“ความสุขอยู่ที่เราคิด ชีวิตอยู่ที่เราสร้าง..บางทีแค่เปลี่ยนอย่าหยุดเป็นอย่าฝืนโลกก็สดใสแล้ว”
คงเห็นตามข่าวมานานแล้วสำหรับ แก๊งตำรวจปลอมของพวกคอลเซ็นเตอร์ที่มักขอวิดีโอคอลมาสร้างความน่าเชื่อถือในการหลอกลวงเหยื่อให้โอนเงิน อ้างว่าเพื่อไปตรวจสอบ ท่ามกลางผู้เสียหายจำนวนมากที่ขอร้องให้ตำรวจไทยช่วยจับกุมลากคอแก๊งตำรวจเก๊พวกนี้มาดำเนินคดีให้ได้ กระทั่งความคาดหวังนั้นเป็นจริงแล้ว
การจับกุม “แก๊งกองร้อยปอยเปต” ครั้งนี้เริ่มต้นเมื่อช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาเมื่อตำรวจ บช.ก.และปอท. บุกรวบตัว นายรามิล อายุ 31 ปี ผู้ต้องหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น โดยจับกุมได้ที่บ้านพักใน จ.สระแก้ว และนายธนาวุฒิ อายุ 28 ปี ผู้ต้องหาคดีเดียวกัน ได้ที่บ้านพักใน จ.ชลบุรี
ซึ่งเคสนี้ใช้เวลาครึ่งปีในการขยายผล โดยพบว่ากลุ่มแก๊งคอลเซ็นเตอร์เข้าไปอยู่ในอาคาร 18 ชั้น แก๊งนี้พักอยู่ที่ชั้น 13 มี 50 คน ผู้ต้องหาอ้างว่าถูกชักจูงผ่านโซเชียลโดยคิดว่าจะถูกให้ไปทำงานเป็นแอดมินชักชวนให้เล่นพนันเพื่อหารายได้ แต่เมื่อไปถึงกลับถูกยึดหนังสือเดินทางและโทรศัพท์ และถูกให้มาทำงานในแก๊งคอลเซ็นเตอร์

โดยบริเวณอาคารจะมีคนคุมและเฝ้าที่หน้าตึกและที่ชั้น 3 ด้วย โดยชั้น 1 จะเป็นสถานที่ซื้อสินค้า ที่ผ่านมาจากข่าวที่ปรากฏพบอาคารแห่งนี้ว่ามีคนไทยเสียชีวิตจากการกระโดดตึกลงมา 2 ราย
ขบวนการนี้ได้มีการใช้ AI ปลอมแปลงใบหน้าทำให้ยากต่อการจับกุม ส่วนเรื่องของเงินจากการตรวจสอบพบว่า เงินที่หลอกมาได้มีการแปลงเงินเป็นสินทรัพย์ดิจิทัล ก่อนจะทำการฟอกเงินเป็นสกุลเงินต่างๆ ในหลายชาติ เช่น ไทย เวียดนาม ก่อนจะแบ่งส่วนแบ่งรายได้ให้กับผู้ร่วมขบวนการ
นายรามิล สารภาพว่า ตัวเองทำหน้าที่เป็นสาย 1 ในการติดต่อเหยื่อจากระบบซิมบ็อกซ์ที่มีการเซตระบบไว้ โดยจะได้ข้อมูลของเหยื่อ และจะต้องพูดตามสคริปต์ที่บอสชาวจีน และคนคุมงานซึ่งเป็นคนไทยส่งมาให้ เมื่อผู้ต้องหาพูดชักจูงเหยื่อจนเหยื่อเริ่มหลงเชื่อแล้ว จากนั้นจะมีการส่งต่อไปให้กับสาย 2 เพื่อดำเนินการ หลักๆคือมีหน้าที่เปิดเรื่องข่มขู่ให้เหยื่อตกใจและหวาดกลัว

นายธนาวุฒิ ให้การรับสารภาพว่า ตนเป็นผู้ร่วมขบวนการของเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ทำหน้าที่แต่งกายคล้ายตำรวจและจะวิดีโอคอลเพื่อหลอกลวงเหยื่อจริง ได้แต่งตัวเป็นตำรวจและวิดีโอคอลไปหลอกลวงผู้เสียหายมาแล้วหลายราย รวมไปถึงบุคคลที่มีชื่อเสียงในประเทศไทยด้วย
เมื่อเหยื่อหลงเชื่อแล้วจะมีคนร้ายที่เรียกว่าสาย 3 ทำหน้าที่ปิดดีล หลอกให้เหยื่อโอนเงินให้ ในระหว่างการหลอกลวงจะมีทั้งคนไทยและคนจีนทำหน้าที่เป็นคนควบคุม และคิดสคริปต์ในการหลอกลวงเหยื่อเพื่อให้เป็นไปตามบทที่วางไว้ โดยหากตัวเองไม่ปฏิบัติตามหรือต่อต้านจะถูกทำร้ายร่างกาย และหากสามารถหลอกจนเหยื่อหลงเชื่อและโอนเงินมาให้ ก็จะได้รับส่วนแบ่ง
โดยที่ นายธนาวุฒิ ทำหน้าที่เป็นสายที่ 2 เป็นคนปลอบใจ อ้างว่าผู้เสียหายมีความผิดเกี่ยวกับการฟอกเงิน ตอนแรกไม่ทราบว่าได้พูดคุยกับ น.ส.ชาล็อต ออสติน มาทราบตอนที่ได้พูดคุยกันแล้ว โดยชาล็อตจะร้องไห้เพราะกลัวว่าจะกระทบการทำงาน จึงได้พูดให้เขาสบายใจที่สุดในเรื่องที่เขาไม่สบายใจและให้เขาพักผ่อน ได้พูดคุยกันทั้งคืนจนเช้า กำชับไม่ให้ผู้เสียหายวางสายโทรศัพท์ ส่วนชื่อที่เอามาใช้หลอกมีอยู่ในอินเทอร์เน็ต เริ่มทำงานสาย 1 เมื่อปี 66 ต่อมาในปี 67 ได้ขยับเลื่อนมารับสาย 2

ที่ผ่านมาเคยหลอกบุคคลที่มีชื่อเสียงคือ น.ส.ชาล็อต ออสติน และแอนชิลี และเคยพยายามหนีออกจากขบวนการ แต่โดนใช้ไม้เบสบอลตี 5 ครั้ง ที่หลุดออกมาจากวงโคจรได้เพราะป่วยเป็นโรคหัวใจ โดยขบวนการได้ปล่อยให้เดินทางกลับพร้อมให้เงินมา 40,000 บาท เนื่องจากให้เหตุผลว่าตัวเองไม่มีประโยชน์กับขบวนการแล้วกลับมาไทยได้เพียง 2 สัปดาห์ กระทั่งโดนจับ
ส่วนขั้นตอนการตั้งทีมคอลเซ็นเตอร์นั้น ทุกคนจะโดนจับอบรม 7 วัน โดยจะต้องไปฟังสคริปต์ว่าจะต้องทำหน้าที่อย่างไร และมีการฝึกวิธีการพูด การโทรฯ และการหลอกคนว่าจะต้องทำอย่างไร โดยคนจีนเป็นคนเขียนสคริปต์ให้และมีล่ามเป็นผู้แปลให้และได้รับส่วนแบ่งด้วย ส่วนบอสชาวจีนมีมาพบทีมงานบ้างแต่ไม่บ่อย
ที่ผ่านมามีตำรวจกัมพูชามาตรวจสอบอยู่บ่อยครั้ง เมื่อมาถึงจะทำการหลบซ่อนแล้วก็ล็อกห้องเหมือนไม่มีคนอยู่ หนึ่งปีจะมาตรวจ 4-5 ครั้ง โดยชั้น 13 ที่พักจะเป็นห้องยาวแล้วก็มีห้องแบ่งเหมือนโรงแรมทั่วไป มีผู้ร่วมขบวนการอยู่ 30-40 คน ที่ผ่านมาพบว่า มีคนจีน อินโดนีเซีย อินเดีย และมาเลเซีย อยู่ในอาคารนั้นด้วย มีคนคุมระบบหลังบ้านเป็นชาวจีน

ส่วนที่ไม่ขอความช่วยเหลือจากตำรวจที่มาตรวจเพราะเกรงว่าตำรวจจะมีส่วนรู้เห็นกับขบวนการนี้และไม่รู้ว่าหากขอความช่วยเหลือแล้วจะถูกจับได้ก่อนหรือไม่ ที่ผ่านมาเคยพยายามหลบหนีแล้วหนึ่งครั้ง เคยขอความช่วยเหลือไปยังสถานทูตไทยแต่ถูกจับได้ก็ถูกทุบตี จึงไม่ทำอะไรที่เสี่ยงให้ตัวเองถูกทำร้ายอีก
หากไม่ทำก็ถูกทำร้าย ที่ทำเพราะมีปัญหาหนี้สินที่ต้องเคลียร์ โดยสมัครไปเป็นแอดมินเว็บพนันเพื่อรับเงินและโอนเงินเข้าระบบให้ลูกค้าแต่เมื่อไปถึงกลับถูกยึดหนังสือเดินทาง และบังคับให้ทำงานเป็นคอลเซ็นเตอร์
ส่วนพฤติการณ์ในการหลอกลวงผู้เสียหายจะประกอบไปด้วย 3 สาย โดยสาย 1 จะข่มขู่ว่าผู้เสียหายมีความผิดฐานฟอกเงินและเกี่ยวข้องกับยาเสพติด จากนั้นโอนไปยังสายที่ 2 เพื่อพูดคุยโน้มน้าวปลอบให้เหยื่ออยู่ในสาย หากโอนเงินมาให้ตรวจสอบจะปลอบเหยื่อว่าได้เงินคืนอย่างแน่นอน ก่อนจะโอนไปยังสายที่ 3 ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชา และทำหน้าที่ให้ความช่วยเหลือ โดยบทบาทที่มีการแอบอ้างจะอ้างตัวเป็นตำรวจและเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ

ล่าสุดสดๆร้อนๆ ตำรวจ สอท.ก็จับกุมผู้หมวดกองร้อยปอยเปตได้อีกคนคือ นายอนุวัต อายุ 23 ปี คนนี้อ้างตัวเป็น ร.ต.ท.สังกัด สภ.เมืองมุกดาหาร วิดีโอคอลหลอกผู้เสียหายมาแล้ว 151 เคส ทำเงินได้ถึงกว่า 800 ล้านบาท แต่โดนจับตัวได้เพราะกลับไทยมาเกณฑ์ทหาร สารภาพเงินเดือนครึ่งแสน ไม่รวมส่วนแบ่ง
สรุปวิธีการของพวกมันคือการโทร 3 สาย โดยสายที่ 1 จะทำหน้าที่โทรศัพท์ไปหลอกผู้เสียหายก่อน ชวนผู้เสียหายหลงเชื่อ หรือไม่ก็ข่มขู่ แล้วโอนสายไปหาสายที่ 2 ให้ปลอบใจ คลายความกังวล ซึ่งจะแต่งตัวเป็นตำรวจ เพื่อให้เกิดความน่าเชื่อถือ ก่อนจะส่งไปยังสายที่ 3 เพื่อปิดดีลให้ผู้เสียหายโอนเงิน..แม่งแท็กทีมกันหลอกลวงจริงๆ.
ข่าวสารตำรวจ

บันทึกความร่วมมือ
พ.ต.อ.รักชาติ เรืองเจริญ ผกก.สภ.ชุมแพ จ.ขอนแก่น มอบหมายให้ พ.ต.ต.อัมพร จักษุทิพย์ สวป.(ชส.) สภ.ชุมแพ ร.ต.ท.อนันต์ พิมพา รอง สว.(ป.) สภ.ชุมแพ ครูตำรวจแดร์(D.A.R.E.) เข้าเป็นวิทยากร อบรม ให้ความรู้แก่นักเรียน ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนโคกม่วงศึกษา ตามโครงการ การศึกษาเพื่อต่อต้านการใช้ยาเสพติดในเด็กนักเรียน แดร์ประเทศไทย (D.A.R.E.) ก่อนร่วมลงนามบันทึกข้อตกลง MOU กับทางโรงเรียน เพื่อร่วมกันแก้ปัญหายาเสพติดอย่างจริงจัง
งดเผาที่โล่ง
ร.ต.อ.อนุชิต สุระปัญญา รอง สวป.สภ.คลองกิ่ว ปฏิบัติหน้าที่สายตรวจรถยนต์ (ร้อยเวร20) โดยได้ร่วมกันประชาสัม พันธ์ตามหนังสือสถานีตำรวจภูธรคลองกิ่ว เรื่อง“งดทำการเผาในพื้นที่โล่ง”พร้อมแนบเอกสารสรุปข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมการเผาในที่โล่งให้กับประชาชน ผู้ประกอบการ และ ผู้นำท้องที่ ภายในเขตพื้นที่ ตำบลคลองกิ่ว
บริการประชาชน
พ.ต.อ.ฐนพงศ์ โพธิ์ทิ ผกก.สภ.เสม็ด พร้อมด้วย พ.ต.ท.สุรเชษฐ เอนกศรี รอง ผกก.ป.สภ.เสม็ด ได้ออกตรวจหน่วยเลือกตั้ง นายก อบจ.ชลบุรี และสมาชิก อบจ.ชลบุรี ในเขตพื้นที่รับผิดชอบ พร้อมทั้งได้นำรถวีลแชร์ไปด้วย และขณะกำลังปฏิบัติก็ได้พบเห็นประชาชนที่มาใช้สิทธิ์เดินไม่สะดวก จึงได้นำรถวีลแชร์มาให้บริการ ทำให้ประชาชนที่ได้รับการบริการ มีความพึงพอใจ ชื่นชมและขอขอบคุณในการช่วยเหลือครั้งนี้

จบแล้ว
พ.ต.อ.เฉลิมวุฒิ- วิภาภรณ์ วงษ์เวียงจันทร์ รอง ผบก.ภ.จว.สุพรรณบุรี ว่าที่ ร.ต.ต.ศุภฤกษ์ วงษ์เวียงจันทร์ (หมวดวอร์ม)บุตรชาย จบนักเรียนนายร้อยตำรวจสามพราน รุ่นที่ 78 ผบ.ตร.ประดับยศ เป็นที่เรียบร้อย ขอให้เจริญลอยตามตำรวจน้ำดีเหมือนพ่อ หน้าที่การงานมั่นคง

สร้างเครือข่าย
พ.ต.อ.ศักดิ์ชัย อินทรปรีชา รอง ผบก.ภ.จว.สุพรรณบุรี พ.ต.อ.กฤศ จันทร์สว่าง รอง ผบก.ภ.จว.สุพรรณบุรี รรท.ผกก.สภ.เมือง พ.ต.ท.ตะวัน วัฒนรังสรรค์ รอง ผกก.ป สภ.เมืองสุพรรณบุรี ร่วมพิธีเปิดอบรม โครงการสร้างเครือข่ายการมีส่วนร่วมของประชาชน ในการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในระดับสถานีตำรวจ เพื่อสนับสนุนการป้องกันอาชญากรรม ณ ศาลาสมเด็จพระนเรศวรมหาราช วัดป่าเลไลยก์วรวิหาร ต.รั้วใหญ่ อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี
*************************************
คอลัมน์ : สน.รอตรวจ
โดย : บิ๊กสลีป