ขณะเดียวกัน การเลือกตั้งครั้งนี้ซึ่งเป็นการเลือกตั้งก่อนกำหนดการเดิม คือในเดือนพ.ย. 2568 จะเป็นบททดสอบครั้งแรกของพรรคกิจประชาชน ( พีเอพี ) ภายใต้การนำของหว่อง ซึ่งสืบทอดอำนาจต่อจากนายลี เซียน ลุง บุตรชายของนายลี กวน ยู รัฐบุรุษและผู้ก่อตั้งประเทศ และถือเป็นการสิ้นสุดยุคสมัยทางการเมืองของ “ตระกูลลี” อย่างเป็นทางการ
แม้ผลการเลือกตั้งสามารถคาดเดาได้อย่างไม่ยากเย็น ว่าพรรคพีเอพีซึ่งผูกขาดการบริหารสิงคโปร์ นับตั้งแต่การสถาปนาประเทศ เมื่อ 60 ปีที่แล้ว จะยังคงได้รับชัยชนะ แต่การที่ฝ่ายค้านได้รับการเลือกตั้งมากขึ้น จะถือเป็นมาตรวัด “ความนิยมที่แท้จริง” ของชาวสิงคโปร์ที่มีต่อหว่อง
ยิ่งไปกว่านั้น การเลือกตั้งทั่วไปของสิงคโปร์ในครั้งนี้ เกิดขึ้นท่ามกลางความแปรปรวนอย่างหนักของเศรษฐกิจโลก จึงสร้างความตึงเครียดไม่น้อยให้กับสิงคโปร์ ประเทศที่มีประชากรเพียง 6 ล้านคน และอาศัยการส่งออกเป็นแหล่งสร้างรายได้หลักเข้าประเทศ ท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับความรุนแรงของสงครามการค้า ระหว่างสหรัฐกับจีน ซึ่งขึ้นภาษีตอบโต้กันอย่างหนักหน่วง
ทั้งนี้ กระทรวงการค้าและอุตสาหกรรมของสิงคโปร์ปรับลดคาดการณ์ การขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศในปีนี้ ลงมาอยู่ที่ระหว่าง 0.0-2.0% จากเดิมซึ่งเคยคาดการณ์ไว้ระหว่าง 1.0-3.0%
อย่างไรก็ดี หว่องสามารถสร้างโอกาสจากความตึงเครียดครั้งนี้ได้ จากการที่รัฐบาลสิงคโปร์มีนโยบายการค้าและการคลังที่ชัดเจนมาตลอด และแนวทางการเจรจาที่ยืดหยุ่น ดังนั้น การบริหารนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลหว่องจึงไม่น่ากังวลมากนัก หากเทียบกับความเปลี่ยนแปลงของพลวัตทางการเมืองในสิงคโปร์เอง ที่เกิดกระแสคนรุ่นใหม่ต้องการให้การเมืองของประเทศ “มีความแตกต่างและความหลากหลายมากขึ้น” เพื่อเป็นการถ่วงดุลอำนาจทางการเมือง
ย้อนกลับไปยังการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อปี 2563 พรรคคนงานซึ่งเป็นฝ่ายค้านของสิงคโปร์ ได้รับการเลือกตั้ง 10 ที่นั่ง จากทั้งหมด 93 ที่นั่ง ซึ่งเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ที่ฝ่ายค้านของประเทศสามารถมีที่นั่งในสภาเป็นเลขสองหลัก
สำหรับการเลือกตั้งทั่วไปของสิงคโปร์ครั้งนี้ จะมีการชิงชัย 97 ที่นั่งในสภาแห่งชาติ เพิ่มขึ้น 4 ที่นั่ง จากการเลือกตั้งเมื่อ 5 ปีก่อน เนื่องจากคณะกรรมการการเลือกตั้งกำหนดเขตเลือกตั้งใหม่ แต่เป็นการดำเนินการที่เรียกเสียงวิจารณ์อย่างหนักจากฝ่ายค้าน ว่าเป็น “การแบ่งเขตเลือกตั้งแบบเอาเปรียบ” โดยเอาผลประโยชน์ทางการเมืองเป็นที่ตั้ง
แต่ท้ายที่สุดแล้ว ผลการเลือกตั้งทั่วไปของสิงคโปร์จะออกมาในรูปแบบใด พรรคพีเอพีจะมีเสียงลดลงหรือไม่ แล้วพรรคคนงานจะเดินหน้าสร้างประวัติศาสตร์ต่อไปได้หรือเปล่า ย่อมขึ้นอยู่กับมุมมองของชาวสิงคโปร์เองเท่านั้น ว่าต้องการให้บรรยากาศของสภาชุดใหม่เป็นอย่างไร และบรรดาสมาชิกสภาที่เลือกเข้าไปนั้น จะสามารถทำหน้าที่ตอบโจทย์ประชาชนได้มากน้อยแค่ไหน.
เลนซ์ซูม
เครดิตภาพ : AFP