เข้าสู่ฤดูแห่งความชุ่มฉ่ำอย่างเป็นทางการแล้ว! หลังจากที่ “กรมอุตุนิยมวิทยา” ได้ประกาศให้ประเทศไทยเริ่มต้น “ฤดูฝน” ในวันที่ 15 พฤษภาคม 2568 เป็นที่เรียบร้อย

การเริ่มต้นฤดูใหม่เช่นนี้ มักมาพร้อมกับเทศกาลและพิธีกรรมต่างๆ ที่มีรากฐานมาจากตำนานและความเชื่อในท้องถิ่นของประเทศไทย ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความผูกพันอันลึกซึ้งระหว่างผู้คนกับธรรมชาติ และความพยายามในการทำความเข้าใจปรากฏการณ์ต่างๆ รอบตัว วันนี้ “เดลินิวส์” ได้รวบรวมตำนานและความเชื่อที่น่าสนใจเกี่ยวกับ “หน้าฝน” ในวัฒนธรรมไทย ที่ได้รับอิทธิพลจากเรื่องเล่าลึกลับต่างๆ มาให้ทุกท่านได้ทราบกันค่ะ

เรื่องเล่าตำนาน “หน้าฝน” และความเชื่อในวัฒนธรรมไทย

ความเชื่อและตำนานเกี่ยวกับสายฝนในวัฒนธรรมไทยนั้นมีความหลากหลายและน่าสนใจอย่างยิ่ง สะท้อนให้เห็นถึงความผูกพันของผู้คนกับธรรมชาติและการพยายามทำความเข้าใจปรากฏการณ์ต่างๆ รอบตัว ดังนี้

1.พญาแถนและการขอฝน

ตำนานของ “พญาแถน” ถือเป็นเทพเจ้าแห่งฝนตามความเชื่อของชาวอีสาน เมื่อเกิดความแห้งแล้ง ชาวบ้านจะจัดพิธี “บุญบั้งไฟ” โดยจุดบั้งไฟขึ้นไปบนฟ้า เพื่อเป็นการส่งสัญญาณไปบอกพญาแถนให้ปล่อยฝนลงมา
ความเชื่อ: การจุดบั้งไฟเป็นการสื่อสารกับเทพเจ้า เป็นการขอให้ฝนตกต้องตามฤดูกาล เพื่อความอุดมสมบูรณ์ของพืชผล แม้ว่าวิทยาศาสตร์จะอธิบายเรื่องฝนได้แล้ว แต่พิธีบุญบั้งไฟก็ยังคงเป็นประเพณีสำคัญที่สืบทอดกันมาจนถึงปัจจุบัน

2.นางฟ้าและการให้น้ำ

ในบางท้องถิ่นมีความเชื่อว่าฝนเกิดจากการที่ นางฟ้า บนสวรรค์เทน้ำลงมายังโลกมนุษย์ ความเชื่อนี้อาจมีที่มาจากความพยายามในอดีต ที่จะอธิบายถึงที่มาของน้ำฝนจากท้องฟ้าอันกว้างใหญ่

ตัวอย่างของ “นางฟ้า” และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เกี่ยวข้องกับน้ำ
แม่คงคา: คือเทพีแห่งน้ำตามความเชื่อของไทยที่ได้รับอิทธิพลจากศาสนาฮินดู โดยเฉพาะอย่างยิ่งแม่น้ำคงคาในประเทศอินเดียถือเป็นแม่น้ำศักดิ์สิทธิ์ เป็นสัญลักษณ์ของความอุดมสมบูรณ์ ความบริสุทธิ์ และการชำระล้าง
นางไม้และจิตวิญญาณประจำแหล่งน้ำ: เช่น ความเชื่อในเรื่องของ นางไม้ หรือ “รุกขเทวี” ที่สิงสถิตอยู่ในต้นไม้ใหญ่ และ จิตวิญญาณประจำแหล่งน้ำ เช่น นางตานี (สิงสถิตในต้นกล้วยตานี) หรือ พรายน้ำ (จิตวิญญาณในน้ำ) เป็นความเชื่อพื้นบ้านที่หยั่งรากลึกในสังคมไทย จิตวิญญาณเหล่านี้มีบทบาทในการดูแลรักษาต้นไม้และแหล่งน้ำ หากได้รับการเคารพและดูแลอย่างดี ก็จะนำมาซึ่งความอุดมสมบูรณ์และความร่มเย็น แต่หากถูกรบกวนหรือไม่เคารพ ก็อาจนำมาซึ่งภัยพิบัติหรือความเดือดร้อน

3.เสียงฟ้าร้องและฟ้าผ่า

ความเชื่อ: เสียงฟ้าร้อง อาจถูกตีความว่าเป็นเสียงของเทพเจ้า หรือเป็นสัญญาณของการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ บางครั้งก็เชื่อมโยงกับเรื่องราวเหนือธรรมชาติ ส่วน “ฟ้าผ่า” มักถูกมองว่าเป็นปรากฏการณ์ที่น่ากลัวและมีพลังทำลายล้าง ในบางความเชื่ออาจเชื่อมโยงกับการลงโทษของเทพเจ้า หรือเป็นผลมาจากพลังงานธรรมชาติที่รุนแรง

4.รุ้งกินน้ำ

ความเชื่อ: รุ้งกินน้ำเป็นปรากฏการณ์ที่สวยงาม มักถูกมองว่าเป็นสะพานเชื่อมระหว่างโลกมนุษย์กับสวรรค์ หรือเป็นสัญลักษณ์ของความโชคดีและความหวังหลังพายุฝน บางพื้นที่ก็เชื่อว่ารุ้งกินน้ำปรากฏขึ้นหลังฝนตก ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ธรรมชาติกลับมาสดใสอีกครั้ง จึงเป็นสัญลักษณ์ของการเริ่มต้นใหม่และสิ่งดีๆ ที่กำลังจะมา

5.ฝนแล้งและพิธีขอฝนอื่นๆ

ในช่วงที่เกิด “ฝนแล้ง” ในประเทศไทยมี “พิธีขอฝน” ที่หลากหลายและน่าสนใจมากมายด้วยกัน เช่น..
พิธีบุญบั้งไฟ: เชื่อกันว่าบั้งไฟเป็นการส่งสัญญาณไปบอก พญาแถน เทพเจ้าแห่งฝน ให้ปล่อยฝนลงมา
พิธีแห่นางแมว: ในช่วงที่ฝนไม่ตกต้องตามฤดูกาล บางท้องถิ่นจะมีการทำพิธีแห่นางแมว โดยเชื่อว่าเสียงร้องของแมวจะช่วยกระตุ้นให้ฝนตกลงมา
พิธีปักตะไคร้: เป็นอีกหนึ่งพิธีขอฝนที่ทำกันในบางพื้นที่ โดยมีความเชื่อว่าการปักต้นตะไคร้ลงดิน จะช่วยให้ฝนตกลงมาเหมือนน้ำที่ไหลออกจากต้นตะไคร้ ในขณะที่อีกความเชื่อหนึ่งก่อนทำการมงคล หากมีการปักต้นตะไคร้ลงดินโดยสาวพรหมจรรย์ จะทำให้ฝนไม่ตกในระหว่างมีงานมงคลขึ้น
การเล่นเพลงปรบไก่ขอฝน: ที่จังหวัดเพชรบุรี ชาวบ้านจะเล่นเพลงปรบไก่ ซึ่งเป็นการละเล่นพื้นบ้านที่มีการร้องและปรบมือเข้าจังหวะ เพื่อบวงสรวงศาลและขอฝน โดยจะเล่นกันในวันเพ็ญเดือน 6 เป็นประจำทุกปี
พิธีแห่ช้างเอราวัณ (หรือช้างปัจจัยนาเคนทร์): สืบเนื่องจากความเชื่อที่ว่าช้างเป็นสัตว์ที่มีความสำคัญและเกี่ยวข้องกับความอุดมสมบูรณ์ การแห่ช้างจึงเป็นการขอให้ฝนตก

6.ความเชื่อเกี่ยวกับช่วงเวลาของฝน

ฝนต้นฤดู: เป็นที่คาดหวังและยินดี เพราะเป็นสัญญาณของการเริ่มต้นฤดูกาลเพาะปลูก
ฝนปลายฤดู: อาจถูกมองว่าเป็นสัญญาณของการสิ้นสุดการเก็บเกี่ยว และการเข้าสู่ช่วงเวลาอื่นของปี
ฝนตกหนักผิดปกติ: อาจถูกมองว่าเป็นลางร้าย หรือสัญญาณของการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่

ไม่ว่าจะเป็นตำนาน ความเชื่อ หรือเรื่องเล่าต่างๆ เกี่ยวกับ “ฤดูฝน” นั้น ย่อมเป็นอีกหนึ่งอิทธิพลต่อการตัดสินใจและกิจกรรมต่างๆ ในชีวิตประจำวันของผู้คนในอดีต เช่น การกำหนดช่วงเวลาเพาะปลูก การประกอบพิธีกรรมต่างๆ เพื่อขอฝน หรือการหลีกเลี่ยงกิจกรรมบางอย่างในช่วงที่มีฝนตกหนักนั่นเองค่ะ..