ส่อเค้าบานปลายกลายเป็นปัญหาของรัฐบาลอีกเรื่อง กลุ่มทุน ไม่ยำเกรงกฎหมายบ้านเมือง รุกเงียบบุกเข้าไปแผ้วถางทำลายป่าและพื้นที่หลวง โดยเฉพาะจังหวัดทางภาคตะวันออก ในพื้นที่ อ.แก่งหางแมว–เขาคิชฌกูฏ–ขลุง จ.จันทบุรี และ อ.บ่อไร่ จ.ตราด มานานสักพักใหญ่ ๆ แล้ว
ขุดภูเขา ตีแปลงแนวขั้นบันได ลงต้นทุเรียนเรียบร้อย บางพื้นที่บุกอ่างเก็บน้ำ ปลุกทุเรียนแปลงใหญ่นับพันไร่
พอสื่อนำเสนอภาพข่าวออกไป ชาวบ้านวิจารณ์สนั่น อะไรมาบังตาเจ้าหน้าที่จนหูหนวกตาบอด ไม่รู้เรื่อง รถไถบุกเข้าไปแผ้วถางป่า เลื่อยยนต์ตัดโค่นไม้ใหญ่บนภูเขาสนั่นหวั่นไหว อ่างเก็บน้ำกลายเป็นแปลงทุเรียน ขณะที่บรรดา หน่วยเฉพาะกิจ ของหน่วยงานเกี่ยวข้อง ออกมากระตือรือร้นตรวจสอบขึงขัง แต่สภาพป่าเขาถูกบุกทำลายไปแล้ว
ปัญหาในพื้นที่ จ.จันทบุรี และตราด คดีเพิ่งเริ่มนับหนึ่ง แต่มาพบอีกจุดของภาคตะวันออก คราวนี้เป็น “พื้นที่ทับซ้อน” ใกล้ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าแควระบม และป่าสียัด อ.ท่าตะเกียบ จ.ฉะเชิงเทรา “ทุนไทย” กว้านซื้อที่ดินจากชาวบ้านนับพันไร่ ไปขายให้ “ทุนจีน” แปรสภาพกลายเป็นทุเรียนแปลงใหญ่ไปเรียบร้อย เต็มพื้นที่ 1,500 ไร่ เกษตรกรธรรมดาๆ คงไม่มีทุนสร้างสาธารณูปโภค ไฟฟ้า ประปา อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ รวมถึงอาคารสำนักงาน จัดระบบมาตรฐาน แปลงปลูกทุเรียนแนวยาวสุดลูกหูลูกตา
ผลการตรวจสอบเบื้องต้น พบหลักฐานชัด ที่ดินบางส่วนอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติฯ บางส่วนอยู่ระหว่างการสำรวจรายชื่อราษฎร เพื่อให้เข้าทำกินอย่างถูกต้องภายใต้ คณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.) และบางส่วนได้จัดสรรที่ดินให้ชาวบ้านไปบ้างแล้ว
ยิ่งไล่ตรวจสอบรายละเอียดข้อมูลลงลึกไปน่าตกใจ! มีชาวบ้านจากใน จ.จันทบุรี–ตราด ถูกนำชื่อมาสวมสิทธิ กลายเป็น “เกษตรกรทิพย์” มีชื่อได้สิทธิที่ดิน คทช. รายละ 20 ไร่ ระบุทำสวนทุเรียน เดลินิวส์ไปตามถามหาพูดคุยกับชาวบ้านบางคนบ้านอยู่ใน อ.ขลุง จ.จันทบุรี ยืนยันไม่รู้เรื่องว่าตัวเองได้สิทธิ คทช.ใน จ.ฉะเชิงเทรา
แม้ทาง นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) สั่งการให้ ทสจ.ฉะเชิงเทรา ไปแจ้งความดำเนินคดีกับทางบริษัทที่ครอบครองที่ดินดังกล่าวแล้ว พร้อมให้ กรมป่าไม้ ยึดที่คืนมาทั้งหมดกลับมาทำเป็นป่าชุมชน ส่วนในทางคดีความก็ให้ตำรวจดำเนินการไปตามกฎหมาย ยืนยันที่ดินคทช. ห้ามซื้อขายเด็ดขาด หากทำผิดวัตถุประสงค์ ยึดที่คืนดำเนินคดีแล้ว ยังขึ้น “บัญชีดำ“ จะไม่มีสิทธิใด ๆ ในที่ดินของรัฐอีกต่อไป
เรื่องคงไม่ใช่จะจบง่าย ๆ เหมือนทางปลัดทรัพยากรฯให้สัมภาษณ์ไว้ ในเมื่อ ป่ามันลั่น ไปเจอชื่อ “เกษตรกรทิพย์” โผล่มาอยู่ในสิทธิที่ดิน คทช. ใน อ.ท่าตะเกียบ แค่ 2-3 คนคงทำกันไม่ได้ เชื่อว่าทำกันเป็นขบวนการ ทั้ง นายทุนไทย–เจ้าหน้าที่รัฐนอกรีต เอาชื่อชาวบ้านจากที่อื่นมาสวมสิทธิ รวบรวมจนกลายเป็นที่แปลงใหญ่ ขายให้ นายทุนจีน ปลูกทุเรียน
ปัญหาป่าลั่น ถูกบุกรุกกลายเป็น สวนทุเรียน ในพื้นที่ 3 จังหวัดภาคตะวันออกคงยังไม่จบง่าย ๆ ล่าสุด รมว.ทรัพยากรฯ สั่งกำชับกรมป่าไม้เร่งสแกนรายแปลงที่ดิน 7.2 ล้านไร่หลังส่งมอบให้ คทช. มีซื้อขายเปลี่ยนมือ–ใช้ผิดวัตถุประสงค์หรือไม่ เสียดายนโยบายดี ๆ ไปตกอยู่ในมือ ทุนจีน ได้ทำเกษตรแปลงใหญ่แถมขยับรุกกินพื้นที่ป่าสงวนฯ
ชาวบ้านไปเก็บเห็ดในป่าสงวนฯ มาขายหารายได้ยามหน้าฝน ยังถูกจับไม่มีละเว้น แล้วคดี “นายทุนใหญ่” ทั้งขุดเขาทำลาย-รุกป่าครอบครองทรัพยากรธรรมชาติ เข้าข่ายผิดกฎหมายฟอกเงิน ก็ต้อง “ยึดทรัพย์” จริงจัง เป็นตัวอย่าง!!.
………………………………………
เชิงผา