เผือกร้อนของรัฐบาลที่นำโดยพรรคเพื่อไทยในขณะนี้ คือจะเอาอย่างไรกับ ร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ….หรือร่างกฎหมายเอ็นเทอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ที่มีเรื่องของ กาสิโน”เข้ามาเกี่ยวข้อง และเป็นหัวใจหลักของกฎหมายฉบับนี้  “คอลัมน์ตรวจการบ้าน” จึงต้องมาสนทนากับ จตุพร พรหมพันธุ์” วิทยากรคณะหลวมรวมประเทศไทย ในฐานะแกนนำม็อบเสื้อขาว ที่ค้านเรื่องนี้อย่างเต็มพิกัด ซึ่งภาคประชาชนจะมีแนวทางงัดข้อกับรัฐบาลในประเด็นนี้อย่างไร

โดย “จตุพร” เปิดประเด็นถึงกระแสการชุมนุมลงถนน เพื่อต่อต้านนโยบาย“กาสิโน”ของรัฐบาลแพทองธาร ว่า เรื่องนี้ถือว่าเป็นการจุดติดกลุ่มคนไม่เห็นด้วยมานานมากแล้ว เพียงแต่ว่ารูปแบบไม่ใช่เป็นการชุมนุมลักษณะแบบเดิม เพราะกระแสเสียงเรื่องการต่อต้านกาสิโนไปไกลทั้งแผ่นดินในยุคสงครามโซเชียลมีเดีย และการลุกขึ้นมาของภาคประชาสังคม แต่ละภาคส่วนนั้นไปไกลมาก จนกระทั่งว่าใส่เสื้อขาวแสดงออกกันทั้งแผ่นดิน จนรัฐบาลต้องถอยเลื่อนวาระการประชุมสภาออกไป แล้วมาดูถูกดูแคลนว่าประชาชนไม่รู้ ไม่เข้าใจ

@คิดว่ารัฐบาลจะเดินหน้าเรื่องกาสิโนต่อได้หรือไม่

ณ ขณะนี้รัฐบาลเองเจอทั้งศึกนอก ศึกในอยู่แล้ว ในพรรคร่วมรัฐบาลแน่นอนที่สุดก็เห็นอยู่แล้วว่าเขาไม่พร้อมที่จะปล่อยเรื่องนี้ให้ผ่านไปอย่างที่ไม่ได้มีการทักท้วง ไม่มีการขัดขวางจากบรรดานักการเมืองด้วยกัน จุดยืนของวุฒิสภาก็ประกาศชัดว่าผู้แทนราษฎรคนใดให้ความเห็นชอบกับร่างกฎหมายกาสิโนนี้ เขาจะยื่นถอดถอนเรื่องจริยธรรม เรื่องยุทธศาสตร์ชาติทุกคน ดังนั้นไม่ได้เป็นเรื่องที่จะทำอะไรได้อย่างง่ายดาย ที่ว่าเสียงข้างมากลากไป ก็ไม่ได้เป็นอย่างนั้น พรรคเพื่อไทยต้องยอมรับความจริงให้ได้ว่าสิ่งที่ทำมาทั้งหมด เรื่องที่เป็นโยบายที่ใช้หาเสียงเลือกตั้งแทบจะไม่ทำเลย

“หลักคือเขาจนมุมด้วยข้อเท็จจริง ภาคประชาสังคมเขาจับไล่ได้ทัน ประชาชนตื่นตัว  ปัญหาในพรรคร่วมรัฐบาล ในวุฒิสภาและบรรดาองค์กรต่างๆ ซึ่งล้วนแต่เป็นผู้ที่รู้ทันรัฐบาล รู้ทันทั้งพ่อนายกฯและตัวนายกฯ ทั้งสิ้น ที่ออกมาในการต่อต้าน เพราะฉะนั้นถ้าตัวเองมั่นใจว่าสามารถทำความเข้าใจกับประชาชนได้ ก็ยุบสภาเสีย และประกาศชูธงเรื่องกาสิโนเป็นนโยบายที่ใช้ในการหาเสียงเลือกตั้ง แล้วให้ประชาชนเขาตัดสิน”

@มองว่านอกจากเรื่องกาสิโนแล้ว ยังมีเรื่องใดที่จะทำให้คนไม่พอใจลงถนนร่วมขับไล่รัฐบาล

ผมเชื่อว่าเรื่องชั้น 14 คงจะใกล้เข้ามาตามลำดับแล้ว และเรื่อง พ.ร.บ.ศูนย์กลางทางการเงิน ซึ่งจะเปลี่ยนแปลงระบบเงินตราของประเทศไทยไปตลอดกาลนี่ก็เป็นเรื่องที่น่ากังวล เรื่องของการขายแผ่นดินให้กับต่างชาติ ไม่ว่าแลนด์บริดจ์ซุกที่ 3 แสนไร่ หรือว่าแนวคิดเรื่องการขายพื้นที่เป็นระยะเวลา 99 ปี นี่ก็ไม่ได้หยุด หรือแม้กระทั่งเรื่องพลังงานไทย-กัมพูชา ก็ยังไม่ได้ละความพยายาม และเห็นถึงขบวนการที่จะไปยึดบางจากตามลำดับ

“พอมีเรื่องใดที่ประชาชนยืนขวางก็ดูเหมือนว่าจะเกิดความชะงัก ไปปรับวิธีการและหยิบเรื่องอื่นขึ้นมา เรื่องแหล่งพลังงานไทย-กัมพูชา และเรื่องกาสิโน ก็เป็นตัวอย่างหนึ่งว่าท้ายที่สุดพอประชาชนยืนขวางก็เลื่อนออกไป รู้ว่าประชาชนเผลอตอนไหนก็จะเอากลับมาอีก ดังนั้นช่วงปิดสมัยประชุมสภา ผมก็อยากจะดูน้ำหน้าเหมือนกันว่าใครจะออกมารณรงค์ทำความเข้าใจกับประชาชน” 

@มองว่าพรรคภูมิใจไทยจะเอาด้วยกับเรื่องกาสิโนหรือไม่

บรรดาพรรคร่วมรัฐบาลแน่นอนที่สุดเขาต้องรู้อนาคตของเขาเหมือนกันว่า จะยอมให้สมาชิกพรรคที่ไปให้ความเห็นชอบกฎหมายฉบับนี้ถูกวุฒิสภาถอดถอนหรือไม่ ซึ่งผมเชื่อว่าไม่ใช่เฉพาะพรรคภูมิใจไทย พอถึงเวลาเข้าจริงๆ ทุกพรรคเขาก็ต้องคิดเหมือนกัน ก็เห็นอยู่แล้วว่าสิ่งที่ นายจรัญ ภักดีธนากุล อดีตตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ชี้ว่าทั้งเรื่องรัฐธรรมนูญ ทั้งมาตรฐานทางจริยธรรม เรื่องยุทธศาสตร์ชาติ เข้าข่ายทั้งนั้น และวุฒิสภาใช้เสียงเพียงแค่ 1 ใน 10 หรือ 20 เสียง ก็สามารถยื่นกันได้โดยทันที ถ้ากล้าก็ทำเลย ไม่เห็นปัญหาเลย ในส่วนของภาคประชาชนก็เห็นได้อย่างชัดเจน เสื้อขายพรึบขนาดนั้น ถ้าเขาประเมินแล้วเขาไปได้จริง เขาไปแล้ว  เพราะฉะนั้นก็รู้อยู่แล้วว่ามันไม่ได้ง่ายตามที่แสดงความอยาก

@การที่พรรคภูมิใจไทยมีท่าทีไม่เห็นด้วยเป็นเพราะผลประโยชน์ไม่ลงตัวหรือไม่

อนาคตทางการเมือง  มันไปล่มหัวจมท้ายในเรื่องที่จะมีผลทางการเมืองของแต่ละพรรคนั้น เป็นเรื่องที่เขาต้องคิด มันไม่ใช่เรื่องของผลประโยชน์  ณ ปัจจุบัน แต่มันคืออนาคตเหมือนกัน และถ้ามันเข้าข่ายว่าถูกดำเนินการถูกถอดถอน ถูกตัดสิทธิ์กันตลอดชีวิต แล้วตัวเองเนื้อไม่ได้กิน หนังไม่ได้รองนั่ง แต่กระดูกแขวนคอ และได้รับการประณามไปตลอด ดังนั้นนักการเมืองเขาก็ต้องคิดเป็นเรื่องธรรมดา เพียงแต่ว่าใครจะคิดเสียงดัง ใครจะแสดงออกโดยเปิดเผย หรือว่าเก็บความไม่เห็นด้วย พอถึงเวลาวันที่ต้องไปวัดกันจริงๆ ก็ลองเอาเข้าสภากันในวันไหนก็จะรู้

ซึ่งที่เราเห็นชัดพรรคประชาชาติเขาก็แถลงการณ์ชัดเจนว่าไม่รับหลักการ ซึ่งไม่ใช่เฉพาะที่เลขาธิการพรรคภูมิใจไทยออกมาพูด ผมว่าก็อึดอัด เพียงแต่ว่าการเป็นรัฐบาลผสมลักษณะแบบนี้พรรคการเมืองบางพรรคก็อาจจะกลัวว่าจะถูกปรับออก อาจจะไม่แสดงอาการ แต่พรรคบางพรรคเขารู้เลยว่า ถ้าเขาไปเห็นชอบด้วย นอกจากสุ่มเสี่ยงเรื่องศาลรัฐธรรมนูญแล้ว ก็ยังสุ่มเสี่ยงต่อความไว้เนื้อเชื่อใจของประชาชนในพื้นที่ พูดง่ายๆ ว่าสอบตกกันระนาว ที่สำคัญที่สุดพรรคร่วมแต่ละพรรคโดยเฉพาะพรรคที่เขามีศักดิ์ศรีเขาก็ต้องแสดงออกว่าไม่พร้อมจะเป็นลูกไล่ เหมือนกับสมาชิกพรรคของตัวเอง  เขาก็คิดว่าตัวเองเป็นหุ้นส่วนหนึ่ง และไม่ได้กลัวที่จะมีการยุบสภา เพราะว่าถ้ายุบสภานาทีนี้ พรรคที่จะเจ๊งกว่าเพื่อนคือพรรคเพื่อไทย

@สมัยรัฐบาลที่แล้วเกือบทุกพรรคดูเหมือนเห็นด้วยกับเรื่องกาสิโน

เรื่องนี้มีความพยายาม แต่ว่าครั้งนี้มันเห็นตัวละคร เห็นเจตนาว่าต้องการอะไร ความจริงประธานาธิบดี สีจิ้นผิง ก็เตือนตอน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แล้ว ตอนที่เดินทางเยือนจีน ว่าอย่าไปทำกาสิโน เพราะเงินที่ได้จากกาสิโนนำมาพัฒนาชาติไม่ได้ เพราะไปทำลายความมั่นคง และจะเห็นได้อย่างชัดเจนว่า เมื่อประเทศไทยไม่ฟัง วันนี้นักท่องเที่ยวที่หายเป็นชาติแรกคือนักท่องเที่ยวจีน ตัวเลขหายจนน่าตกใจในทุกที่ ลองไปเช็กดู

ดังนั้นการทำเรื่องนี้เรามีบทเรียนอยู่แล้ว ว่าที่รัฐบาลเคยทำท้ายที่สุดก็พังเพียงแค่ระยะเวลา 82 วันเท่านั้น นายกฯ พ่อนายกฯ ควรจะไปอ่านพระราชหัตถเลขาของรัชกาลที่ 5 เมื่อครั้งเสด็จประพาสยุโรปครั้งที่ 2  ถึงกรมพระยาดำรงราชานุภาพ และพระบรมราโชวาทของรัชกาลที่ 9 ในงานพระราชทานปริญญาบัตร นักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ วันที่ 4 ส.ค.2517  ในเรื่องบ่อนการพนัน  น้อมนำมาแล้วจะรู้ว่าอะไรควรทำหรือไม่ควรทำ