อย่างไรก็ตาม สิ่งที่หลายคนมีปุจฉาน่าจะเป็น “เกณฑ์ความสวย” ที่เว็บไซต์ดังกล่าวแจกแจงไว้ว่า…ประเมินจากแหล่งข้อมูลต่าง ๆ ที่รวมถึงปัจจัยแวดล้อมเกี่ยวกับ “มูลค่าความงาม” ในแต่ละประเทศ ตาม “นิยามความสวย” เช่น การรู้จักดูแลตนเอง การลงทุนด้านความงาม เครื่องสำอาง และการศัลยกรรม ซึ่งนักวิเคราะห์มองว่า…การที่คนยุคใหม่นิยม “อัปเกรดสวยหล่อ” เพราะ

มองเป็น “การลงทุนรูปแบบหนึ่ง”

ที่จะช่วย “เพิ่มโอกาสต่าง ๆ ให้ได้”

ทั้งนี้ ว่าด้วย “ความสวยกับเศรษฐศาสตร์” ที่ “ทีมสกู๊ปเดลินิวส์” จะสะท้อนต่อข้อมูล กับประเด็นนี้ก็นับว่าน่าสนใจ โดยปัจจุบัน “ความสวยถูกมองเป็นมูลค่า” เนื่องจากธุรกิจเกี่ยวกับความงามเป็นอีกอุตสาหกรรมที่มีมูลค่ามหาศาล เติบโตสูงขึ้นเรื่อย ๆ อีกทั้งยังมีการมองว่า “ความสวยคือการลงทุน” เพราะ “เพิ่มโอกาสชีวิต-โอกาสรายได้” ให้ผู้หญิงได้ ซึ่งเรื่องนี้ก็มีมุมมองนักเศรษฐศาสตร์ คือ ดร.สัณห์สิรี โฆษินทร์เดชา คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) และผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐศาสตร์พฤติกรรม ที่สะท้อนไว้ผ่านรายการพอดแคสต์ เกี่ยวกับ“บิวตี้สแตนดาร์ด (Beauty Standard)”

ว่าด้วย “เศรษฐศาสตร์ของความสวย”

ดร.สัณห์สิรี โฆษินทร์เดชา

ในรายการพอดแคสต์ชื่อ “เศรษฐสาร” ของคณะเศรษฐศาสตร์ มธ. ทาง ดร.สัณห์สิรี ผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐศาสตร์พฤติกรรม ขยายความคำว่า “Beauty Standard” ไว้ว่า… หมายถึง “มาตรฐานความงาม” ซึ่งสะท้อนถึงค่านิยมความสวยความหล่อของผู้คนในแต่ละยุคสมัย อย่างไรก็ตาม แม้ความสวยหล่อจะถูกตีความได้ต่างกันไปตามความชอบส่วนบุคคล แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า…จริง ๆ แล้วแต่ละสังคม-แต่ละประเทศ มีการ “สร้างบรรทัดฐาน” เรื่องนี้เอาไว้เช่นกัน จนเกิดข้อถกเถียงในปัจจุบันว่า “มาตรฐานความสวยหล่อ” นี้ส่งผลให้เกิด “ช่องว่างทางสังคม”หรือไม่? เนื่องจากคนที่สวยหล่อตามมาตรฐานที่ตั้งไว้…

มักจะ “ได้รับอภิสิทธิ์บางอย่าง”

. สำหรับคำอธิบายต่อกรณีดังกล่าว ผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐศาสตร์พฤติกรรม สะท้อนไว้ว่า… เรื่องนี้เป็นประเด็นที่ลึกซึ้ง และนักเศรษฐศาสตร์ก็ให้ความสนใจ ซึ่งเรื่องมาตรฐานความงามเป็นหนึ่งในธรรมชาติของผู้คนในแต่ละสังคม โดยในทางเศรษฐศาสตร์นั้นก็ได้พยายามศึกษาวิเคราะห์หา “ค่าความสวยงาม” ซึ่งในอดีตจะมีคำที่นักเศรษฐศาสตร์ใช้กันอย่างคำว่า… บิวตี้พรีเมียม (Beauty Premium)” ที่นำมาใช้อธิบายถึง “บุคคลที่ถูกให้ความสนใจมาก” เนื่องจากในต่างประเทศมีการสนใจศึกษาปรากฏการณ์ คนหน้าตาดูดีเกินมาตรฐานมักได้รับค่าจ้างสูงกว่าคนที่หน้าตาธรรมดาทั่วไป โดยเฉพาะ…

เมื่อเทียบลักษณะงานที่ทำเหมือนกัน

นี่ทำให้เกิดศัพท์คำว่า “บิวตี้พรีเมียม”

จากงานวิจัยในต่างประเทศ ทางผู้เชี่ยวชาญเศรษฐศาสตร์ด้านพฤติกรรมท่านเดิมยังระบุในรายการพอดแคสต์อีกว่า… งานวิจัยบางชิ้นยังได้มีการทดลองเรื่อง “บิวตี้พรีเมียม” ด้วยว่า…ความสวยหล่อมีผลต่อพฤติกรรมนักลงทุนหรือไม่? ด้วยการให้กลุ่มตัวอย่างดูวิดีโอพรีเซนต์ระหว่าง “ผู้หญิงสวยเกินมาตรฐาน” กับ “ผู้หญิงหน้าตาทั่วไป” ปรากฏว่า คนที่สวยกว่าคนที่หน้าตาทั่วไปดึงดูดความสนใจได้มากกว่า ทั้งที่เนื้อหาที่พรีเซนต์เหมือนกัน ด้วยเหตุนี้จึงทำให้หลายคน “ลงทุนด้านความสวย” ให้เกินจากความเป็นบิวตี้สแตนดาร์ด เพื่อจะก้าวสู่บิวตี้พรีเมียม โดยในเชิงเศรษฐศาสตร์เรื่องนี้ “เป็นการลงทุน”

ใน “อีกรูปแบบหนึ่งของสังคมยุคนี้”

ทาง ดร.สัณห์สิรี โฆษินทร์เดชา ยังสะท้อนไว้อีกว่า…ปรากฏการณ์กับมุมมองเช่นนี้ไม่ใช่เรื่องผิดแปลก เนื่องจากถ้ามองในเชิงพฤติกรรมศาสตร์นั้น การที่คนเราต้องมีปฏิสัมพันธ์กับคนแปลกหน้าเป็นเรื่องที่ทุกคนต้องเจอ ทำให้สังคมจึงเกิดการ “สร้างทางลัดความรู้สึก” ขึ้นมา ซึ่งหนึ่งในนั้นคือเรื่อง “หน้าตารูปลักษณ์” ที่มีการนำมา ใช้พิจารณาตัดสินใจเริ่มต้นมีปฏิสัมพันธ์กับคนแปลกหน้า หรือคนที่เพิ่งรู้จัก ทำให้คนที่มี “รูปลักษณ์ตรงมาตรฐาน”หรือถ้ายิ่ง “ดูดีเกินมาตรฐาน” จึงมักจะ ได้รับการเปิดโอกาสมากกว่า หรือ สร้างแรงดึงดูดให้คนอยากเข้ามารู้จักมากกว่าคนหน้าตาธรรมดาทั่วไป…

ทั้งนี้ กับ “ปุจฉา” ที่ว่า… เรื่องนี้ส่งผลดีหรือผลเสียต่อสังคมมากกว่ากัน? กรณีนี้ ดร.สัณห์สิรี บอกไว้ว่า… คงชี้ชัดยาก เพราะแง่ดี เรื่องนี้ทำให้คนอยากพัฒนาตัวเอง ด้วยการหันมาลงทุนดูแลตัวเองเพื่อให้ดูดียิ่งขึ้น ซึ่งก็ช่วยให้ได้รับโอกาส หรือ สร้างมูลค่าเพิ่มจากความสวยความหล่อที่ตนเองได้ลงทุนไป มากกว่าคนอื่น ขณะที่อีกมุม ก็อาจก่อให้เกิดปัญหามากขึ้น เนื่องจากสังคมอาจจะมีอคติว่าเรื่องนี้ อาจทำให้เกิดการเลือกปฏิบัติ โดยมองว่า คนหน้าตาดีมักได้อภิสิทธิ์เหนือคนอื่น

สวยหล่อไม่ใช่เรื่องผิด เพียงแต่สังคมต้องช่วยกันสร้างสมดุลว่าการตัดสินใครคนใดคนหนึ่งนั้น หน้าตารูปลักษณ์เป็นเพียงองค์ประกอบหนึ่ง แต่ต้องไม่โน้มเอียงมากไปด้วยการให้คุณค่าเรื่องนี้อย่างเดียว แต่ควรนำเรื่องจิตใจที่ดี ความรู้ความสามารถที่ดี มาเป็นปัจจัยด้วย” …ดร.สัณห์สิรี ทิ้งท้ายไว้ในรายการของคณะเศรษฐศาสตร์ มธ.

ความสวย” นั้นก็ “เกี่ยวโยงกับมูลค่า”

แต่ยังไงก็ “ต้องระวังกรณีเหลื่อมล้ำ!!”.

ทีมสกู๊ปเดลินิวส์