบุรี ภูเก็ต สุราษฎร์ธานี สมุทรสาคร ส่วนเชียงใหม่ บ้านเกิดทักษิณ ชินวัตร แจกฟรี 1 หมื่น ยังลงมือก่อนเลือกนายก อบจ. ซื้อใจกันเห็น ๆ

ไม่กินส้มตอนนี้ แต่อยากให้พรรคประชาชน ได้นายก อบจ.บ้าง จะได้พิสูจน์ฝีมือบริหารให้สิ้นสงสัย ไม่ได้ดีแต่ปาก ให้เห็น ๆ กันไปเลย นายก อบจ.สีส้มจะนำความเจริญสู่จังหวัดนั้น ๆ ได้มากแค่ไหน เสาร์นี้ไม่เกิน 3 ทุ่ม รู้ผลแพ้ชนะกัน

กลับมาที่ปัญหาร้อนของจริง ก็นะ ประชาธิปไตยปลอม ๆ ทุกวิกฤติเฉพาะหน้าหมด หาแผนแก้ถาวรยาก ลุงแก่ ๆ อยู่ 10 ปี ยังทำตามแผนยุทธชาติของตัวเองได้แค่ 5% มีแต่คนเป๋าตุง ผลงานไม่มี เว้นแต่คนจนพุ่ง 14 ล้านคน

แต่นั่นละ เป็นรัฐบาลมีหน้าที่แก้ปัญหา ไม่งั้นก็อย่ามาเป็น วันนี้ ใครไม่คุยวิกฤติ ฝุ่นพิษ PM 2.5 เชยแหลก อยู่หลังเขายังคุย ทำเป็นเล่นไป ปัญหาคือ ทำไมคนรู้สึกหนักหนาสาหัสมาก ทั้งที่คนไทยไม่ได้เพิ่งสูดดมฝุ่นพิษปีนี้ มันมาจะ 7-8 ปีแล้ว หรือเอาเข้าจริง แค่ “อุปทานหมู่ เด็กเล็ก เลือดกำเดาออก ป่วยคันคะเยอทั้งตัว จน กทม.ก็สั่งให้หยุดเรียนร่วม 200 แห่ง ขณะผู้ใหญ่ เคืองตา หายใจไม่ออก แสบคอ แสบจมูก ไปหมด ใครพอมีตังค์ก็ดิ้นรนหาเครื่องฟอกอากาศมาติดบ้าน ศูนย์วิจัยกสิกรไทยชี้ ค่าใช้จ่ายของคนไทยเพื่อป้องกันฝุ่นพิษช่วง 1 เดือน 3,000-6,000 บาท เหมือนตอนโควิดระบาดหนัก เราต้องเสียเงินซื้อวัคซีน ชนิดตัวใครตัวมัน เพื่อไทยย่อมรู้ดี”

แต่ไม่รู้ ทำไม บิ๊กเพื่อไทย กลับออกมาจิกกัดคนวิจารณ์ฝุ่นพิษ ทั้งที่ควรแสวงหาความร่วมมือทุกฝ่าย ดันบอก วิกฤติฝุ่นพิษดีขึ้นกว่ารัฐบาลก่อนตั้งแยะ คนไทยก็ไม่ได้ดักดานหรอกนะรู้ว่า ฝุ่นมรณะ ไม่ได้เสกปั๊บ หายปุ๊บ แต่มันน่าตกใจมั้ย พ.ร.บ.อากาศสะอาดที่อดีตนายกฯเศรษฐา ทวีสิน เสร็จจากเปิดสัมมนาของ เดลินิวส์ ตรงไปสี่แยกราชประสงค์ เจอฝุ่นพิษ แล้วกลับไปเสนอ ครม.ออก พ.ร.บ.อากาศสะอาด ป้องกันเผาป่า ห้ามซื้ออ้อยไฟไหม้ เก็บภาษีธุรกิจก่อฝุ่นพิษ ห้ามรถควันดำ เน็ตซีโร่ ลดคาร์บอน โน่นนั่นนี่ แต่อ้าว ผ่านมาปีครึ่ง กฎหมายนี้ยังค้างเติ่งอยู่สภาเลย

แสดงว่า เพื่อไทยไม่ได้ให้ความสำคัญกับการแก้วิกฤติฝุ่นพิษ PM 2.5 จริงจัง ใช่หรือไม่

อีกครั้ง ที่มีคนแอบไปขุดโพสต์นายกฯอิ๊งค์ ยืนยัน คิดแก้วิกฤตินี้ตั้งแต่วันแรกที่มาเป็นนายกฯ แล้วแผนอยู่ไหน มาให้นั่งรถไฟฟ้าฟรี 7 วัน ก็ตอนถูกโวยแหลกนี่ล่ะ ก็ไม่รู้ นายกฯอิ๊งค์ แอบไปอ่านโพสต์ คุณหมอมนูญ ลีเชวงวงศ์ ที่ชี้ว่า ช่วงโควิด คนทำงานที่บ้าน รถหายจากถนนตั้ง 70% แต่ค่าฝุ่น PM 2.5 ใน กทม.กลับไม่ลดลงเลย แสดงว่า สภาพภูมิอากาศเป็นปัจจัยสำคัญสุด ตื่นตระหนกไปก็เท่านั้น อยู่กับมันให้ชินดีกว่า

ชี้แบบนี้ หรือไม่ต้องทำอะไรเลย อยู่ตามบุญตามกรรมไป ก็ไม่รู้สิ ?!?

แต่หากจำกันได้  ยังอีกหมอ กฤตไท ธนสมบัติกุล หมออยู่เชียงใหม่ เมืองหลวงฝุ่นพิษ วัยก็แค่ 29 ปี ดูแลตัวเองดีมาก ๆ ไม่กินเหล้า ไม่สูบบุหรี่ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ เธอโพสต์ก่อนเสียชีวิต มั่นใจ PM 2.5 เป็นตัวเร่งให้มะเร็งขยายตัวมากขึ้น คนไทยร้องไห้ตาบวมตอนหมอแต่งงานกับแฟนสาวก่อนต้องจากกันชั่วนิรันดร์ ขอให้การตายของคุณหมอ กระตุ้นให้มีการแก้ปัญหาฝุ่นพิษจริงจัง หากหมอมองจากสวรรค์ คงร้องไห้เสียใจ ที่การเสียชีวิตครั้งนั้น

แทบไม่ได้ก่อให้เกิดการลงมือแก้วิกฤติฝุ่นมรณะจริงจังเลย! 

แต่นั่นล่ะ ยังไม่สายเกินไป หากนายกฯอิ๊งค์ จะลุกขึ้นแก้วิกฤตินี้จริงจัง มีแผนเป็นรูปธรรม ชัดเจน ให้เป็นผลงานชิ้น “โบแดง” จนคนพูดถึงไปเลย อย่างน้อย ก็อย่าให้คุณหมอกฤตไท ต้องตายฟรีเลย.

………………………………………….
ดาวประกายพรึก

อ่านบทความทั้งหมดที่นี่…