จากประวัติศาสร์หนึ่ง สู่อีกประวัติศาสตร์

ทีมฟุตซอลหญิงทีมชาติไทย แม้ไปไม่สุดทางฝัน กับการคว้าแชมป์เอเชีย แต่ก็ถือว่าเป็นผลงานยอดเยี่ยม และที่สำคัญสามารถคว้าตั๋วไปฟุตซอลหญิงชิงแชมป์โลกได้สำเร็จ

คิดแล้วก็น่าเสียดาย อีกเพียงนิดเดียวจะจารึกประวัติศาสตร์บทใหม่

เพราะแม้ฟุตซอลไทย จะเป็นเบอร์ต้นเอเชีย แต่ทีมชาติทั้งชายและหญิง ยังไม่เคยได้แชมป์เอเชียเลย

ทีมหญิง ผลงาน 2 ครั้งที่ผ่านมา ได้อันดับ 3 ทั้ง 2 ครั้ง

“แมตช์ชิงชนะเลิศวันนี้ถือเป็นเกมที่ทีมชาติไทยเล่นได้ดีที่สุดในทัวร์นาเมนต์นี้ และยังเป็นนัดชิงชนะเลิศที่ยอดเยี่ยมที่สุดของรายการนี้อีกด้วย” “บิ๊กป๋อม” อดิศักดิ์ เบ็ญจศิริวรรณ อุปนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ กล่าวหลังจบเกมรอบชิงชนะเลิศ ที่แพ้ สาวซามูไร ในการดวลจุดโทษหวุดหวิด

“ผมรู้สึกภาคภูมิใจในความมุ่งมั่น ทุ่มเท เสียสละทั้งแรงกายแรงใจของนักกีฬาทุกคนอย่างเต็มที่และขอสดุดีนักฟุตซอลหญิงทีมชาติไทย โค้ช และสต๊าฟฟ์ที่ทำหน้าที่กันอย่างสมศักดิ์ศรี”

เส้นทางของทีมฟุตซอลหญิงไทย เตรียมตัวอย่างต่อเนื่อง สำหรับศึกชิงแชมป์เอเชีย เพราะหนนี้จะเป็นครั้งแรก ที่คัดตัวแทนทวีปไปแข่งขันฟุตซอลหญิงชิงแชมป์โลก ที่จัดครั้งแรก ที่ฟิลิปปินส์

รอบคัดเลือกเตะที่ไทย เมื่อเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา สามารถชนะรวดทั้ง 4 นัด ชนะ ปาเลสไตน์ 8-1, ชนะ อิรัก 7-1, ชนะ บาห์เรน 3-1 และ ชนะ เลบานอน 4-0

จากนั้น ฟีฟ่า ได้ประกาศอันดับโลก อย่างเป็นทางการ ปรากฏว่า ทีมฟุตซอลหญิงไทย อยู่อันดับ 5 ของโลก และเป็นเบอร์ 1 เอเชีย เป็นการการันตีผลงาน

ช่วงเดือน เม.ย. จัดทัวร์นาเมนท์พิเศษ เพื่อเตรียมตัว ในรายการ “แซท ฟุตซอล แชมเปี้ยนชิพ 2025” ผลงาน ชนะ อุซเบกิสถาน 3-0, แพ้ ญี่ปุ่น 1-6 และ เสมอ “แชมป์เอเชีย 2 สมัย” อิหร่าน 0-0 จบด้วยอันดับ 2

แม้จะไม่ได้แชมป์ แต่ บิ๊กป๋อม มองในแง่ดีว่า เป็นโอกาสดีในการได้เล่นทีมแถวหน้าเอเชีย และหลังจากแพ้ ญี่ปุ่น ยับ ก็กลับมาได้ทัน เสมอ อิหร่าน ถือว่าสภาพจิตใจดี

“โค้ชโอ” ธนาธร สันทนาประสิทธิ์ เดินเครื่องเก็บตัวต่อเนื่องทันที พักแค่ 3 วันประกาศชื่อ 18 นักเตะเข้าแคมป์ซ้อมต่อ ตั้งแต่วันที่ 11 เม.ย. ซ้อมยาวเกือบ 1 เดือนและมาตัดเหลือ 14 คน ก่อนออกเดินทางไปแข่งขันชิงแชมป์เอเชีย ที่เขตปกครองตนเองมองโกเลีย ประเทศจีน

รายชื่อ 14 นักฟุตซอลหญิง

ผู้รักษาประตู : ศศิประภา สุขเสน, หนึ่งฤทัย สรหงษ์ / ผู้เล่นแนวรับ : หทัยชนก เทพคุณ, ณัฐมน อาจกล้า / ผู้เล่นแนวรับและริมเส้น : ลลิดา ฉิมพะบุตร, เจนิสตา นุนาบี / ผู้เล่นริมเส้น : ปทิตตา มูลโพธิ์, เจนจิรา บุบผา, แสงรวี มีขำ, ศศิกานต์ ทองดี, เสาวภา ตรางา / ผู้เล่นหน้าเป้า : ดาริกา เพียรภายลุน, แพรพลอย หัวใจเพ็ชร, อารียา แซ่เติ๋น

ผลงานของไทย ในศึกชิงแชมป์เอเชีย รอบแรก เปิดหัวด้วยการชนะ บาห์เรน 4-0 ศศิกานต์, เจนจิรา, ปทิตตา และ ดาริกา คนละ 1 ลูก

มาเกม 2 ออกเสมอ อินโดนีเซีย 0-0 ถือว่าฟอร์มหลุดไปบ้าง แต่จบนัดนั้น ก็การันตีเข้ารอบแล้ว

แข้งสาวไทย มาระเบิดฟอร์ม นัดสุดท้ายรอบแรก แซงชนะ ญี่ปุ่น 3-1 แพรพลอย ยิง 2 ลูก ส่วนอีก 1 ทีมญี่ปุ่นทำเข้าประตูตัวเอง

ทีมไทยเข้ารอบในฐานะแชมป์กลุ่ม

รอบ 8 ทีมสุดท้าย ชนะ ฮ่องกง 5-2 แพรพลอย, เจนจิรา 2, ณัฐมน, ดาริกา

สู่รอบรองชนะเลิศ สมัยที่ 3 ติดกัน

อีกก้าวเดียวสู่ฟุตซอลโลก และ สาวไทย ทำสำเร็จ ในการเจอ “เจ้าภาพ” จีน ที่ต้องเจอแรงเชียร์เจ้าถิ่นกดดัน

เกมดุเดือดผลัดกันนำ ผลัดกันตาม ก่อนไทยแซงชนะ 3-2 หทัยชนก กับ เจนจิรา คนละลูก ส่วนอีกลูก ที่เป็นประตูชัย บอลแฉลบทีมจีนเข้าไป

ถึงตรงนี้ ไทยสร้างประวัติศาสตร์คว้าตั๋วฟุตซอลโลกแน่นอนแล้ว และเป็นการเข้ารอบชิงชนะเลิศครั้งแรก หลังจากได้ที่ 3 มา 2 ครั้ง

แต่ยังมีภาระกิจไปให้สุดฝัน กับ “แชมป์เอเชีย”

รอบชิงฯ วนมาเจอญี่ปุ่นอีกครั้ง ในเกมสุดเดือด ญี่ปุ่น นำ 2 ครั้ง แต่ไทยตีเสมอทั้ง 2 ครั้ง จาก เจนจิรา กับ ณัฐมน จบ 40 นาที เสมอ 2-2 ต้องต่อเวลาพิเศษ

ช่วงต่อเวลา ไทย นำบ่าง จาก แพรพลอย แต่ สาวซามูไร ก็สู้ขาดใจ มาตีเสมอสำเร็จ จบ 50 นาที รวมช่วงเวลาพิเศษ เสมอโชกโชน 3-3 สมศักดิ์ศรีคู่ชิงเอเชีย

มาถึงดวลจุดโทษ ที่ถือว่า 50-50 สุดท้ายเป็น ญี่ปุ่น ชนะ 3-2 คว้าแชมป์ไปครอง

ส่วนทีมไทยได้รองแชมป์!

“เสียดายโอกาสที่เราจะได้แชมป์ครั้งแรก แต่ภูมิใจในตัวเด็กทุกคน” “โค้ชโอ” ธนาธร สันทนาประสิทธิ์ กล่าว

“ครึ่งแรกเป็นเกมที่อึดอัดในช่วงแรก เพราะญี่ปุ่นมาดีในการกดดันใส่เราแดนบน แต่บอกให้น้องๆ พยายามเล่นบอลกับพื้นเยอะๆ แต่มาพลาดจนเสียประตูแรก ผมพยายามบอกนักกีฬาทุกคนให้พยายามดึงสมาธิตัวเองกลับมา และสามารถทำได้ดีจนตีเสมอ”

“ครึ่งหลัง เรามาโดนนำอีก แค่ขาดสมาธิในเกมนิดเดียว แต่เราสามารถดึงกลับมาได้เร็วในครึ่งหลังจนตีเสมอเขา”

“เป็นเรื่องของเทคนิคนิดๆ หน่อย นักกีฬาอาจจะเกรงนิดหน่อย”

ส่วนในการดวลจุดโทษ โค้ชโอ ยอมรับว่า ไม่ได้คิดว่าจะสู้ถึงจุดนี้ เพราะคิดว่าะเผด็จศึกได้

“ยอมรับว่าเราไม่ได้คิดถึงการยิงจุดโทษ เราคิดว่าเราสามารถยิงเป็นแชมป์ในช่วงต่อเวลาหรือในเวลาได้ แต่พอจุดโทษ นักเตะบางคนไม่กล้าที่จะยิงจุดโทษเลยต้องส่งคนที่มีความมั่นใจที่สุดไปทำหน้าที่”

สำหรับ “โค้ชโอ-ธนาธร” แฟนกีฬาคงจำกันได้ เขาเป็นอดีตนักฟุตซอลทีมชาติไทย เคยคว้า MVP ฟุตซอลลีก 2007 กับการท่าเรือ, แชมป์เอเชีย 2013 กับ บลูเวฟ ชลบุรี

ติดทีมชาติชุดฟุตซอลโลก 2008 ที่บราซิล

ถ้าย้อนกลับไปอีก เขาเป็นขุนพลนักเตะของทีมฟุตซอลดัง “คลีนคาร์แคร์” ที่ตอนนั้นมี สมพงศ์ พึ่งผูก, อนุชา มั่นเจริญ, เลิศชาย อิสราสุวิภากร ชูโรง

เป็นนักเตะสไตล์ผึ้งงาน ขยัน และเมื่อมาติดทีมชาติก็ได้เรียนรู้จาก ปูลปิส มาไม่น้อย ทำทีมหญิงเน้นระบบเป็นหลัก มีทีเด็ดลูกตั้งเตะ และโต้กลับ

นับเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของฟุตซอลหญิงไทย ในความสำเร็จครั้งนี้

เพื่อก้าวสู่เวทีต่อไป

จบจากศึกเอเชีย แต่ภาระกิจทีมโต๊ะเล็กไทย ยังไม่จบ เดินหน้าต่อสู่ฟุตซอลหญิงชิงแชมป์โลก 2025 เป็นการจัดครั้งแรก โดย ฟิลิปปินส์ เป็นเจ้าภาพ ระหว่างวันที่ 21 พ.ย.-7 ธ.ค.นี้

ล่าสุดได้ 16 ชาติเข้าร่วมครบ ถ้าเรียงตามอันดับโลกตอนนี้

1.บราซิล 2.สเปน 3.โปรตุเกส 4.อาร์เจนตินา 5.ไทย 6.อิตาลี 7.โคลอมเบีย 9.อิหร่าน 10.ญี่ปุ่น 14.โปแลนด์ 19.นิวซีแลนด์ 47.โมร็อกโก 55.ฟิลิปปินส์(เจ้าภาพ)

ส่วน แคนาดา, ปานามา, แทนซาเนีย ล่าสุดยังไม่มีอันดับโลก

วัดกันแบบนี้ “เจ้าภาพ” ฟิลิปปินส์, บราซิล, สเปน, โปรตุเกส จะเป็นทีมวางโถแรก ไทยจะเป็นทีมวางโถ 2 แต่ก็ต้องดูการขยับอันดับอีกที

การต่อสู้ครั้งใหม่ และครั้งที่ยิ่งใหญ่ กำลังรออยู่ในช่วงปลายเดือน พ.ย.นี้

จากระดับเอเชีย เมื่อไปสู่โลกกว้าง สาวไทยจะทำได้ดีเพียงใด

รอติดตามผลงาน

รับประกันได้ว่า พวกเธอสู้สนุก สู้สุดใจ ไม่ทำให้ผิดหวังแน่นอน.

วุฒินล บุญวานิช